สัปดาห์นี้ ไปรู้จักเรื่องราวของตระกูล “ราชปักษา” ที่กุมอำนาจปกครองศรีลังกามานานกว่าสองทศวรรษ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้ศรีลังกาต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในรอบกว่า 70 ปี
เดิมที ตระกูลนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองระดับประเทศ แต่เป็นตระกูลเศรษฐีที่ดิน และหนึ่งในคนที่ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตระกูล “ราชปักษา”เข้ามามีบทบาททางการเมืองระดับประเทศก็คือ มหินทา ราชปักษา ที่ได้รับเลือกให้เป็น สส. ครั้งแรกเมื่อปี 1970 ก่อนจะได้เป็นหัวหน้าพรรคเสรีภาพศรีลังกา และได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีศรีลังกาติดต่อกัน 2 สมัย ตั้งแต่ปี 2005-2015 และพลาดท่าพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีศรีลังกาในปี 2015
อย่างไรก็ตาม ในปี 2019 นายโกตาบายา ราชปักษา น้องชายก็กลับมาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี และทำให้ตระกูลราชปักษา กลับมาสู่อำนาจในการปกครองศรีลังกาอีกครั้ง โดยระหว่างที่นายโกตาบายา ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาก็ได้แต่งตั้งพี่น้องตัวเอง และเครือญาติในตระกูลราชปักษาให้เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาลดังนี้
นายชามาล ราชปักษา พี่ชายคนโต ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีชลประทาน ในขณะที่นายมหินทา ที่เป็นพี่ชายคนรอง ก็ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนนายบาซิล ราชปักษา น้องชายคนเล็ก ก็ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ลูกชายของนายมหินทา 2 คน ยังได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกีฬา และหัวหน้าเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี อีกด้วย เช่นเดียวกับลูกชายของนายชามาล ที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร เรียกได้ว่า ในตำแหน่งสำคัญๆ ล้วนมีตระกูลราชปักษา ควบคุมอยู่แทบทั้งหมด
หนึ่งในสาเหตุที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ศรีลังกาเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปีเกิดขึ้นหลังจากที่นายโกตาบายาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี2019 ซึ่งเขาได้ผ่านนโยบายการลดหย่อนภาษีในการประชุมคณะมนตรีครั้งแรกทันที โดยที่ไม่สนใจคำเตือนจากนายมังกาลา ซามาราวีรา รัฐมนตรีกระทรวงการคลังในขณะนั้น ที่บอกว่า เสี่ยงและอันตรายมากที่จะลดภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 15 เหลือเพียงร้อยละ 8 รวมถึงยกเลิกจัดเก็บภาษีอื่นๆ ทั้งที่เป็นประเทศที่มีรายได้จากภาษีน้อยอยู่แล้ว ซึ่งมันจะทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระหนี้ที่สูงขึ้น และจำเป็นต้องไปกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ซึ่งนั่นไม่เพียงจะทำให้ทั้งประเทศต้องล้มละลาย แต่จะกลายเป็นเหมือนกับเวเนซุเอลา และกรีซ กระทั่งเวลาผ่านมาราว 30 เดือน ทุกอย่างที่อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเตือน ก็ได้เกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า ก่อนที่ตระกูลราชปักษาจะเข้ามาปกครองประเทศ ศรีลังกา ก็ถือว่าเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว แต่เมื่อตระกูลราชปักษาเข้ามาปกครอง ก็เริ่มดำเนินโครงการกู้ครั้งใหญ่จากจีน เพื่อนำไปลงทุนในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกที่เมืองบ้านเกิดของพวกเขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะเปลี่ยนศรีลังกาให้กลายเป็นศูนย์กลางของเอเชียใต้แต่แล้วโครงการต่างๆ ก็ต้องหยุดชะงักลง และทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นกว่า2 เท่า ระหว่างปี 2010-2020
ความกังวลว่าจะเกิดการล่มสลายเกิดขึ้นครั้งแรกหลังจากที่เกิดการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 เนื่องจากรายได้จากการท่องเที่ยวสูญหาย ซึ่งรัฐบาลตัดสินใจพิมพ์เงินเข้าระบบร้อยละ 42 ระหว่างเดือนธันวาคม 2019-สิงหาคม2021 ซึ่งนั่นถือเป็นความผิดพลาดเนื่องจากเป็นการเร่งให้ศรีลังกาเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มเร็วที่สุดในเอเชีย
และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมารัฐบาลก็ทำเรื่องที่น่าตกใจอีกครั้ง เมื่อประกาศห้ามนำเข้าปุ๋ยเคมี โดยให้เหตุผลว่า ทำตามกรอบสัญญาที่รัฐบาลเคยให้ไว้ว่าจะสนับสนุนการทำเกษตรแบบออร์แกนิคที่ปราศจากสารเคมี แต่อันที่จริงแล้ว หลายคนมองว่า รัฐบาลทำไปเพื่อประหยัดเงินสกุลดอลลาร์ แต่เรื่องนี้ก็ส่งผลย้อนกลับ เมื่อห่วงโซ่การเกษตรของศรีลังกาหยุดชะงัก การเก็บเกี่ยวผลผลิตล้มเหลว บังคับให้รัฐบาลต้องนำเข้าข้าว และเริ่มโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ใบชาที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกที่เป็นรายได้หลักก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
นโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล ได้นำไปสู่ภาวะขาดแคลนอาหาร พลังงานไฟฟ้า และยารักษาโรคสำหรับครอบครัวที่ยากจนทางการได้ระงับการจำหน่ายน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลให้แก่รถที่ไม่จำเป็น เพื่อรักษาปริมาณน้ำมันสำรองไว้ใช้ในกรณีที่จำเป็น ขณะที่พยายามวิ่งเต้นขอซื้อน้ำมันราคาถูกจากหลายประเทศ เช่น รัสเซีย แต่ก็ไม่เป็นผล
ความเดือดร้อนทั้งหลายทั้งปวง กลายเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ประชาชนที่เคยลงคะแนนเสียงเลือกนายโกตาบายาเป็นผู้นำมาก่อนหันมาชูป้ายและตะโกนข้อความ“โกตา โก โฮม” (Gota go home)ซึ่งฟังดูคล้ายกับประโยคภาษาอังกฤษที่ว่า “ต้องกลับบ้านแล้ว” แต่ข้อความดังกล่าวมีความหมายว่า “โกตากลับบ้านไป” เป็นการขับไล่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันออกจากตำแหน่ง
จนล่าสุด โกตาบายา ราชปักษาก็หนีออกนอกประเทศไปตั้งหลักยังสิงคโปร์ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังซาอุดีอาระเบีย ปิดฉากอดีตผู้นำคนเก่งของชาวศรีลังกาทั้งประเทศในฐานะที่เคยเป็น “ฮีโร่” ปราบกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมมาได้
แต่เขากลับทำให้ตระกูล “ราชปักษา” ต้องปิดฉากครองอำนาจในศรีลังกาไปตลอดกาล ?!?
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี