คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ของอังกฤษเผยแพร่ผลวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในในวารสารการแพทย์เดอะแลนเซ็ต (The Lancet) เมื่อวันพฤหัสบดีว่า ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในอังกฤษมีโอกาสเกิดภาวะลองโควิดลดลงร้อยละ 20-50 เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้า แต่ตัวเลขดังกล่าวขึ้นอยู่กับอายุและระยะเวลาที่ฉีดวัคซีนโควิดครั้งล่าสุดของผู้ที่เคยติดเชื้อ ผลวิจัยชิ้นนี้พบว่า มีผู้ป่วยภาวะลองโควิดเพียงร้อยละ 4.5 จากผู้ที่เคยติดโควิดทั้งหมด 56,003 คนในเดือนธันวาคม 2564 ถึงมีนาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษเผชิญกับการระบาดรุนแรงของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่พบผู้ป่วยภาวะลองโควิดมากถึงร้อยละ 10.8 จากผู้ที่เคยติดโควิดทั้งหมด 41,361 คนในเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน 2564ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษเผชิญกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้า
ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน เป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่แสดงให้เห็นว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนไม่ได้ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะลองโควิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ตัวเลขผู้ป่วยภาวะลองโควิดลดลงแต่อย่างใด เนื่องจากสายพันธุ์ดังกล่าวสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้พบผู้ป่วยภาวะลองโควิดเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี