สถานการณ์คลื่นความร้อน หรือฮีตเวฟรุนแรง ในทวีปยุโรป ระลอกใหม่ของปีนี้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลอุณหภูมิเฉลี่ยในหลายประเทศพุ่งสูงทําสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง แม้บางพื้นที่ทางตอนเหนือของยุโรปเริ่มมีอากาศร้อนลดลง โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษเผชิญกับอุณหภูมิเฉลี่ยถึง 40.2 องศาเซลเซียสเป็นครั้งแรก เกิดสถิติใหม่วันร้อนที่สุดในเยอรมนี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม และยอดผู้เสียชีวิตจากอากาศร้อนจัดทั่วยุโรปทะลุ 1,700 ราย ในจำนวนนี้กว่า 1,000 รายอยู่ในโปรตุเกสท่ามกลางการเกิดไฟป่าในหลายพื้นที่
องค์การอุตุนิยมวิทยา โลกหรือ ดับเบิลยูเอ็มโอ ระบุว่า สถานการณ์อากาศร้อนจัดจากฮีตเวฟ ที่กําลังเกิดขึ้นในทวีปยุโรปยังไม่จบและอาจทวีความรุนแรงขึ้นอีก โดยฮีตเวฟรุนแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นทุกปีและจะมีระดับอุณหภูมิมากขึ้น รวมถึงกินระยะเวลานานมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องมาจากปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงหรือโลกร้อน โดยนายปีเตอร์รี ทาลาสผู้อํานวยการดับเบิลยูเอ็มโอ กล่าวว่าคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นแบบนี้จะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ตามปกติในอนาคตและมนุษย์จะมีโอกาสได้พบกับฮีตเวฟที่รุนแรงยิ่งกว่านี้ด้วย
คลื่นความร้อนจัด ทำให้ความชื้นผิวดินลดลงมาก นำมาสู่การเกิดไฟป่ารุนแรงขึ้นทั่วภูมิภาคซึ่งปีนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าปีที่ผ่านๆ มาและยังมีแนวโน้มที่จะเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ สร้างความเสียหายมากขึ้นและยากที่จะหยุดยั้งได้มากขึ้นนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า สถานการณ์ไฟป่าในยุโรปจะย่ำแย่ลงอีก เว้นเสียแต่ว่าแต่ละประเทศจะมีมาตรการรับมืออย่างเร่งด่วน
นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมอธิบายว่า การที่ชาวยุโรปอพยพจากพื้นที่ชนบทเข้าสู่พื้นที่เมืองมากขึ้นเพื่อแสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในช่วงราว 50 ปีที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่ป่าแถบชนบทถูกทอดทิ้ง เมื่อพื้นที่ป่าไม้ที่เปราะบางเหล่านั้นถูกทิ้งร้างต้นไม้จำนวนมากยืนต้นตาย กลายเป็นซากไม้ ซ้ำเติมด้วยภัยแล้งและคลื่นร้อนที่รุนแรง ดังนั้น ประกายไฟเพียงจุดเดียวก็สามารถเผาผลาญทั้งป่าได้ในเวลาอันรวดเร็ว
โจฮัน โกลแดมเมอร์ ผู้อำนวยการศูนย์จับตาอัคคีภัยโลกแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า นี่คือเหตุผลทำให้เกิดความเสี่ยงไฟป่ารุนแรง อย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในรอบ 2,000 ปีที่ผ่านมา
ความประมาทเลินเล่อ ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัคคีภัยปะทุรุนแรง อย่างในโปรตุเกส ซึ่งพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากไฟป่าในปี 2017 มากกว่า 100 คน เจ้าหน้าที่ระบุว่ามากกว่า 62% ของสาเหตุไฟป่าเกิดขึ้นจากกิจกรรมทางการเกษตรเช่น การเผาซังไม้ ที่ทำให้ไฟลุกลามเป็นวงกว้างในเวลาต่อมา
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้เพิ่มมิติที่น่ากลัวให้กับไฟป่า ที่คุกคามโลกใบนี้มากขึ้น ประโยคนี้ไม่เกินจริง อย่างน้อยก็ในพื้นที่ทางใต้ของยุโรป ที่พบว่า
มีสภาพอากาศที่เอื้อต่อไฟป่ามากคือทั้ง อุณหภูมิสูง ความแห้งแล้งและลมแรง ซึ่งทำให้ไฟป่าช่วงฤดูร้อนกลายเป็น “บรรทัดฐานใหม่” ไปเสียแล้ว
สหภาพยุโรป เปิดเผยข้อมูลพบว่า เดือนนี้เป็นเดือนที่เผชิญกับไฟป่าที่เข้มข้นและรุนแรงมากที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา และความแล้งในภูมิภาคมีโอกาสจะรุนแรงกว่านี้อีก ซึ่งแถบเมดิเตอร์เรเนียน มีอากาศที่อุ่นขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกถึง 20% อีกทั้งพื้นที่ป่าในสหภาพยุโรปในปีนี้ ถูกเผามากกว่าปีที่ผ่านๆ มาถึง 3 เท่า โดยไฟป่าผลาญพื้นที่ไปแล้วกว่า 2.8 ล้านไร่เทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนหน้านี้ที่ราว 680,000 ไร่ ระหว่างปี 2006-2021
และในปีนี้ ยุโรปเผชิญไฟป่าแล้วมากถึง 1,900 ครั้ง เทียบกับค่าเฉลี่ย 470 ครั้่งต่อปี ระหว่าง 2006-2021
ไฟป่าปีนี้ ต่างจากปีก่อนๆเนื่องจากความแห้งแล้งและคลื่นร้อนที่มีมากขึ้น ทำให้ยากที่จะรับมือกับไฟป่า ประกอบกับเงื่อนไขของสภาพอากาศ ทำให้ไฟลามอย่างรวดเร็ว และหากสภาพอากาศยิ่งเลวร้าย ไฟป่าก็จะยิ่งเกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการเกิด “megafires” หรือ“มหาไฟป่า” ที่ยากจะหยุดยั้งได้
แล้วเราจะอยู่ร่วมกับไฟป่าที่มากขึ้นได้อย่างไร?
นักวิทยาศาสตร์ได้ขอให้ประชาชน “อย่าสูญสิ้นความหวัง” แม้ว่าภาพแห่งความน่ากลัวของกำแพงแห่งไฟจะยังหลอกหลอนเราอยู่ก็ตาม เรามีงานอีกมากที่จะต้องทำเพื่อปรับตัว เช่น การยุติการเผ่าไม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิส และให้ความรู้แก่ประชาชนถึงเรื่องโลกร้อน อีกทั้งการจำเป็นต้องมีการทบทวนมาตรการการจัดการผืนป่า,การสรรสร้างโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการปลูกป่า ที่แม้จะไม่ได้เห็นผลในระยะเวลาอันใกล้ แต่นับเป็นแผนการระยะยาว ที่อย่างน้อย 50 ปีข้างหน้า พื้นฐานสำคัญเหล่านี้จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี