เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ อัล จาซีรา รายงานว่า แม้ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ปูติน ของรัสเซีย ได้สั่งการให้กองกำลังนิวเคลียร์เตรียมพร้อมขั้นสูง และในช่วงสัปดาห์นี้ เขายังกล่าวว่า ศัตรูของรัสเซียจะต้องคิดใหม่ หลังรัสเซียทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้อย่างน้อย 10 หัว เป็นผลสำเร็จ แต่การที่รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์นั้น มีขั้นตอนในการสั่งการเช่นกัน
ในเอกสารปี 2020 ที่เรียกว่า “หลักการพื้นฐานของนโยบายสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการป้องปรามนิวเคลียร์”กำหนดว่า ประธานาธิบดีรัสเซียคือผู้ตัดสินใจเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยจะมีกระเป๋าหิ้วใบเล็กที่เรียกว่า Cheget อยู่ใกล้ตัวประธานาธิบดีตลอดเวลา เพื่อให้ผู้นำรัสเซียสามารถเชื่อมต่อกับศูนย์บัญชาการและเครือข่ายควบคุมกองกำลังยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ได้ อย่างไรก็ตาม ใน Cheget นั้นไม่ได้มีปุ่มกดปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ แต่เป็นเครื่องส่งสัญญาณคำสั่งไปยังศูนย์บัญชาการทหารกลาง หรือคณะเสนาธิการทหาร
หลังจากนั้น เสนาธิการทหารของรัสเซียเป็นผู้ที่จะเข้าถึงรหัสในการปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ โดยมีสองวิธีการในการส่งหัวรบนิวเคลียร์
1.การส่งรหัสอนุญาตไปยังผู้บัญชาการที่ควบคุมอาวุธนั้น และผู้บัญชาการจะเป็นผู้ดำเนินการปล่อย
2.ระบบแบ๊กอัพ ที่เรียกว่า Perimetr ซึ่งจะอนุญาตให้เสนาธิการทหารสามารถสั่งการปล่อยขีปนาวุธจากภาคพื้นดินได้ด้วยตนเองโดยตรง ไม่สั่งการผ่านกองบัญชาการใดๆ
สำหรับคำสั่งของประธานาธิบดีปูตินที่ให้กองกำลังป้องปราม ซึ่งดูแลอาวุธนิวเคลียร์ เฝ้าระวังขั้นสูงนั้น กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า กองกำลังขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ กองเรือตอนเหนือและแปซิฟิก รวมถึงศูนย์ปฏิบัติการการบินพิสัยไกล ได้เตรียมความพร้อมยกระดับการประจำการสู้รบ ด้วยการเสริมกำลังพล
พาเวล พอดวิก นักวิจัยจากสถาบันวิจับปลดอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติระบุว่า คำสั่งนี้อาจหมายถึงการให้ศูนย์ปฏิบัติการนิวเคลียร์ และระบบควบคุมเริ่มปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการเปิดช่องทางในการสื่อสาร สำหรับคำสั่งที่อาจมาในท้ายที่สุด หรืออาจหมายความถึงแค่การสั่งขยายการประจำการของเจ้าหน้าที่ด้านอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น
ขณะที่ “หลักการพื้นฐานว่าด้วยการป้องปรามนิวเคลียร์” กำหนด 4 สภาพการณ์ที่ชอบธรรมสำหรับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ คือ
1.เมื่อมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรืออาวุธทำลายล้างต่อรัสเซียหรือชาติพันธมิตรรัสเซีย
2.เมื่อมีข้อมูลชี้ว่า มีการยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัว หรือ ballistic missile พุ่งเป้ามาที่รัสเซีย หรือพันธมิตรของรัสเซีย
3.เมื่อมีการโจมตีที่สำคัญของรัฐบาลหรือพื้นที่ทางการทหาร ที่ถือว่าบั่นทอนศักยภาพของกองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซียในการตอบโต้ภัยคุกคาม
4.เมื่อมีการใช้อาวุธแบบดั้งเดิมโจมตีรัสเซียซึ่งทำให้การดำรงอยู่ของรัฐนั้นตกอยู่ในภาวะอันตราย
สมาพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน คาดการณ์ว่า รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์จำนวน 5,977 หัวรบ มากกว่าชาติใดในโลกในจำนวนนี้ 1,588 หัวรบเข้าประจำการแล้วและพร้อมใช้งาน ขีปนาวุธของรัสเซียสามารถยิงได้จากพื้นดิน เรือดำน้ำ และเครื่องบิน ส่วนการทดสอบขีปนาวุธ ICBM ชื่อ Sarmat ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้นั้น สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า จะเริ่มมีการส่งมอบให้กองกำลังนิวเคลียร์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
ทั้งนี้ แม้รัสเซียจะมีหัวรบนิวเคลียร์มากที่สุด แต่ที่ผ่านมา รัสเซียยังไม่เคยใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามใด ขณะที่จนถึงทุกวันนี้ โลกมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพียงครั้งเดียวคือในปี 1945 ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิของญี่ปุ่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี