หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลปลดล็อกให้กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป ก็ทำให้หลายต่อหลายคนสับสนในการนำกัญชาไปใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงพบว่ามีการนำกัญชาไปผสมกับอาหารต่างๆ รวมถึงเครื่องดื่มและขนมจนวุ่นวายไปหมดแล้วสุดท้ายสังคมก็ได้พบว่ามีผู้ได้รับอันตรายจากการบริโภคกัญชาจนบางรายป่วยหนักต้องเข้ารักษาตัวโดยด่วนในโรงพยาบาล
การปรากฏเรื่องเช่นนี้ถือได้ว่าไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะสังคมสับสนกับการใช้กัญชา และจะเกิดเรื่องไม่พึงประสงค์ทำนองนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ตราบเท่าที่สังคมของเรายังไม่มีมาตรการรอบคอบในการใช้กัญชาในชีวิตประจำวัน
ในวันนี้ขอบอกเล่าถึงข้อกังวลใจจากการใช้กัญชา สารสกัดกัญชา ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีกัญชาเป็นองค์ประกอบ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีกัญชาผสม ที่โดยที่สารสำคัญในกัญชาไปทำปฏิกิริยากับยาที่ผู้ป่วยใช้อยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งเรียกว่าอาการยาตีกัน
เนื่องจากกัญชามีสารเคมีอยู่มากกว่า 50 ชนิด ชึ่งตัวหลักๆ ที่สังคม และการแพทย์พูดถึงบ่อยๆ คือ THC (delta-9-tetrahydrocannabinol) และ CBD (cannabidiol) ซึ่งสารเคมีเหล่านี้ อาจไปตีกับยาที่ผู้ป่วยใช้อยู่แล้ว เพราะสารเคมีในกัญชาก็เหมือนกับสารเคมีหรือยาอื่นๆ ที่มีโอกาสเกิดปฏิกิริยาต่อกันได้ การที่สารสำคัญในกัญชาเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นๆ นั้น ก่อให้เกิดผลลัพธ์หลายประการ ประการแรกผู้ป่วยอาจได้รับผลข้างเคียง หรืออันตรายจากยาที่ใช้ร่วม หรือจาก THC หรือ CBD มากขึ้น ประเด็นที่สอง สารสำคัญสามารถที่จะไปเปลี่ยนผลการรักษาของยาในร่างกาย เช่น สาร THC หรือ CBD ไปยับยั้งหรือลดกระบวนการการกำจัดออกฤทธิ์ของยา จนยาไม่ถูกขจัดออกจากร่างกายตามปกติ ส่งผลให้มีปริมาณยาในร่างกายมากเกิน จนเป็นอันตรายกับผู้ป่วยในทางกลับกัน สารจากกัญชาทั้งสองอาจไปเพิ่มกระบวนการขจัดยา ส่งผลให้มีปริมาณยาในร่างกายยาน้อยลงจนไม่เกิดประสิทธิผลในการรักษา ผู้ป่วยจึงไม่หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
กลุ่มยาที่อาจเกิดการตีกันกับสารสำคัญในกัญชาจนส่งผลให้มียาปริมาณเพิ่มขึ้น จนทำให้ผลข้างเคียง และอันตรายจากยาที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ ยาต้านชักบางชนิด เช่น brivaracetam carbamazepine เป็นต้น กลุ่มยาต้านซึมเศร้า เช่น citalopram เป็นต้น ยาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน เช่น tacrolimus เป็นต้น ยารักษาโรคไทรอยด์ เช่น levothyroxine เป็นต้น หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น warfarin และในกรณีของ warfarin อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการเลือดไหลไม่หยุดจนเสียชีวิตได้
ในทางกลับกัน สารสำคัญในกัญชาอาจส่งผลให้ยาในร่างกายมีปริมาณน้อยกว่าปกติ อาทิ ยารักษาโรคหอบหืด และถุงลมโป่งพอง เช่น theophylline เป็นต้น หรือยารักษาจิตเวช เช่น olanzapine chlorpromazine เป็นต้น
อีกกรณีหนึ่ง ยาที่รับประทานอยู่อาจไปเพิ่มฤทธิ์หรือผลของกัญชาจนทำให้เกิดอันตราย อาจเกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ง่วงซึม ความคิดสับสน การควบคุมและการประสานงานของกล้ามเนื้อผิดปกติจนส่งผลต่อการเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ เช่น ยาบางชนิดในกลุ่ม ยาที่ใช้รักษาโรคเชื้อแบคทีเรีย ยารักษาโรคเชื้อรา ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยารักษาโรคจิตเวช
ประเด็นหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ กัญชาอาจไปตีกับสมุนไพรอื่น และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์หรืออันตรายกับผู้ใช้ได้ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชาร่วมกับ melatonin หรือสมุนไพร St. John’s wort อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหนื่อย เพลีย และง่วงซึมมาก
ในอนาคต คาดได้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาออกมาในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ หรือในรูปแบบของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งก็จะมีปริมาณสาร THC และ CBD แตกต่างกันไป แม้กระทั่งในผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน ก็อาจจะมีปริมาณสารดังกล่าวแตกต่างได้เช่นกัน เมื่อสารสำคัญมีปริมาณไม่เท่ากันผลกระทบที่เกิดจากยาตีกันกับกัญชา ก็อาจจะเกิดความรุนแรงในระดับที่ต่างกัน และยากที่จะคาดคะเนได้
ฉะนั้น สิ่งที่กล่าวมาเบื้องต้นเป็นเพียงตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าการใช้กัญชาในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการสูบกัญชา อาจเกิดผลกระทบต่อผู้ป่วยที่รับประทานยาอยู่ และอาจทำให้เกิดผลร้ายอย่างคาดไม่ถึงได้
ผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมต่างๆ ของกัญชา ต้องควบคุมปริมาณสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง เนื่องจากปริมาณสารมีความสำคัญต่อการกำหนดปริมาณการใช้ต่อครั้ง และควรศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตผลิตภัณฑ์กัญชาให้ถ่องแท้ และเตรียมตัวสำหรับรายละเอียดในข้อบังคับอื่นๆ ในอนาคตด้วย (ถ้ามี) เพื่อความปลอดภัยของชีวิตผู้ใช้
สำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาอื่นๆ อยู่แล้ว และเกิดต้องการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา หรือสูบกัญชา รวมถึงท่านที่มีการใช้กัญชาในรูปแบบต่างๆ อยู่ก่อน แล้ววันหนึ่งเกิดจำเป็นต้องใช้ยา ก็ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดอันตรายจากยาตีกับกัญชา และต้องระลึกไว้เสมอว่าไม่มีอะไรในโลกที่จะมีแต่ประโยชน์ และรักษาได้ทุกโรค
ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี