การรักษาโรคมะเร็งมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่สามารถตอบได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าวิธีใดดีที่สุด เพราะผู้ป่วยมะเร็งมีความแตกต่างกัน แต่การวิจัยทางการแพทย์ในปัจจุบันช่วยให้รักษาผู้ป่วยมะเร็งได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าอดีตมาก
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย นำคุณไปสนทนากับ อาจารย์ นายแพทย์ไตรรักษ์ พิสิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงความคืบหน้าการผลิตวัคซีนรักษามะเร็งเฉพาะบุคคล
เรียนถามว่า ปกติแล้ววัคซีนใช้ป้องกันโรคใช่ไหมครับ แต่ทำไมวัคซีนที่ทีมของอาจารย์วิจัยตัวนี้จึงใช้รักษาโรคครับ
นพ.ไตรรักษ์ : ปกติแล้ววัคซีนในความหมายทั่วไปใช้เพื่อป้องกันโรคเพื่อให้ร่างกายผู้รับวัคซีนสร้างภูมิ หรือกระตุ้นการสร้างภูมิ ดังนั้นกระตุ้นภูมิด้วยเทคนิคชนิดใดก็ตามก็สามารถเรียกว่าเป็นวัคซีนได้เหมือนกันครับ จุดใหญ่อยู่ที่การกระตุ้นภูมิของร่างกายครับ วัคซีนที่คณะวิจัยของเราทำขึ้นก็เน้นการสร้างภูมิของร่างกายเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็งครับ
งานวิจัยชิ้นนี้จะสามารถนำไปสู่การผลิตวัคซีนเพื่อใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรมในอีกกี่ปีครับ
นพ.ไตรรักษ์ : น่าจะประมาณ 3-4 ปี เพราะสิ่งสำคัญของงานวิจัยคือความมีประสิทธิภาพสูงสุดของวัคซีน วัคซีนต้องปลอดภัยกับผู้ที่ได้รับ ที่ผ่านมาเราได้ทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนแล้วพบว่าให้ผลน่าพอใจมาก แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังจำเป็นต้องทดลองต่อไปอีกระยะเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดจนเรามั่นใจว่าวัคซีนตัวนี้ไม่มีผลลบต่อผู้ได้รับการทดสอบต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3-4 ปี เป็นอย่างน้อย เมื่อเรามั่นใจแล้วก็จะดำเนินการผลิตในขั้นต่อไป สำหรับวัคซีนกระตุ้นภูมิของร่างกายนั้น หากพูดโดยทฤษฎีการกระตุ้นภูมิ ถ้าเราฉีดวัคซีนเข้าไปแล้วสามารถกระตุ้นภูมิได้ดีมากๆ ก็สามารถรักษามะเร็งได้เกือบทุกชนิดครับ เพราะเมื่อร่างกายมีภูมิที่มากพอก็สามารถต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ แต่ก็ต้องเข้าใจว่ามะเร็งแต่ละชนิดมีความต่างกัน สามารถหลบภูมิของร่างกายได้ต่างกัน มะเร็งชนิดที่หลบภูมิได้เก่งมากๆ ก็จะทำให้การกระตุ้นภูมิเกิดขึ้นได้ยากตามไปด้วย ส่วนมะเร็งที่หลบภูมิไม่เก่ง เราก็สามารถกระตุ้นภูมิเพื่อไปจัดการกับมะเร็งได้ง่าย ดังนั้นงานวิจัยของเราจึงเริ่มจากการจัดการกับมะเร็งที่หลบภูมิได้ไม่เก่ง เช่นมะเร็งเม็ดสี มะเร็งผิวหนัง มะเร็งที่ไต เป็นต้น คือหากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็พูดได้ว่ามะเร็งแต่ละชนิดมีความยากในการรักษาต่างกัน แต่ถ้าเราสร้างภูมิหรือกระตุ้นภูมิได้ดี ก็รักษามะเร็งได้ ดังนั้นเราจึงพยายามทำงานวิจัยเพื่อนำไปสู่การรักษามะเร็งเฉพาะบุคคลที่ซับซ้อนมากยิ่งๆ ขึ้นไป แต่ในเบื้องต้นเราวิจัยเพื่อรักษามะเร็งที่รักษาได้ง่ายก่อน
ส่วนใหญ่โรคมะเร็งเกิดมาจากสาเหตุสำคัญอะไรบ้างครับ
นพ.ไตรรักษ์ เป็นคำถามที่ดีมาก ขออธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ ว่า โรคมะเร็งเกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกายของเรา เมื่อเซลล์กลายพันธุ์ ร่างกายของเราก็สร้างภูมิต้านทานขึ้นมาเพื่อต่อสู้ ถ้าสองสิ่งนี้มีสมดุลกับ หรือ balance กันก็สามารถควบโรคมะเร็งได้ แต่หากการกลายพันธุ์มากจนภูมิร่างกายไม่สามารถต่อสู้ได้ โรคมะเร็งก็จะลุกลามเป็นอันตรายต่อร่างกาย ถ้าภูมิร่างกายดี เซลล์มะเร็งก็ถูกควบคุมได้ ดังนั้นเราก็ต้องทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน และต้องเลี่ยงการนำตัวเข้าไปสู่สภาวะการเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง เช่น ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพให้ดี ออกกำลังกาย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสเกิดมะเร็งได้ เพราะเราอาจจะอยู่ในสภาวะเสี่ยงแต่เราไม่ได้ระวังป้องกันตัวให้ดี เช่น ยังสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ หรือปล่อยให้ร่างกายติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ เราก็จะเสี่ยงกับการเกิดมะเร็งมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้ก็คือต้องรักษาสุขภาพของร่างกายให้ดีเป็นประจำ และอีกสิ่งที่ต้องทำคือเลี่ยงการเกิดโรคอ้วน เพราะโรคอ้วนเป็นมูลเหตุสำคัญประการหนึ่งของโรคมะเร็ง เพราะคนเป็นโรคอ้วนมีไขมันมาก แล้วไขมันคืออาหารที่ดีของมะเร็ง ทำให้มะเร็งโตได้เร็ว เมื่อมะเร็งโตเร็วก็กดภูมิต้านทานของร่างกายจนไม่สามารถสู้กับมะเร็งได้ ส่วนความเครียดก็เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งเช่นกัน เพราะเมื่อเราเครียดร่างกายจะผลิตฮอร์โมนสเตียรอยด์ออกมา แล้วสเตียรอยด์ก็ไปกดภูมิของร่างกายเรา เมื่อเรารู้ตรงนี้ก็ต้องเลี่ยงการเกิดอารมณ์เครียด สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อมะเร็งได้ ถ้าเราไม่ละเลยเรื่องเหล่านี้ เราก็จะสามารถเลี่ยงโรคมะเร็งได้ในระดับหนึ่ง
บางคนบอกว่าดูแลตัวเองดีมาก ออกกำลังกายทุกวัน ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ ระวังเรื่องอาหารมาก แต่ก็ยังเป็นมะเร็ง อาจารย์จะอธิบายเคสนี้อย่างไรครับ
นพ.ไตรรักษ์ : มีความเป็นไปได้ครับ เพราะจริงๆ แล้ว การกลายพันธุ์ของเซลล์อาจจะเกิดแบบสุ่มได้ เหมือนคนซื้อหวยแล้วถูกรางวัล เพราะเซลล์ในร่างกายเรามีโอกาสแบ่งตัวผิดปกติหรือเพี้ยนไปได้ อาจเกิดมาจากมลพิษ อาหาร น้ำ อากาศที่เรารับเข้าไปในร่างกาย สารพิษอาจสะสมในร่างกายของเรามาระยะหนึ่งจนกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง แต่สิ่งที่เราต้องทำเป็นประจำคือต้องสร้างภูมิให้ตัวเอง ต้องหมั่นตรวจร่างกาย และต้องเลี่ยงมลภาวะต่างๆ ให้มากที่สุด เพราะถ้าร่างกายมีภูมิเพียงพอก็สามารถต่อสู้กับมะเร็งได้
อุปสรรคของการวิจัยเพื่อผลิตวัคซีนตัวนี้มีอะไรบ้างครับ
นพ.ไตรรักษ์ : มีอุปสรรคแน่นอนครับ เพราะวิจัยวัคซีนนี้เป็นวัคซีนเฉพาะบุคคล เราจึงต้องวิเคราะห์คนไข้แต่ละรายว่าเขาเป็นมะเร็งจากการกลายพันธุ์ประเภทไหน แล้วจึงนำข้อมูลไปผลิตวัคซีนเพื่อรายนั้นๆ เป็นการเฉพาะ เราต้องวิเคราะห์ก่อนเป็นอันดับแรกว่า เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์อย่างไรจึงเกิดมะเร็ง จากนั้นจึงไปสู่กระบวนการคิดค้นเพื่อสร้างการกระตุ้นภูมิของร่างกาย โดยการผลิตวัคซีนป้องกันมะเร็งเฉพาะบุคคล เรื่องนี้เป็นการทำงานแบบ case by case ไม่ใช่การทำงานแบบทั่วๆ ไป เราต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าคนไข้แต่ละรายไหนมีการกลายพันธุ์แบบไหน แล้วชนิดใดกันแน่ที่ควรทำวัคซีน อีกเรื่องคือการทำวัคซีนเฉพาะรายนัั้น เราต้องทำวัคซีนให้คนไข้แต่ละคนในเวลาจำกัดมาก ประเด็นคือเราจะใช้เทคนิคการผลิตอย่างไรให้ได้วัคซีนที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อรักษาคนไข้แต่ละราย ไม่ต้องดูอะไรมากเลยดูแค่การผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ยังต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ ทั้งๆที่เป็นโรคที่คนติดเชื้อกันมากมายทั่วโลก แต่วัคซีนที่เราผลิตให้เฉพาะบุคคลก็ต้องใช้เวลาผลิตที่น่าจะนานกว่าวัคซีนชนิดที่ใช้กับคนทั่วทั้งโลก
คำถามต่อมาคือ ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งแสดงความจำนงขอนำตัวเองมาเพื่อเป็นกรณีศึกษาของอาจารย์ อาจารย์จะชี้แจงอย่างไรครับ
นพ.ไตรรักษ์ : ขอเรียนว่าเรายังอยู่ในขั้นการทดลองวิจัยครับไม่สามารถรับเคสแบบนั้นได้ แต่เคสที่เราใช้ในขณะนี้คือแพทย์ผู้รักษาเป็นผู้คัดผู้ป่วยให้กับโครงการวิจัย คือทีมของผมเป็นทีมพัฒนาวัคซีน โดยที่เราไม่ได้ไปพบผู้ป่วยโดยตรง แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการรักษามะเร็งจะเป็นคนคัดเลือกว่าจะส่งผู้ป่วยรายใดให้กับทีมวิจัยของเราครับ
มีคำถามว่าระหว่างการรักษาด้วยวัคซีนที่อาจารย์กำลังทำวิจัย กับการใช้เคมีบำบัด อะไรให้ผลในการรักษาดีกว่ากันครับ และมีวิธีอื่นๆ ใช้รักษาโรคมะเร็งอีกไหมครับ
นพ.ไตรรักษ์ : การรักษามะเร็งที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายวิธี เช่น ผ่าตัด ฉายแสง เคมีบำบัด และการใช้ยาพุ่งเป้าทั้งหลาย รวมถึงการรักษาด้วยภูมิต้านทานบำบัด ต้องบอกว่าแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันแต่ละวิธีเหมาะกับคนป่วยแต่ละราย ไม่มีตัวใดใช้แทนตัวใดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์มันคือทางเลือกในการรักษา การรักษาแต่ละวิธีเป็นเสมือนอาวุธของแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ไม่สามารถตอบแบบฟันธงได้ว่ามะเร็งชนิดใด ชนิดหนึ่งต้องรักษาด้วยวิธีการใด เพราะต้องดูด้วยว่าคนไข้มีพยาธิสภาพอย่างไร การรักษามะเร็งต้องดูเป็น case by case บางคนอาจเหมาะกับการใช้เคมีบำบัดในช่วงหนึ่ง แล้วให้ยากระตุ้นภูมิในอีกช่วงหนึ่งหรือบางรายอาจต้องให้ยากระตุ้นภูมิตั้งแต่แรกเลย เพราะอาการป่วยของแต่ละคนต่างกัน แพทย์ผู้รักษามะเร็งจะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดว่าต้องรักษาด้วยกรรมวิธีใด ปัจจุบันมีการรักษามะเร็งด้วยวิธีอื่นๆ อีกมากเช่น การนำเม็ดเลือดขาวของคนไข้ออกมาจากร่างกายแล้วนำไปตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อให้แข็งแรงขึ้น แล้วฉีดกลับไปในตัวคนไข้ และยังมียาจำพวก anti-body อีกด้วย ซึ่งอันที่จริงแล้วมีใช้กันอยู่ โดยฉีดให้คนไข้มะเร็งเพื่อให้ตัวเม็ดเลือดขาวไม่ถูกมะเร็งกดไว้ ซึ่งตอนนี้ใช้กันแพร่หลายส่วนเรื่องภูมิต้านทานก็มีหลายวิธีที่ทำให้ภูมิต้านทานของเรากลับมาแข็งแรงได้ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ใหม่มากๆ คือการใช้แบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ในลำไส้ของคนป่วย ซึ่งในลำไส้มนุษย์นั้นมีจุลินทรีย์ประมาณ 10 ล้านล้านตัวแต่ละคนจะมีต่างกันไป จุลินทรีย์ในลำไส้มีผลต่อภูมิต้านทานของผู้ป่วยดังนั้นในตอนนี้จึงมีเทคโนโลยีการรักษามะเร็งใหม่ๆ มากมาย ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของยาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องอาหาร หรือใช้ probiotic หรือพวกจุลชีพต่างๆ แต่การจะใช้ก็ต้องผ่านการวิเคราะห์อย่างดีว่าคนป่วยมีสภาพของโรคอย่างไร และต้องใช้วิธีการรักษาอย่างไรเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด มีเรื่องหนึ่งที่ช็อกวงการแพทย์คือ การเอาอุจจาระของคนไข้ที่ได้รับยาภูมิต้านทานแล้วได้ผลดี แล้วเอาอุจจาระนั้นไปปลูกถ่ายให้กับคนไข้ที่ได้รับยาภูมิต้านทาน แต่ไม่ได้ผล แล้วก็ทำให้ผู้ได้รับการปลูกถ่ายรายหลังได้ผลดีในการรักษา เรื่องนี้มีการทำวิจัยในต่างประเทศแล้ว เพราะฉะนั้นจึงเห็นได้ว่าอุจจาระไม่ได้เป็นแค่สิ่งปฏิกูลเท่านั้น แต่มันมีเชื้อโรคชนิดดีที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานได้ด้วย นั่นก็หมายถึงเรื่องอาหารการกินที่มีผลต่อจุลชีพในลำไส้ของมนุษย์ที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานได้ ซึ่งขณะนี้วงการแพทย์ก็กำลังวิจัยเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อให้ได้คำตอบว่าคนไทยที่เป็นมะเร็งควรรับประทานอะไรแบบไหน เพื่อให้ต่อสู้กับมะเร็งได้ดีที่สุด
สมมุติว่างานวิจัยของอาจารย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว มีคำถามว่าผู้รับการรักษาจะต้องจ่ายค่ารักษาเป็นเงินมากน้อยเท่าไรครับ
นพ.ไตรรักษ์ : ระบุตัวเลขแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ในขณะนี้ยังค่อนข้างยากครับ เพราะการพัฒนายาใหม่ๆ ในยุคเริ่มต้นถือว่าแพงมาก แต่เมื่อผลิตยาออกมาเป็นจำนวนมากแล้ว ราคาจึงจะถูกลงครับแล้วที่สำคัญคือวัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีนเฉพาะบุคคล ก็น่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร น่าจะระดับล้านบาทครับ แต่ต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ครับ
ถ้ามีผู้ต้องการสนับสนุนทุนวิจัยงานของอาจารย์ ติดต่อได้อย่างไรครับ
นพ.ไตรรักษ์ : ขอขอบคุณผู้ที่จะช่วยสนับสนุนงานวิจัยนี้ครับ จริงๆ แล้วต้องบอกว่างานวิจัยต่างๆ ในคณะแพทย์ของจุฬาฯ สามารถดำเนินมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และภาครัฐบาลก็ช่วยสนับสนุนครับ สำหรับผม ผมมองว่าประชาชนมีส่วนสำคัญมากที่ทำให้เรามาถึงวันนี้ได้ เพราะว่างานวิจัยเพื่อการรักษารูปแบบใหม่นั้นมีความเสี่ยงมาก แต่คนที่เห็นคุณค่าของการลงทุนที่ถือว่าเสี่ยงนั้นก็คือประชาชนผู้มีความหวังที่อยากเห็นวงการแพทย์ของไทยสามารถมีนวัตกรรมเพื่อรักษาชีวิตของประชาชน ดังนั้นท่านที่ต้องการสนับสนุนงานวิจัยของคณะแพทย์ จุฬาฯ ไม่ใช่แค่เฉพาะงานของผมเท่านั้น โปรดติดต่อคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้โดยตรง สำหรับงานของผมอยู่ในสังกัดศูนย์ความเป็นเลิศด้านระบบชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทย์ จุฬาฯ เรามีงานวิจัยเรื่องภูมิต้านทานเพื่อการรักษาโรคมะเร็ง
คุณหมอจะฝากอะไรถึงคนไทย ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนกลัวทุกโรค ไม่ว่าโรคมะเร็งและสารพัดโรค แต่ก็ไม่ค่อยดูแลตัวเอง บางคนคิดว่าดูแลตัวเองดีแล้ว แต่ก็ไม่ดีเท่าที่ควร
นพ.ไตรรักษ์ : จริงๆ แล้วเรามีแนวทางป้องกันให้ห่างไกลโรค และมีระบบคัดกรองเพื่อตรวจหาโรค ผมอยากให้ทุกคนใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้น เรื่องของการป้องกันมะเร็งนั้น ทุกท่านคงทราบดีว่าต้องเลี่ยงการสูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่ดีมีคุณภาพถูกสุขลักษณะ เลี่ยงการเป็นโรคอ้วน ส่วนเรื่องการคัดกรองโรคนั้น ถ้าถึงวัยก็แนะนำให้ตรวจสุขภาพร่างกายประจำปี ผู้หญิงต้องตรวจเมมโมแกรม ผู้ชายต้องตรวจต่อมลูกหมาก ถ้าอายุถึงช่วงหนึ่งก็ต้องไปส่องกล้องหรือตรวจดูลำไส้ ถ้าเราใส่ใจดูแลตัวเองดีเราก็จะมีภูมิคุ้มกันรักษาโรค เราจะมีสุขภาพดี และไม่แก่เกินวัยด้วย การดูแลตัวเองดีไม่ได้ช่วยให้เราลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังช่วยละความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคความดันด้วย การปฏิบัติตัวในเชิงป้องกันช่วยทำให้ร่างกายของเราเสื่อมช้าที่สุด และทำให้ห่างไกลทุกโรค ก็อยากให้ทุกคนใส่ใจเรื่องอาหารการกิน เรื่องการพักผ่อนเรื่องสุขภาพจิต เพราะทุกอย่างที่ผมกล่าวถึงล้วนมีผลต่อร่างกายของเราครับ
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ รายการ ไลฟ์ วาไรตี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น.ทางโทรทัศน์ NBT กดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี