อ่างศิลาเป็นชุมชนโบราณ มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไล่เรื่อยมา จนรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในอดีตเคยเป็นเมืองท่าสำคัญมาก่อน วันนี้อ่างศิลาก็ยังมีความสำคัญไม่น้อย เพราะเป็นแหล่งซื้อขายอาหารทะเลสดๆ ที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆของภาคตะวันออก เรามาช่วยกันทำให้อ่างศิลาน่าอยู่ น่าท่องเที่ยวกันครับ อ่างศิลามีศักยภาพติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองไทยได้
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัยยอดมาลัย นำคุณไปเยือนอ่างศิลา ไปดูกิจกรรมเพื่อสาธารณะคือการทำหมันสุนัขและแมวทั้งจรจัดและมีเจ้าของ และพาไปชมสินค้าสำคัญของเมืองอ่างศิลา คือครกหิน ผู้ที่มาสนทนากับเราในวันนี้คือ คุณวินัย พ้นภัยพาล นายกเทศมนตรีเมืองอ่างศิลา และทีมงาน
l เริ่มด้วยโครงการทำหมันสุนัขและแมวก่อนครับ โครงการนี้ร่วมมือกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหนังสือพิมพ์แนวหน้า และภาคีเครือข่าย คาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้อ่างศิลาน่าอยู่ได้มากขึ้นอย่างไรครับ
คุณวินัย : ในฐานะนายกเทศมนตรีเมืองอ่างศิลาก็ต้องการเห็นอ่างศิลามีระเบียบ ผู้คนที่อยู่ในเมืองนี้มีความสุข นักท่องเที่ยวมาแล้วมีความสุขและปลอดภัย สัตว์ต่างๆ ในอ่างศิลาก็ต้องมีความสุขคือสวัสดิภาพคนและสัตว์ในอ่างศิลาต้องดีครับ เราต้องการลดจำนวนสุนัขและแมวจรจัดในอ่างศิลาลง เราไม่ต้องการให้มีสัตว์จรจัดในอ่างศิลา เราอยากเห็นสัตว์เลี้ยงในอ่างศิลามีบ้านมีเจ้าของดูแลทุกตัว เราพยายามลดจำนวนสัตว์จรจัด เพื่อสวัสดิภาพคนและสัตว์ในเมืองนี้ และคิดว่านี้คือการป้องกันปัญหาโรคพิษสุนัขบ้าได้อย่างดีครับ ช่วงที่เราทำโครงการนี้ร่วมกับหลายฝ่าย ประชาชนในอ่างศิลาไปลงทะเบียนขอรับบริการมากมาย โดยลงทะเบียนขอรับการทำหมันสุนัขและแมวรวมกว่า 700 ตัว การทำโครงการครั้งแรกในวันนี้ทำหมันได้ประมาณ 100 ตัว ก็ต้องทำโครงการต่อไป จนกว่าจะครบจำนวนผู้ลงทะเบียน และต้องทำโครงการต่อเนื่องทุกปีครับ เพื่อให้การลดจำนวนประชากรสัตว์เลี้ยงเห็นผลเป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้
l สอบถามปลัดเทศบาลเมืองอ่างศิลาคุณมนูญ วิวรรณ ครับมีความหวังใช่ไหมครับว่าเมืองอ่างศิลาจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถโฆษณาได้ว่าเมืองนี้มีของดีมากมายและที่สำคัญคือสัตว์เลี้ยงในอ่างศิลาเกือบทุกตัวที่เจ้าของยินยอมร่วมโครงการนี้ ผ่านการทำหมันเรียบร้อยแล้ว และในอ่างศิลาจะไม่มีสัตว์จรจัดในอนาคต และสัตว์เลี้ยงทุกตัวได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแล้ว
คุณมนูญ : ใช่ครับ นี่คือนโยบายสำคัญเรื่องหนึ่งของเทศบาลเมืองอ่างศิลาที่นายกเทศมนตรีอ่างศิลา คุณวินัยตั้งใจทำมากครับ เราอยากให้คนทุกคนในเขตเทศบาลเมืองอ่างศิลา ไม่ว่าจะเป็นประชากรหรือนักท่องเที่ยวมั่นใจว่าอ่างศิลาปลอดภัย น่าเที่ยว และจะไม่มีโรคพิษสุนัขบ้า ไม่มีสัตว์จรจัดครับ เราตั้งใจทำโครงการนี้อย่างมาก และจะทำต่อเนื่อง แล้วที่สำคัญคือต้องขอบคุณภาคีเครือข่ายที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับเราในการทำงานสำคัญนี้ เราเริ่มต้นแล้ว เราจะทำต่อไปจนกว่าจะบรรลุภารกิจ เราอยากเห็นอ่างศิลาเป็นเมืองต้นแบบของแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนที่ปราศจากสัตว์จรจัด รวมถึงอยากให้สัตว์เลี้ยงทุกตัวได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
l ขอสอบถามทีมทำงานของเทศบาลฯ ครับ ตอนที่ประชาสัมพันธ์โครงการนี้ให้ชาวบ้านทราบ ชาวบ้านตอบรับอย่างไรครับ
เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของเทศบาลฯ : ได้รับการตอบรับดีมากค่ะ หลังจากเปิดลงทะเบียนในเวลาเพียงสองสามวันมีผู้สนใจร่วมโครงการมากถึง 700 ราย เบื้องต้นเราจำกัดไว้ที่การนำสัตว์มารับบริการรายละหนึ่งตัวเท่านั้น เพื่อให้บริการได้ทั่วถึง ล่าสุดชาวบ้านที่อยู่ในคิวก็รอว่าจะเปิดทำหมันรอบต่อไปในวันที่เท่าไรค่ะ
l ขอถามสัตวแพทย์ประจำเทศบาลฯ ครับ ตามปกติให้บริการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงในชุมชนอย่างไรบ้างครับ
สัตวแพทย์ประจำเทศบาลฯ : โดยปกติเรามีบริการทำหมันให้สัตว์เลี้ยงและสัตว์จรจัดเป็นระยะๆ ครับ โดยการออกหน่วยเคลื่อนที่ไปในชุมชน เพราะเราต้องการลดจำนวนสัตว์จรจัดลงครับและที่สำคัญคือเราพยายามรณรงค์ให้เจ้าของสัตว์ในชุมชนเลี้ยงสัตว์ด้วยความรับผิดชอบ ไม่ทอดทิ้งสัตว์เลี้ยง และนำสัตว์ไปรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปีครับ สำหรับปีนี้เราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะคณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ ที่หนังสือพิมพ์แนวหน้าช่วยประสานให้ ก็ทำให้เราให้บริการชุมชนได้ดีมากขึ้น ให้บริการครั้งละได้จำนวนเป็นร้อยตัว และทำได้ตามหลักการสาธารณสุขและหลักสวัสดิภาพสัตว์ได้ครบถ้วนทุกขั้นตอน
l นายกเทศมนตรีฯ ตั้งเป้าไหมครับว่าภายในกี่ปี อ่างศิลาจะปราศจากสัตว์จรจัด
คุณวินัย : คิดว่าภายในสามปีจะลดจำนวนสัตว์จรจัดลงให้ได้เกิน 60-70 เปอร์เซ็นต์ครับ และจะทำโครงการนี้ต่อเนื่องทุกปีครับ
l ช่วงต่อไปเราจะไปชมการทำครกหินด้วยแรงงานคน ขอบอกว่าครกหินอ่างศิลาเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของอ่างศิลามาตั้งแต่โบร่ำโบราณ นายกเทศมนตรีฯ ครับ ครกหินกับอ่างศิลามีความสัมพันธ์กันอย่างไรครับ และอ่างศิลามีประวัติศาสตร์น่าสนใจอะไรบ้างครับ
คุณวินัย : อ่างศิลามีสิ่งน่าสนใจมากมาย ทั้งอาหารการกิน ทั้งแหล่งโบราณสถานตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 3 เป็นต้นมา อ่างศิลาในอดีตคือเมืองอ่างหิน เป็นท่าเรือสำคัญมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3หลังไทยมีสนธิสัญญาเบาว์ริงกับประเทศอังกฤษ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงให้สร้างท่าเทียบเรืออ่างศิลา ที่เรียกว่าตะพานหิน และในสมัยนั้นมีการก่อสร้างอาศรัยสถาน สำหรับใช้พักตากอากาศและพักฟื้นหลังหายป่วยจากการเจ็บไข้ได้ป่วย และต่อมาได้สร้างตึกมหาราช และตึกราชินี ดังปรากฏจนปัจจุบันนี้ ตึกมหาราชทาสีขาว จึงถูกเรียกว่าตึกขาวตึกราชินีทาสีแดง จึงถูกเรียกตึกแดง จริงๆ เรื่องแหล่งประวัติศาสตร์ในอ่างศิลายังมีอีกมาก วันหน้าจะชวนมาทำรายการอีกครับ ส่วนเรื่องครกหินอ่างศิลานั้น เป็นที่รับรู้กันมานานว่าอ่างศิลามีครกหินคุณภาพดี เพราะเนื้อหินอ่างศิลาจะแตกต่างจากหินในภาคอื่นๆ ของไทย หินอ่างศิลามีสีขาว และมีเกล็ดระยิบระยับ หลายคนเรียกเกล็ดเพชร มีความแวววาว สมัยก่อนอนุญาตให้ขุดหินในอ่างศิลาไปทำครกและของอื่นๆ ได้ แต่ในปัจจุบันไม่อนุญาตแล้ว เพราะต้องรักษาแหล่งหินไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาประวัติศาสตร์ เนื่องจากแหล่งหินในอ่างศิลาเหลือน้อย และบางแห่งก็กลายเป็นเขตบ้านจัดสรรแล้ว ดังนั้นยุคนี้ครกหินอ่างศิลาจึงใช้หินจากจังหวัดตากมาผลิต ส่วนการผลิตในยุคดั่งเดิมก็ใช้แรงงานคนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ปัจจุบันก็เหลือคนทำครกด้วยแรงงานคนน้อยมากแล้ว คงจะต้องหาทางอนุรักษ์อาชีพนี้ไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ จุดเด่นของครกหินอ่างศิลาที่ทำด้วยมือมนุษย์คือจะมีหูครกสองข้าง หูครกต้องทำด้วยมือคนเท่านั้น ครกที่ทำจากเครื่องจักรจะไม่มีหูครก นักเก็บสะสมของเก่าบอกว่าครกหินอ่างศิลาแท้ๆ ที่มีอายุนับร้อยปีจะมีมูลค่าในปัจจุบันหลายพันถึงหลายหมื่นบาทเลย แต่การผลิตครกหินในเขตเมืองในยุคนี้จะถูกร้องเรียนบ่อยมากเพราะเสียงดัง และมีฝุ่นมาก มีเรื่องร้องเรียนกันเป็นประจำจากคนในหมู่บ้านที่ได้รับความรำคาญ ดังนั้นจึงมีการย้ายไปผลิตครกหินในจังหวัดตาก แต่เราก็จะต้องพยายามอนุรักษ์อาชีพนี้ไว้ในอ่างศิลา ทางเทศบาลฯ กำลังมองหาพื้นที่สำหรับทำอาชีพผลิตครกหินให้ เพื่อให้อาชีพนี้อยู่ได้ต่อไป โดยไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนในชุมชน ขอเล่าให้ฟังว่าครกหินอ่างศิลาดังไปไกลถึงต่างประเทศเพราะคนไทยไปอยู่ต่างประเทศมากมาย ก็นำครกหินไปเพื่อตำพริก ตำกระเทียม และตำพริกไทยรวมถึงตำน้ำพริก แต่คนต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีนนิยมซื้อครกหินใบย่อมๆ ใบเล็กๆ ไปเพื่อเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน ส่วนฝรั่งในชาติตะวันตกหลายรายก็นิยมนำครกหินไปตำสิ่งของต่างๆ เช่น กุ้งแห้ง พริกสด บางรายใช้ประดับร้านอาหารคู่กับเตาถ่านของไทย
l ขอถามแม่ค้าขายครกครับ ราคาครกตกประมาณใบละเท่าไรครับ
แม่ค้าขายครก : มีตั้งแต่ 80 บาทไปจนถึง1 พันกว่าบาท ขึ้นกับขนาด ใบเล็กๆ จิ๋วๆ ก็ 60 บาทเอาไปตั้งเป็นเครื่องประดับบ้าน ส่วนใบขนาดตั้งแต่ 5 นิ้วขึ้นไปก็ราคาประมาณ 300 บาทขึ้นไป แต่ปัจจุบันหินจากอ่างศิลาหายากมาก มีแต่หินจากตากเป็นส่วนใหญ่ ครกหินอ่างศิลานั้น หากใครมีของแท้ก็ขอให้เก็บรักษาไว้ให้ดี เพราะเป็นมรดกให้ลูกหลานได้ ราคาแพงด้วยนะคะ ครกหินที่ทำด้วยมือจะแพงกว่าครกหินที่ทำจากเครื่องจักร
l ถามนายกเทศมนตรีฯ ครับ จะอนุรักษ์อาชีพนี้อย่างไรดีครับ เพราะเด็กๆ และคนไทยรุ่นใหม่อาจไม่เห็นความสำคัญ
คุณวินัย : ก็ต้องพยายามให้เขาเห็นคุณค่าของอดีต ต้องให้เขาภูมิใจกับรากเหง้าของเขาเองเราบังคับเขายาก ต้องให้เขาเห็นคุณค่าด้วยตัวเขาเองเราต้องพยายามส่งเสริมให้เขาเห็นคุณค่าของรากเหง้าตัวเอง หากเราทำลายรากเหง้าตัวเองเราก็เดินทางต่อไปในอนาคตยากลำบาก
l พูดถึงเรื่องครกหินอ่างศิลามาพอประมาณ ขอถามว่านายกเทศมนตรีฯ มีสิ่งใดที่ภูมิใจนำเสนอให้ผู้คนรู้จักอ่างศิลาอีกครับ
คุณวินัย : อ่างศิลามีประวัติศาสตร์ เคยเป็นชุมชนประมงพื้นบ้าน มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ เป็นเมืองเงียบสงบ มีธรรมชาติสวยงาม มีทะเลที่อาจจะไม่มีหาดทรายยาวๆ แต่ก็มีวิวทะเลให้มองได้อย่างชื่นใจ อากาศดี หลายคนรู้จักศาลเจ้านาจา เพราะมีความศักดิ์สิทธิ์มาก คนที่มาอ่างศิลาต้องไปกราบนมัสการศาลเจ้าแห่งนี้กันเกือบทุกคน และที่สำคัญคืออ่างศิลามีตลาดอาหารทะเลสดๆ ที่สะอาด ราคามิตรภาพ คุณภาพดี ตลาดอาหารทะเลสดของอ่างศิลาเป็นที่ขึ้นชื่อมาก เพราะของดี ราคาสมเหตุสมผล ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ผู้คนจากต่างถิ่นจะไปจับจ่ายซื้ออาหารทะเลสดๆ กันมากมาย ขอเชิญชวนให้คุณๆ แวะเที่ยว แวะซื้อของและแวะมาเยี่ยมเยียนอ่างศิลาครับ
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ รายการ ไลฟ์ วาไรตี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์NBT กดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่YouTube ไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี