เพราะ “ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ” ทำให้ปัญหาใต้ตา ไม่ว่าจะเป็น ใต้ตาคล้ำ ร่องน้ำตา ถุงใต้ตา และริ้วรอย นับว่าเป็นเรื่องสร้างความกังวลใจแก่สาวๆไม่น้อย จึงทำให้เราต้องดูแลผิวรอบดวงตากันเป็นพิเศษ เพราะผิวบริเวณรอบดวงตามีความอ่อนบางกว่าผิวในบริเวณอื่น และยิ่งอายุมากขึ้นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ก็เป็นสาเหตุทำให้ใบหน้าดูโทรม และดูมีอายุมากกว่าที่เป็นจริง สาเหตุมาจากเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และเรียบเนียนถูกทำลายจากอนุมูลอิสระตลอดเวลา รวมถึงผิวบริเวณนี้มีต่อมไขมันน้อย ทำให้มีสารอาหารหล่อเลี้ยงผิวไม่เพียงพอ อันเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยแห่งวัย

นายแพทย์ธนภัทร์ ธนสมบูรณ์ หรือ “หมอนิ้ง” ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า Jairuk Clinic เปิดเผยว่า ปัญหารอบดวงตาเป็นเรื่องที่คนไข้เข้ามาปรึกษาเป็นอันดับต้นๆ โดย 5 ปัญหาที่พบเจอบ่อย ได้แก่  

1.ปัญหาร่องน้ำตา เกิดจากชั้นไขมันบริเวณใต้ตายุบ ฝ่อตัวลง ทำให้เป็นร่องขึ้นมา การรักษาทำได้โดยการเติม “ฟิลเลอร์” ด้วยเทคนิคพิเศษ คือ เติมฟิลเลอร์บริเวณหน้าแก้ม และใต้โหนกแก้ม เพื่อเข้าไปช่วยพยุงและดันผิวให้เต็มและกระชับขึ้นโดยไม่ต้องเติมฟิลเลอร์บริเวณใต้ดวงตา

2.ปัญหาถุงใต้ตา เป็นปัญหาที่พบบ่อยทั้งในคนที่อายุมากและอายุน้อย บางคนเกิดจากกรรมพันธุ์โครงสร้างใบหน้า สาเหตุ คือ ไขมันบริเวณใต้ตามากขึ้น แต่กระดูกหน้าแก้มและไขมันหน้าแก้มยุบตัวลง รวมทั้งคอลลาเจนและอีลาสตินที่มีหน้าที่ยกพยุงผิวหนังใต้ตาก็อ่อนแอลงด้วยจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นถุงใต้ตาขึ้น

สำหรับการรักษา จะมีอยู่ 3 วิธี คือ “การเติมฟิลเลอร์” เข้าไปรองรับบริเวณใต้ถุง ซึ่งวิธีการนี้ต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างมาก เพราะหากเติมไม่ดี ไปเติมบริเวณถุงใต้ตา จะกลายเป็นว่ายิ่งบวม และมีขนาดใหญ่ขึ้น “การใช้เครื่อง Ultraformer III” ยิงคลื่นพลังงานเข้าไปในผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนในการยกพยุงผิวบริเวณใต้ตาให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น เมื่อผิวยกกระชับ ปัญหาถุงใต้ตาก็จะดีขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น และ “ผ่าตัด” ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาขนาดใหญ่

3.ปัญหากระดูกหน้าแก้มยุบ เกิดจากกระดูกหน้าแก้มหรือไขมันบริเวณหน้าแก้มฝ่อลง ซึ่งมีสาเหตุมาจากอายุมากขึ้น แก้ไขได้โดยการเติมฟิลเลอร์ ด้วยเทคนิคพิเศษ “TriologyLifting” ป็นการเติมฟิลเลอร์เข้าไปลึกถึงชั้นกระดูก เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์เข้าไปซัพพอร์ตบริเวณหน้าแก้มให้ยกขึ้น การฉีดแบบนี้นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาได้แล้ว ยังเป็นการปรับโครงสร้างใบหน้าส่วนกลางให้ดูบาลานซ์ขึ้นด้ว

4.ปัญหาผิวใต้ตาคล้ำ เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสี จำเป็นต้องเลือกฟิลเลอร์ที่มีเนื้อบางเบา เนื้อละเอียดเป็นพิเศษและอาศัยความประณีตในการวางฟิลเลอร์ โดยใช้เทคนิค Microdot Microbolus หรือสามารถรักษาได้โดยการเน้นบำรุงผิวใต้ตาด้วยกลุ่มยาทาหรือ Skin Booster สูตรต่างๆ เพื่อทำให้ใต้ตากระจ่างใสได้เช่นกัน

5.ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้นหรือบางเคสมีปัญหาผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น จึงทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น และเกิดเป็นริ้วรอยเล็กๆ (Fine Line) ขึ้นได้ ปัญหาดังกล่าวสามารถรักษาได้หลายวิธี เช่น

- การใช้ “Bo-tu-linumtoxin” เพื่อยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยจะช่วยคลายริ้วรอยบริเวณหางตาหรือที่หลายๆคนเรียกว่าตีนกา พอตัวยาออกฤทธิ์เต็มที่ ริ้วรอยก็จะค่อยๆหายไป ,

- การยกกระชับด้วยเครื่อง “UltraformerIII” โดยเครื่องจะส่งพลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยอิลาสติน และคอลลาเจนใต้ผิว ผิวจะกระชับขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้นครับ ,

- Skinbooster การรักษาด้วยกลุ่มสกินบูสเตอร์สูตรต่างๆที่เข้าไปบำรุงผิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว สามารถช่วยลดปัญหาเรื่องริ้วรอยเล็กๆบริเวณรอบดวงตาได้เช่นกัน

- การใช้สกินแคร์กลุ่ม Moisturizer เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เมื่อผิวชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ปัญหาริ้วรอยก็จะลดลง

หมอนิ้ง - นายแพทย์ธนภัทร์ ธนสมบูรณ์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาเรื่องใต้ตามีความหลากหลาย การแก้ไขปัญหาต้องเลือกใช้วิธีที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะการเติมฟิลเลอร์ ถึงแม้ว่าจะใช้ฟิลเลอร์ตัวเดียวกัน แต่ถ้าแพทย์ไม่เข้าใจปัญหาของคนไข้ ฉีดตัวยาผิดตำแหน่งหรือคำนวณปริมาณตัวยาไม่แม่นยำ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้คนไข้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

“ผมขอฝากเรื่องการเลือกฉีดฟิลเลอร์ อย่าเน้นที่จำนวนซีซี หรือราคา เพราะสิ่งที่สำคัญ คือ ความชำนาญ ฝีมือแพทย์ และการเข้าใจในโครงสร้างปัญหาของแต่ละเคส ว่าใครมีปัญหาใต้ตาแบบไหน  ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ที่ใจรักษ์คลินิกได้ทั้ง 3 สาขา ส่วนใครที่มีคำถามเกี่ยวกับความสวยความงามและสุขภาพ สามารถสอบถามเข้ามาได้เช่นกัน”หมอนิ้ง กล่าวทิ้งท้าย

-(016)