การระบาดของโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนขยายตัวอย่างรวดเร็วเป็นวงกว้างไปทั่วประเทศ นอกจากเป็นลักษณะของสายพันธุ์แล้ว ยังเกิดจากการที่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนโควิด 19ต่อสายพันธุ์ดังกล่าวลดลงอย่างมาก ในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มไประยะเวลาหนึ่งแล้ว จึงควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มเติม เพื่อลดความรุนแรงของโรคโดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจโรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วนโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซี่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโควิด 19 ที่รุนแรง แต่ในปัจจุบันผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพียงร้อยละ 30 ทำให้ผู้ที่มีอาการหนักและเสียชีวิตส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าว ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยโดยมติเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร จึงขอประกาศเรื่องการให้วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากหลักฐานทางวิชาการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดังนี้
1. ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่ครบ 2 เข็มควรเข้ารับวัคซีนโดยเร็วที่สุด โดยเป็นวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์ ได้แก่ วัคซีนบริษัทแอสตร้าเซเนก้าหรือวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอนเอ (mRNA) ได้แก่ วัคซีนบริษัทไฟเซอร์หรือวัคซีนบริษัทโมเดอร์นา อย่างน้อย 2 เข็ม
2. ผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มได้แก่ วัคซีนบริษัทซิโนแวคหรือวัคซีนบริษัทซิโนฟาร์มมีหลักฐานแสดงว่าภูมิคุ้มกันลดลงเร็วมากจนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อหรืออาการหนักและการเสียชีวิตจากโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ จึงควรรับวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์หรือวัคซีนชนิด mRNA หลังจากได้รับเข็มที่ 2 มานานเกินกว่า 1 เดือน และรับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4 หลังได้รับเข็มที่ 3 เกินกว่า 3 เดือน
3. ผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์หรือวัคซีนชนิด mRNA ครบ 2 เข็ม ได้แก่ วัคซีนบริษัทแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม วัคซีนบริษัทไฟเซอร์ 2 เข็ม หรือวัคซีนบริษัทโมเดอร์นา 2 เข็ม มีหลักฐานแสดงว่าภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนลดลงมากหลัง 3 เดือนในผู้ที่ได้รับวัคซีนบริษัทแอสตราเซเนกา จึงควรได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนชนิด mRNA หลังจากได้รับเข็มที่ 2 มานานเกินกว่า 3 เดือน ส่วนในกรณีที่ได้วัคซีนชนิด mRNA แล้ว 2 เข็ม ควรได้รับการกระตุ้นด้วยวัคซีนชนิด mRNA หลังจากได้รับเข็มที่ 2 มานานเกินกว่า 6 เดือน
4. ผู้ที่ได้รับวัคซีนสูตรไขว้ครบ 2 เข็ม ได้แก่ วัคซีนชนิดเชื้อตายและวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์ หรือวัคซีนชนิดเชื้อตายและวัคซีนชนิด mRNA หรือวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์และวัคซีนชนิด mRNA มีข้อมูลการศึกษาในประเทศไทยพบว่าภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา ในผู้ที่ได้สูตรไขว้ที่มีวัคซีนเชื้อตาย จึงควรได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนชนิด mRNA (สามารถเลือกรับเป็นวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์ ถ้าวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์หรือในผู้ที่ไม่ต้องการวัคซีนชนิด mRNA) หลังจากได้รับเข็มที่ 2 มานานเกินกว่า 3 เดือน และควรได้รับการกระตุ้นด้วยวัคซีนชนิด mRNA หลังจากได้รับเข็มที่ 2 มานานกว่า 6 เดือน ในผู้ที่ได้สูตรไขว้ที่เป็นวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์และวัคซีนชนิด mRNA
5. ความปลอดภัยของการรับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ในปัจจุบันมีการใช้วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่ 3 อย่างแพร่หลายในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยไม่พบรายงานความแตกต่างระหว่างอาการไม่พึงประสงค์จากการรับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 กับอาการไม่พึงประสงค์จากการรับวัคซีนเข็มที่ 2 ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว ผลดีจากการรับวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะป้องกันอาการโรคที่รุนแรงและการเสียชีวิต มากกว่าผลเสียที่เกิดจากวัคซีนมาก ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3
6. การรับวัคซีนโควิด 19 ทุกชนิด รวมทั้งวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ไม่สามารถป้องกันการเป็นโควิด 19 ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ช่วยลดการนอนโรงพยาบาล การเกิดปอดอักเสบ การใช้เครื่องช่วยหายใจ และการเสียชีวิต จึงยังมีความจำเป็นในการป้องกันโรคโดยการปฏิบัติตัว ได้แก่ การหลีกเลี่ยงที่ชุมชน อากาศไม่ถ่ายเท เว้นระยะห่าง ล้างมือ และสวมใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง
7. ไม่แนะนำให้ตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อที่เป็นสาเหตุของโควิด 19 (SARS-CoV-2) เพื่อประเมินประสิทธิผลในการป้องกันโควิด 19 ของวัคซีนที่ได้รับ หรือใช้ในการพิจารณารับวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้น เนื่องจากการตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันในการแปลผล ระดับภูมิคุ้มกันจะมีการลดลงหลังได้รับวัคซีนครบเข็มที่ 2 และไม่มีระดับภูมิคุ้มกันที่ช่วยทำนายประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการป้องกันเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน รวมทั้งการตรวจดังกล่าว ไม่สามารถประเมินการป้องกันโรคโดยเซลล์ (cellular immunity) ของวัคซีน และอาจสร้างความเข้าใจผิดในการป้องกันตัวจากการติดเชื้ออีกด้วย จึงควรทำในการวิจัยเท่านั้น
พลอากาศโท นายแพทย์อนุตตร จิตตินันทน์
ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี