วันอาทิตย์ ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
คุยกัน7วันหน : ตระกูล‘ราชปักษา’ผู้กุมอำนาจแห่งศรีลังกา

คุยกัน7วันหน : ตระกูล‘ราชปักษา’ผู้กุมอำนาจแห่งศรีลังกา

วันอาทิตย์ ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2565, 06.31 น.
Tag : ราชปักษา ศรีลังกา คุยกัน7วันหน
  •  

สัปดาห์นี้ ไปรู้จักเรื่องราวของตระกูล “ราชปักษา” ที่กุมอำนาจปกครองศรีลังกามานานกว่าสองทศวรรษ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้ศรีลังกาต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในรอบกว่า 70 ปี

เดิมที ตระกูลนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองระดับประเทศ แต่เป็นตระกูลเศรษฐีที่ดิน และหนึ่งในคนที่ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตระกูล “ราชปักษา”เข้ามามีบทบาททางการเมืองระดับประเทศก็คือ มหินทา ราชปักษา ที่ได้รับเลือกให้เป็น สส. ครั้งแรกเมื่อปี 1970 ก่อนจะได้เป็นหัวหน้าพรรคเสรีภาพศรีลังกา และได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีศรีลังกาติดต่อกัน 2 สมัย ตั้งแต่ปี 2005-2015 และพลาดท่าพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีศรีลังกาในปี 2015


อย่างไรก็ตาม ในปี 2019 นายโกตาบายา ราชปักษา น้องชายก็กลับมาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี และทำให้ตระกูลราชปักษา กลับมาสู่อำนาจในการปกครองศรีลังกาอีกครั้ง โดยระหว่างที่นายโกตาบายา ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาก็ได้แต่งตั้งพี่น้องตัวเอง และเครือญาติในตระกูลราชปักษาให้เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาลดังนี้

นายชามาล ราชปักษา พี่ชายคนโต ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีชลประทาน ในขณะที่นายมหินทา ที่เป็นพี่ชายคนรอง ก็ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนนายบาซิล ราชปักษา น้องชายคนเล็ก ก็ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ลูกชายของนายมหินทา 2 คน ยังได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกีฬา และหัวหน้าเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี อีกด้วย เช่นเดียวกับลูกชายของนายชามาล ที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร เรียกได้ว่า ในตำแหน่งสำคัญๆ ล้วนมีตระกูลราชปักษา ควบคุมอยู่แทบทั้งหมด

หนึ่งในสาเหตุที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ศรีลังกาเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปีเกิดขึ้นหลังจากที่นายโกตาบายาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี2019 ซึ่งเขาได้ผ่านนโยบายการลดหย่อนภาษีในการประชุมคณะมนตรีครั้งแรกทันที โดยที่ไม่สนใจคำเตือนจากนายมังกาลา ซามาราวีรา รัฐมนตรีกระทรวงการคลังในขณะนั้น ที่บอกว่า เสี่ยงและอันตรายมากที่จะลดภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 15 เหลือเพียงร้อยละ 8 รวมถึงยกเลิกจัดเก็บภาษีอื่นๆ ทั้งที่เป็นประเทศที่มีรายได้จากภาษีน้อยอยู่แล้ว ซึ่งมันจะทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระหนี้ที่สูงขึ้น และจำเป็นต้องไปกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ซึ่งนั่นไม่เพียงจะทำให้ทั้งประเทศต้องล้มละลาย แต่จะกลายเป็นเหมือนกับเวเนซุเอลา และกรีซ กระทั่งเวลาผ่านมาราว 30 เดือน ทุกอย่างที่อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเตือน ก็ได้เกิดขึ้นจริง

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า ก่อนที่ตระกูลราชปักษาจะเข้ามาปกครองประเทศ ศรีลังกา ก็ถือว่าเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว แต่เมื่อตระกูลราชปักษาเข้ามาปกครอง ก็เริ่มดำเนินโครงการกู้ครั้งใหญ่จากจีน เพื่อนำไปลงทุนในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกที่เมืองบ้านเกิดของพวกเขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะเปลี่ยนศรีลังกาให้กลายเป็นศูนย์กลางของเอเชียใต้แต่แล้วโครงการต่างๆ ก็ต้องหยุดชะงักลง และทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นกว่า2 เท่า ระหว่างปี 2010-2020

ความกังวลว่าจะเกิดการล่มสลายเกิดขึ้นครั้งแรกหลังจากที่เกิดการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 เนื่องจากรายได้จากการท่องเที่ยวสูญหาย ซึ่งรัฐบาลตัดสินใจพิมพ์เงินเข้าระบบร้อยละ 42 ระหว่างเดือนธันวาคม 2019-สิงหาคม2021 ซึ่งนั่นถือเป็นความผิดพลาดเนื่องจากเป็นการเร่งให้ศรีลังกาเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มเร็วที่สุดในเอเชีย

และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมารัฐบาลก็ทำเรื่องที่น่าตกใจอีกครั้ง เมื่อประกาศห้ามนำเข้าปุ๋ยเคมี โดยให้เหตุผลว่า ทำตามกรอบสัญญาที่รัฐบาลเคยให้ไว้ว่าจะสนับสนุนการทำเกษตรแบบออร์แกนิคที่ปราศจากสารเคมี แต่อันที่จริงแล้ว หลายคนมองว่า รัฐบาลทำไปเพื่อประหยัดเงินสกุลดอลลาร์ แต่เรื่องนี้ก็ส่งผลย้อนกลับ เมื่อห่วงโซ่การเกษตรของศรีลังกาหยุดชะงัก การเก็บเกี่ยวผลผลิตล้มเหลว บังคับให้รัฐบาลต้องนำเข้าข้าว และเริ่มโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ใบชาที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกที่เป็นรายได้หลักก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

นโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล ได้นำไปสู่ภาวะขาดแคลนอาหาร พลังงานไฟฟ้า และยารักษาโรคสำหรับครอบครัวที่ยากจนทางการได้ระงับการจำหน่ายน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลให้แก่รถที่ไม่จำเป็น เพื่อรักษาปริมาณน้ำมันสำรองไว้ใช้ในกรณีที่จำเป็น ขณะที่พยายามวิ่งเต้นขอซื้อน้ำมันราคาถูกจากหลายประเทศ เช่น รัสเซีย แต่ก็ไม่เป็นผล

ความเดือดร้อนทั้งหลายทั้งปวง กลายเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ประชาชนที่เคยลงคะแนนเสียงเลือกนายโกตาบายาเป็นผู้นำมาก่อนหันมาชูป้ายและตะโกนข้อความ“โกตา โก โฮม” (Gota go home)ซึ่งฟังดูคล้ายกับประโยคภาษาอังกฤษที่ว่า “ต้องกลับบ้านแล้ว” แต่ข้อความดังกล่าวมีความหมายว่า “โกตากลับบ้านไป” เป็นการขับไล่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันออกจากตำแหน่ง

จนล่าสุด โกตาบายา ราชปักษาก็หนีออกนอกประเทศไปตั้งหลักยังสิงคโปร์ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังซาอุดีอาระเบีย ปิดฉากอดีตผู้นำคนเก่งของชาวศรีลังกาทั้งประเทศในฐานะที่เคยเป็น “ฮีโร่” ปราบกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมมาได้

แต่เขากลับทำให้ตระกูล “ราชปักษา” ต้องปิดฉากครองอำนาจในศรีลังกาไปตลอดกาล ?!?

 

โดย ดาโน โทนาลี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ตะลอนเที่ยว : พระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี ศรีลังกา ตะลอนเที่ยว : พระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี ศรีลังกา
  • คุยกัน7วันหน : ทรัมป์ยิ้มรับเครื่องบินจากกาตาร์ ระบุ \'คนโง่เท่านั้น\' ที่ปฏิเสธของขวัญชิ้นนี้ คุยกัน7วันหน : ทรัมป์ยิ้มรับเครื่องบินจากกาตาร์ ระบุ 'คนโง่เท่านั้น' ที่ปฏิเสธของขวัญชิ้นนี้
  • คุยกัน7วันหน : เมื่อชาวจีนเปิดใจพูดคุยเกี่ยวกับ ‘ความตาย’ มากขึ้น คุยกัน7วันหน : เมื่อชาวจีนเปิดใจพูดคุยเกี่ยวกับ ‘ความตาย’ มากขึ้น
  • คุยกัน7วันหน : ​วิเคราะห์-เจาะลึก ใครจะได้เป็น ‘สมเด็จพระสันตะปาปา’ พระองค์ใหม่ คุยกัน7วันหน : ​วิเคราะห์-เจาะลึก ใครจะได้เป็น ‘สมเด็จพระสันตะปาปา’ พระองค์ใหม่
  • คุยกัน7วันหน : จีนผนึกกำลัง ‘อาเซียน’ รับมือกำแพงภาษีทรัมป์ คุยกัน7วันหน : จีนผนึกกำลัง ‘อาเซียน’ รับมือกำแพงภาษีทรัมป์
  • คุยกัน7วันหน : จับตาศึกยก 2 สังเวียนการค้าโลก คุยกัน7วันหน : จับตาศึกยก 2 สังเวียนการค้าโลก
  •  

Breaking News

เชื่อไม่เกิดสุญญากาศ! แม้ปัญหารุมเร้าทำรบ.เปราะบาง 'สุทิน'ย้ำต้องให้กำลังเร่งสร้างเชื่อมั่น

เลขาฯเพื่อไทยแย้มโควตา ‘รองปธ.สภาฯ’คนที่ 2 อาจเป็นของ‘รทสช.’

รองนายกฯสั่งจับตา หนองคายฝนตกชุก น้ำโขงเสี่ยงเพิ่มสูง

โพลชี้คนอุตสาหกรรมเชื่อมั่น 4 ผู้นำพรรคเล็ก–ตั้งใหม่ เปิดโอกาสขับเคลื่อนประเทศ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved