ธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และ ธฤต จรุงวัฒน์ เลขาธิการมูลนิธิไทย ร่วมแถลงข่าวโครงการรางวัลการทูตสาธารณะประจำปี 2565 (Public Diplomacy Award 2022)
หากจะพูดถึงภารกิจการทำหน้าที่ “การทูต” (Diplomacy) หลายคนคงทราบดีว่าเป็นการทำหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลและระดับประเทศในภาพกว้าง มีการดำเนินงานโดยภาครัฐ และเป็นบุคคลที่รัฐแต่งตั้งให้ดำเนินกิจการทางการทูตกับรัฐอื่น หรือองค์การระหว่างประเทศ โดยหน้าที่หลักของนักการทูต คือ การเป็นผู้แทนในการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีกับนานาประเทศผ่านการดำเนินงานในรูปแบบต่างๆ เช่น การเจรจา การแสดงท่าทีของรัฐบาล การเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศ ผ่านการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ในอีกมิติหนึ่งของการดำเนินงานด้านการทูต ที่เรียกว่า “การทูตสาธารณะ” (Public Diplomacy) ซึ่งหมายถึง งานการทูตที่สามารถดำเนินโดยภาครัฐและบุคคล กลุ่มบุคคลทั่วไปที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ไปยังระดับประชาชนชาวต่างประเทศโดยตรงในอันที่จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ สร้างความเข้าใจอันดีระหว่างชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงสร้างเกียรติภูมิ ภาพลักษณ์ ความนิยม การยอมรับ ให้แก่ประเทศไทย คนไทย และความเป็นไทย ขอเน้นว่าเป็นการดำเนินการที่มุ่งเน้นไปยังประชาชนชาวต่างประเทศซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
การทูตสาธารณะ มีหลายหน่วยงานในกระทรวงต่างประเทศที่เป็นเจ้าภาพ เช่น กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ, กรมสารนิเทศ และอีกหนึ่งหน่วยงานที่กระทรวง
การต่างประเทศก่อตั้งขึ้น ได้แก่ มูลนิธิไทย (Thailand Foundation)ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร มีลักษณะเป็นองค์กรร่วมภาครัฐและเอกชน ทำหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือและไมตรีจิตระหว่างชาวไทยและนานาชาติ
มูลนิธิไทย ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นเวลา 15 ปี โดยแนวคิดของกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องการให้มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านทูตสาธารณะโดยเฉพาะ มูลนิธิไทยจะทำหน้าที่ในการเผยแพร่ความเป็นไทยและคุณค่าความเป็นไทย ผ่านเสาหลัก 4 ประการ ประกอบด้วย ประการแรก ได้แก่ การเผยแพร่มรดกและวัฒนธรรมของไทย ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะวัฒนธรรมไทยเก่าแก่ แต่ยังรวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในยุคปัจจุบัน เช่น ภาพยนตร์ ละคร เพลง เป็นต้น โดยเผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ประการที่ 2 คือโครงการศึกษาความเป็นไทยและโครงการแลกเปลี่ยน เพื่อส่งเสริมด้านความสัมพันธ์การเรียนรู้ระหว่างประเทศ โดยการชักชวนชาวต่างชาติที่เป็นเยาวชนกลุ่มประเทศเป้าหมายให้มาเยือนประเทศไทย รวมถึงจัดการอบรมคณะทูตหรือนักธุรกิจที่เริ่มมาตั้งถิ่นฐานหรือทำงานในประเทศไทย ให้รับรู้ถึงความเป็นไทย และมีการอบรมนักเรียนไทยที่จะไปร่วมในโครงการแลกเปลี่ยนต่างๆ ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภูมิหลังและจุดเด่นของไทย เพื่อให้นักเรียนไทยสามารถเผยแพร่และรับบทบาทการเป็นทูตสาธารณะให้กับประเทศไทยได้ด้วย อีกทั้งยังมีการอบรมเกี่ยวกับอัตลักษณ์ไทยให้แก่นักเรียนและนักศึกษาจากต่างประเทศที่เข้ามาตามโครงการแลกเปลี่ยนต่างๆ ด้วยประการที่ 3 การสอนภาษาไทย ผลิตสื่อการสอนออนไลน์ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยนเรศวร สอนภาษาไทยผ่านการใช้ 13 ภาษาในการสอนเพื่อให้ง่ายต่อการเรียนของชาวต่างชาติและส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างชาวต่างชาติกับคนไทย เปิดให้เรียนฟรี คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2565ประการที่ 4 ด้านสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจและการทำสมาธิ โดยนำเสนอคำสอนในศาสนาและความเชื่อที่คนไทยศรัทธายึดเหนี่ยว เริ่มจากศาสนาพุทธ ที่คนไทยร้อยละ 90 นับถือ ซึ่งจะมีการบรรจุข้อมูลเป็นองค์ประกอบสำคัญ หลักธรรมคำสอน ที่นำมาตีความและประยุกต์ใช้ให้เข้ากับปัจจุบัน เพื่อช่วยในการแก้ปัญหา เช่นเรื่องเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า นอกจากนี้จะมีการแนะนำเรื่องการทำสมาธิ โดยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารทั้งหมด
ธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศกระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อการทูตสาธารณะที่ผูกสัมพันธ์ไปยังประชาชนชาวต่างชาติ เพื่อก่อให้เกิดความรู้จัก ความเข้าใจ ความนิยม ที่ยุคนี้เรารู้จักกันในความหมายของ “แฟนคลับ” (Fan Club) เพื่อก่อให้เกิดความชื่นชอบในความเป็นไทย ท่ามกลางการสื่อสารข้อมูลในยุคที่ไร้พรมแดน จึงต้องมีการปรับใช้เครื่องมือดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ และให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายในทุกระดับในยุคปัจจุบัน จึงก่อให้เกิดผู้มีบทบาทด้านการต่างประเทศมากมายซึ่งจะไม่ได้จำกัดเฉพาะบุคลากรภาครัฐเท่านั้น การดำเนินงานด้านการต่างประเทศจึงมีความหลากหลายเป็นที่มาของโครงการรางวัลการทูตสาธารณะ ที่กระทรวงการต่างประเทศและมูลนิธิไทยจะมอบรางวัลการทูตสาธารณะ ประจำปี 2565 (Public Diplomacy Award 2022) จำนวน 1 รางวัล ให้แก่บุคคล กลุ่มบุคคลทั่วไปหรือองค์กร ที่ได้ไปดำเนินกิจกรรมในเชิงการทูตสาธารณะในต่างประเทศ
สำหรับรางวัลการทูตสาธารณะจะมอบให้แก่บุคคล หรือกลุ่มบุคคลทั่วไป หรือกลุ่มองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร ซึ่งมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทย นำเสนอในแง่มุมต่างๆ ทั้งในด้านสาธารณะ มนุษยธรรม การสาธารณสุขด้านวัฒนธรรม นวัตกรรม กีฬา เป็นต้น โดยเป็นผู้ที่มีการสร้างการรับรู้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทยและประเด็นสาธารณะที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีโลก รวมทั้งเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของผู้ได้รับรางวัล ให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับบุคคลหรือองค์กรอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้โครงการดังกล่าวจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนทั่วไปในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนงานการทูตสาธารณะ และเพื่อสร้างการรับรู้ต่อบทบาทของมูลนิธิไทยในการทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายทูตสาธารณะของไทยอีกทางหนึ่งด้วย ผู้ที่ได้รับคัดเลือกว่าเหมาะสมกับรางวัล “การทูตสาธารณะ” คนแรกของประเทศไทย จะได้รับเงินรางวัล, ประกาศนียบัตรเกียรติคุณและการแต่งตั้งให้เป็น“Goodwill Ambassador forPublic Diplomacy” เป็นเวลา 1 ปี, ถ้วยรางวัล (Trophy) ที่มีการจารึกชื่อผู้ได้รับรางวัล และยังได้รับการจารึกชื่อผู้ได้รับรางวัล ณ กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา โดยจะประกาศผลผู้ที่ได้รับรางวัลในเดือนตุลาคม 2565
ทั้งนี้ ธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การทูตสาธารณะถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงต่างประเทศ ที่มีเป้าหมายในการเสริมสร้างเกียรติภูมิและบทบาทของไทยในประชาคมโลก
ทางด้าน ธฤต จรุงวัฒน์ เลขาธิการมูลนิธิไทย กล่าวว่า การทูตสาธารณะ (Public Diplomacy) เป็นการดำเนินการเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีไปยังประชาชนในต่างประเทศโดยเฉพาะ เพื่อให้เขามีความเข้าใจประเทศไทย คนไทยและความเป็นไทยดีขึ้น เกิดเป็นความนิยม ชื่นชม หรือเรียกว่าการสร้าง “แฟนคลับ” ให้กับประเทศไทย คนไทย และความเป็นไทยนั่นเอง
นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่กระทรวงการต่างประเทศและมูลนิธิไทย ตั้งใจจัดทำขึ้น เพื่อเชิดชูเกียรติให้กับบุคคลหรือองค์กรที่ดำเนินกิจกรรมสร้างสรรค์ความเป็นไทยโดยไม่หวังผลประโยชน์ ทำให้ประเทศไทยเป็นที่นิยม สร้างความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงที่ดีสู่สายตาของนานาประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นต้นแบบ สร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนทั่วไปสนใจเกี่ยวกับการทูตสาธารณะและสร้างสรรค์กิจกรรมการทูตสาธารณะต่อไปในอนาคต สามารถดูรายละเอียดคุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมหรือเข้าข่ายการรับรางวัลวิธีการเสนอชื่อผู้รับรางวัลและรายละเอียดอื่นๆ ได้ที่ www.thailandfoundation.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิไทย 02-2035000 ต่อ 11031 ในเวลาราชการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี