อาหารรสจัดมากๆ มีอยู่มากมายหลายชนิดในสังคมไทยแล้วคนไทยจำนวนไม่น้อยก็ชอบอาหารรสจัดแบบจัดสุดๆ โดยเน้นความแซ่บ ซูเปอร์แซ่บ แถมบางครั้งเนื้อสัตว์ที่ใช้ในอาหารก็ยังไม่สุกดี เหล่านี้คือปัจจัยทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
อาการท้องเสีย หมายถึง การขับถ่ายในความถี่ที่มากกว่าปกติ คือมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน โดยมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของอุจจาระร่วมด้วย เช่น ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดมวนท้อง โดยทั่วไปอาการท้องเสียมักหายเองภายใน 2-3 วัน ถ้าถ่ายเหลวไม่มากหรือไม่บ่อยจนเกินไป และไม่มีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย ก็ไม่ต้องใช้ยาใดๆ
สาเหตุท้องเสีย นอกจากรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย แล้วยังเกิดจากสาเหตุอื่นเช่น ความเครียด แพ้อาหารบางชนิด แต่ที่สำคัญซึ่งคนส่วนมากมักนึกไม่ถึงคือ การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดกรดที่มีส่วนผสมของแมกนีเซียม ยาบรรเทาปวดลดการอักเสบกลุ่มที่ไม่ใช่ steroids หรือที่เรียกว่า NSAIDs (non-steroidal anti-inflammatory drugs) ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดหรือในผู้ป่วยบางรายที่ใช้ยาปฏิชีวนะมาระยะหนึ่งจนเสียสมดุลของเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่นในลำไส้ใหญ่ การใช้วิตามินซีขนาดสูงก็เป็นสาเหตุของอาการท้องเสียได้รวมถึงผู้มีอาการท้องผูกแล้วใช้ยาระบาย ก็มีบางรายเกิดอาการท้องเสียตามมา
ดังนั้น เมื่อมีอาการท้องเสีย แพทย์หรือเภสัชกรมักจะซักประวัติการใช้ยาด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าอาการท้องเสียที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยไม่ได้มีสาเหตุมาจากยาชนิดที่กล่าวในข้างต้น ขอย้ำว่าอาการท้องเสียมักหายได้เองภายใน 2-3 วัน โดยไม่ต้องใช้ยารักษา แต่หากผู้ป่วยถ่ายบ่อยหรือถ่ายปริมาณมากในแต่ละครั้งสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากจนมีอาจอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด เป็นตะคริว ก็สามารถป้องกันหรือรักษาได้โดยใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ORS (oral rehydration salts) ซึ่งใช้ชงกับน้ำสะอาดในปริมาณที่กำหนด และค่อยๆ จิบตลอดทั้งวัน แต่ให้ระวังข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือการดื่มปริมาณมากในคราวเดียว ซึ่งอาจทำให้อาการท้องเสียหนักกว่าเดิม ข้อควรระวังคือเมื่อผสมเกลือแร่แล้ว ต้องดื่มให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง
ยาแก้อาการท้องเสียที่ถูกถามหาในร้านขายยา ได้แก่ ยาหยุดถ่าย ตัวที่ใช้แพร่หลายในท้องตลาดคือ loperamide ซึ่งมีผลยับยั้งการบีบตัวของลำไส้ ข้อดีคืออาการถ่ายท้องจะลดลงหรือหยุดหลังจากกินยา แต่ข้อเสียที่แพทย์และเภสัชกรไม่สนับสนุนให้ใช้คือเมื่อเราหยุดถ่ายท้อง การขับออกของเชื้อหรือสารพิษที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ซึ่งเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของร่างกายก็จะหยุดลงด้วย ทำให้เชื้อหรือสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายนานขึ้น
นอกจากนี้ ยา loperamide ยังมีอาการข้างเคียง คือทำให้มึนงง ง่วงนอน ปัสสาวะขัด ท้องผูก ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ควรใช้ยานี้ ยกเว้นว่า ต้องเข้าสอบสำคัญซึ่งลาไม่ได้ ต้องเดินทางไกล
ยาอีกชนิดที่นิยมเรียกหาคือ ผงถ่านคาร์บอน ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยดูดซับสารพิษ โดยทั่วไปสามารถใช้ได้โดยไม่มีอันตราย นอกจากอาการไม่พึงประสงค์ที่ทำให้อุจจาระเป็นสีดำ แต่ในผู้ป่วยที่ใช้ยาอื่นร่วมด้วยก็ควรระวังการกินยาเหล่านั้นร่วมกับผงถ่านคาร์บอน เพราะผงจะไปดูดซับยาเหล่านั้นไว้ ก่อนที่ยาจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ไม่ได้ผลจากการใช้ยา
ยาชนิดสุดท้ายที่ผู้ป่วยมักมาเรียกหาคือยาปฏิชีวนะ ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ว่าเพราะผู้ป่วยคิดว่าอาการท้องเสียเกิดจากการติดเชื้อ จึงต้องกินยาฆ่าเชื้อ แต่ที่จริงแล้ว ร่างกายพยายามกำจัดเชื้อออกทางอุจจาระ ดังนั้น ในคนที่ปกติและแข็งแรง จึงไม่จำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อ ในทางตรงข้ามการใช้ยาฆ่าเชื้อจะยิ่งก่อปัญหาเชื้อดื้อยาได้ด้วย เพราะฉะนั้น เมื่อผู้ป่วยไปที่ร้านขายยา เภสัชกรจึงมักปฏิเสธไม่จ่ายยาให้
สรุปคือ อาการท้องเสียเป็นอาการที่มักหายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยาภายใน 2-3 วัน หากถ่ายบ่อยหรือถ่ายเป็นปริมาณมากจนเสี่ยงที่จะเสียน้ำหรือเกลือแร่ ควรใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ชงดื่มเสริมก็เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงเช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้มีภูมิต้านทานโรคต่ำ เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน หากมีอาการท้องเสียแล้วไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง ควรรีบไปพบแพทย์ แต่สำหรับคนทั่วไปที่มีอาการท้องเสีย หากมีไข้ อาเจียน ปวดมวนท้อง ท้องแข็งเกร็ง อุจจาระเป็นมูกเลือด และมีอาการอ่อนเพลียรุนแรง ก็ควรรีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที
ผศ.ภญ.ดร.ณัฎฐดา อารีเปี่ยม
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี