สมาชิกรัฐสภาอิสราเอลลงมติเห็นชอบให้มีการยุบสภาเพื่อทำการเลือกตั้งใหม่เป็นครั้งที่ 5 ในระยะเวลาไม่ถึง 4 ปี ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ สะท้อนให้เห็นอีกครั้งถึงความไม่มั่นคงทางการเมืองของอิสราเอลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบการเลือกตั้งของอิสราเอล
ในระบบการเลือกตั้งของอิสราเอล ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะลงคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมือง โดยคะแนนเสียงของประชาชนจะถูกเปลี่ยนให้เป็นเปอร์เซ็นต์เก้าอี้ในสภา
ของแต่ละพรรค จากทั้งหมด 120ที่นั่ง พรรคที่ได้คะแนนเกิน 61 ที่นั่ง จึงจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ แต่จำนวนที่สูงเกินกว่าที่พรรคใดจะทำได้ ทำให้เกิดรัฐบาลผสมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อผู้นำของรัฐบาลผสมในปัจจุบัน อย่างนายนาฟตาลี เบนเน็ตต์และนายยาอีร์ ลาพิด ประกาศว่าจะยุบสภาและเลือกตั้งใหม่จึงไม่น่าแปลกใจนัก เพราะรัฐบาลผสมในปัจจุบัน ที่เป็นการรวมตัวถึง 8 พรรคไม่สามารถไปต่อได้ หลังสมาชิกบางส่วนไม่สนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ต่อไป
สัญญาณความล้มเหลวของรัฐบาลพรรคผสมเกิดขึ้น เมื่อสมาชิกพรรคยามินา พรรคการเมืองอุดมการณ์ฝ่ายขวาของเบนเน็ตต์ตัดสินใจถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล หลังการลงมติครั้งสำคัญของรัฐสภาอิสราเอล ส่งผลให้รัฐบาลขาดเสียงข้างมากในรัฐสภาอิสราเอลที่มีที่นั่งทั้งสิ้น 120 ที่นั่ง
เบนเน็ตต์ประกาศว่า การตัดสินใจจัดการเลือกตั้งใหม่เป็น“การตัดสินใจที่ถูกต้อง” เพื่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของอิสราเอล เนื่องจากการประกาศยุบสภาอิสราเอลจะช่วยขยายเวลากฎหมายชั่วคราว ซึ่งจะทำให้อิสราเอลตกอยู่ในอันตรายหากรัฐสภาจะทำการลงคะแนนโหวตกฎหมายฉบับดังกล่าว อย่างไรก็ดีการตัดสินใจประกาศยุบสภาเมื่อช่วงกลางดึกของวันจันทร์ที่ผ่านมา (20 มิ.ย.) สร้างความประหลาดใจให้แก่คนทั้งประเทศ สำนักข่าว The Times of Israel รายงานข่าวจากแหล่งข้อมูลวงในว่า แม้แต่รัฐมนตรีมหาดไทยและรัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลเองกลับไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อนเช่นเดียวกันกับสื่อ
อับบราฮัม ดิสกิน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮีบรูแห่งเยรูซาเลม ระบุว่า ก่อนหน้าที่การเลือกตั้ง 4 ครั้งหลังสุดจะเกิดขึ้น มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น 20 ครั้งในช่วง 75 ปี ฉะนั้นค่าเฉลี่ยของการจัดการเลือกตั้งจะอยู่ที่ 1 ครั้ง ในทุกๆ 3 ปี - 3 ปีครึ่ง น้อยกว่าการครบวาระ 4 ปีไม่มากนัก แต่ปัญหาที่แท้จริงในขณะนี้คือการขัดขวางไม่ให้รัฐบาลผสมที่มั่นคงเข้ามาบริหารประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ทำให้ระบบการเมืองอิสราเอลอ่อนแอเป็นเพราะตัวของอดีตนายกรัฐมนตรีอย่างเบนจามิน เนทันยาฮู มากที่สุด
ดิสกินระบุว่า ตั้งแต่ปี 2019 สถานการณ์ที่วุ่นวายเกิดจากความเกลียดชังส่วนตัวระหว่างสนับสนุนเนทันยาฮู หรือ สนับสนุนใครก็ได้ที่ไม่ใช่เนทันยาฮู ทำให้อิสราเอลต้องเผชิญกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ในปี 2019 เนทันยาฮูซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทั้งหมด 15 ปี และเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันนาน 12 ปี เริ่มสูญเสียคะแนนเสียงจากผู้สนับสนุนพรรคลิคุดและพรรคการเมืองฝ่ายขวา หลังจากที่เขาถูกตั้งข้อหาหลอกลวง ทำลายความไว้วางใจและรับสินบนในคดีคอร์รัปชั่น 3 คดี ซึ่งทำให้พรรคการเมืองบางส่วนปฏิเสธที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน เปิดทางให้นายเบนเน็ตต์และนายลาพิดจัดตั้งรัฐบาลผสมที่รวมทั้งพรรคฝ่ายขวาฝ่ายซ้าย ไปจนถึงกลุ่มอิสลามที่เป็นตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ในอิสราเอล ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รวมพรรคที่มีหลายแนวคิดเข้าด้วยกัน
แต่การที่ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายที่ขยายขอบเขตกฎหมายของอิสราเอลไปครอบคลุมพื้นที่ของชาวยิวในเวสต์แบงก์ได้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านี่เป็นฟางเส้นสุดท้าย
กีดอน ราฮัต สมาชิกของสถาบันประชาธิปไตยแห่งอิสราเอล และหัวหน้าภาควิชารัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮิบรูแห่งเยรูซาเลมระบุว่า เนทันยาฮูมีคดีอยู่ และวิธีเดียวที่จะปกป้องตนเองได้คือการอยู่ในเวทีการเมือง เพื่อที่จะได้ใช้อำนาจปกป้องตัวเอง และถ้าเนทันยาฮูมีโอกาสเขาจะพยายามเปลี่ยนระบบศาลเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องติดคุก หรือให้การไต่สวนคดีของตัวเองดำเนินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ส่วนคำถามที่ว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่จะนำไปสู่การตั้งรัฐบาลที่มีความมั่นคงได้หรือไม่ ดิสกินระบุว่า ตามหลักกฎหมายในปัจจุบัน การเลือกตั้งสามารถทำได้เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ขณะที่ราฮัตแนะนำว่า การผ่านร่างกฎหมายจะช่วยให้ยุบสภายากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ราฮัตมองว่า ตราบใดที่เนทันยาฮูยังมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ ก็ไม่คิดว่าอิสราเอลจะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และทางเดียวที่เนทันยาฮูจะยอมออกไปคือเขาต้องแพ้อย่างราบคาบ และพรรคลิคุดจะไม่ต้องการเขาอีกต่อไป
อย่างไรก็ดี จากผลสำรวจของสำนักข่าว Israel Channel 12 TV เปิดเผยว่า พรรคของเนทันยาฮูอาจจะชนะการเลือกตั้งครั้งใหม่เดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ถึงแม้ว่าพรรคของเขาจะขาดเสียงข้างมากในรัฐสภาไปเพียงแค่สองเก้าอี้เท่านั้น
ส่งสัญญาณว่า การเมืองอิสราเอลอาจจะยังเวียนวนอยู่ในวังวนเดิมอีกนาน...
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี