ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจนั้นเปรียบเสมือนสัญญาณบ่งบอกถึงสุขภาพของเรา อัตราการเต้นของหัวใจคนปกติ 60-100 ครั้งต่อนาที ไม่ควรช้าหรือเร็วกว่านี้มากนัก เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายส่งสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของหัวใจในลักษณะต่างๆ เราไม่ควรจะนิ่งนอนใจ จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์โดยด่วนเพื่อหาแนวทางรักษาต่อไป
อ.นพ.สัชชนะ พุ่มพฤกษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ หรือ SiPHกล่าวว่า “โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นอาการของโรคหัวใจที่พบได้บ่อย ไม่น้อยไปกว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ”โดยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักด้วยกัน คือ กลุ่มแรก ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดเต้นเร็ว และกลุ่มที่สองคือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดเต้นช้า
อ.นพ.สัชชนะ พุ่มพฤกษ์
ซึ่งวิธีการตรวจเช็คภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ประกอบด้วย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งเป็นวิธีการตรวจขั้นแรก ที่สามารถหาความผิดปกติของจังหวะหัวใจได้เบื้องต้น ตรวจและวัดอัตราการเต้นของหัวใจต่อเนื่อง 24 หรือ 48 ชั่วโมง เพื่อประเมินภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และตรวจด้วยการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วยการกดปุ่ม เมื่อรู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งสามารถตรวจสอบที่บ้านได้เป็นระยะเวลา 1-3 สัปดาห์ จากนั้นจึงนำเทปที่บันทึกไว้มาแปลผลโดยคอมพิวเตอร์เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ต่อไป ซึ่งผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจจะทำการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง หรือการเดินสายพานเพื่อช่วยให้ตรวจพบจังหวะการเต้นผิดปกติได้บ่อยขึ้น
อ.นพ.สัชชนะ แพทย์ศูนย์หัวใจ SiPHกล่าวเพิ่มเติมว่า “กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการมาก หรืออาการรุนแรงแต่ตรวจทุกอย่างแล้วไม่พบความผิดปกติ อาจต้องใส่สายเข้าไปในหัวใจเพื่อทดสอบการนำไฟฟ้าในหัวใจ ซึ่งวิธีดังกล่าวจะทำให้แพทย์ทราบว่ามีจุดกำเนิดผิดปกติหรือการนำไฟฟ้าลัดวงจรเกิดขึ้นในหัวใจหรือไม่”
เครื่องเช็คหัวใจที่มีความละเอียดสูงในการสร้างภาพ
ส่วนแนวทางการรักษา คุณหมอบอกว่าผู้ป่วยหัวใจเต้นผิดจังหวะที่มีโรคหัวใจอื่นร่วมด้วย หลักการคือการรักษาที่โรคต้นเหตุ เช่น เป็นโรคหลอดเลือดตีบก็จำเป็นต้องรักษาโรคหลอดเลือดก่อน ถ้ารักษาโรคหัวใจผิดปกติไปถึงระดับหนึ่งแล้วยังคงมีภาวะการเต้นของหัวใจผิดจังหวะอาจใช้ยาป้องกันการเต้นผิดจังหวะ รวมถึงการจี้กล้ามเนื้อหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงในบริเวณที่ไฟฟ้าลัดวงจรเพื่อบรรเทาอาการ โดย ถ้าเป็นผู้ป่วยหัวใจเต้นผิดจังหวะที่มีปัญหาระบบไฟฟ้าอย่างเดียว ผู้ป่วยมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ เริ่มจากรับประทานยาหรือการจี้ด้วยไฟฟ้าผ่านคลื่นเสียงความถี่สูง 90-95% ก็สามารถมีโอกาสหายเป็นปกติได้
ในกรณีที่ผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะที่มีชนิดร้ายแรง หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตฉับพลัน แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดใส่เครื่องช็อตไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ ชนิดฝังติดตัวผู้ป่วย ซึ่งมีอายุการใช้งานประมาณ5-8 ปี เมื่อมีสัญญาณหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง เครื่องจะส่งไฟฟ้าพลังงานสูงผ่านหัวใจให้สัญญาณไฟฟ้าหัวใจที่ผิดจังหวะกลับมาเป็นปกติในทันที ส่วนผู้ป่วยหัวใจเต้นช้า จะใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดถาวร หรือหากกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวไม่ดีจะใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจช่วยกระตุ้นหลายจุดพร้อมๆกัน ให้หัวใจบีบตัวได้ดีขึ้น
สำหรับ การป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นเรื่องยากแต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่พึงกระทำ คือ หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นปัจจัยการกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ขณะเดียวกันควรหันมาออกกำลังกายสม่ำเสมอ ผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นลัดวงจรบางรายสามารถบรรเทาอาการด้วยการกลั้นหายใจเบ่งแรงๆ อัดอากาศเข้าไปในปอด ให้ความดันในปอดสูง ส่งผลให้เลือดไหลกลับหัวใจลดลง ระบบประสาทจะรับรู้ว่าเกิดความผิดปกติ ทำให้หยุดหรือบรรเทาอาการไฟฟ้าที่ลัดวงจรได้ ในต่างประเทศนิยมให้นำใบหน้าไปแช่ในน้ำเย็นจัด
อย่างไรก็ตาม หากคนใกล้ชิดมีอาการหัวใจเต้นเร็ว หรือหัวใจเต้นๆ หยุดๆ ตกวูบ คล้ายตกจากที่สูง ร่วมกับอาการเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก เป็นลม ถือเป็นสัญญาณอันตราย ควรพามาพบแพทย์เพราะหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญ หากผิดปกติขึ้นมาก็จะเป็นเรื่องฉุกเฉินและอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี