สำนักข่าวอัล จาซีรา รายงานว่าความขัดแย้งทางทหารระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้ยุโรปดูจะให้ความสำคัญเรื่องของนโยบายความเป็นกลางน้อยลงเรื่อยๆ จากความวิตกกังวลเรื่องความมั่นคงและภัยคุกคามจากรัสเซีย จนถึงกับทำให้สวีเดนและฟินแลนด์ สองชาติที่ยึดมั่นเป็นกลางด้านนโยบายความมั่นคง ประกาศเข้าร่วมภาคีองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ขณะที่ชาติที่ดำรงความเป็นกลางสุดๆ ของยุโรปอย่างสวิตเซอร์แลนด์ ก็ขยับเข้าใกล้การเป็นสมาชิกนาโตมากขึ้น
แต่ออสเตรีย ดูเหมือนจะเป็นชาติเดียวของยุโรปในตอนนี้ ที่ยังรักษานโยบายเป็นกลางอย่างมั่นคงเหนียวแน่น แต่ในฐานะชาติสมาชิกอียู ซึ่งเป็นพันธมิตรกับนาโตในหลายมิติ ก็ทำให้ออสเตรียมีนโยบายด้านความมั่นคงที่ผูกติดกับอียูด้วย
ผู้สันทัดกรณีบางส่วน มองว่าออสเตรียได้ประโยชน์เรื่องความมั่นคงของประเทศอยู่แล้ว โดยไม่ต้องลงทุนเป็นสมาชิกนาโต และถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน จะผ่านมาแล้วเกือบ 6 เดือนแต่ก็ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องที่ออสเตรียจะพิจารณาเข้าเป็นสมาชิกนาโตอย่างจริงจังเลย
กว่าร้อยละ 80 ของชาวออสเตรีย ยังอยากที่อยู่นอกวงสมาชิกนาโต เช่นเดียวกับบรรดานักการเมืองทั้งฟากรัฐบาลและฝ่ายค้าน ก็ยึดมั่นนโยบายรักษาความเป็นกลางอย่างแข็งขันหนักแน่นโดยนายกรัฐมนตรี คาร์ล เนแฮมเมอร์เคยทวีตข้อความเมื่อเดือนมีนาคม ว่า อย่าแม้แต่จะคิดหากจะหยิบยกเรื่องความเป็นกลางของออสเตรียมาพูดคุย
โวล์ฟกัง พุสซ์ไต อดีตผู้ช่วยทูตด้านความมั่นคงของออสเตรียเผยกับอัล จาซีรา ว่า จากที่เคยสัมผัสประสบการณ์เลวร้ายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายใต้กองทัพนาซี ทำให้แนวคิดเรื่องความเป็นกลางหยั่งรากฝังลึกในจิตใจของผู้คนชาวออสเตรีย นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 ความเป็นกลางดูจะผูกติดกับเสรีภาพของชาวออสเตรียไปแล้ว โดยเกิดขึ้นหลังจากออสเตรียถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นเขตหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามด้วยสหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหภาพโซเวียต ลงนามในข้อตกลงรัฐออสเตรีย ที่บังคับให้ออสเตรียต้องประกาศสถานะเป็นกลาง และวางตัวเป็นรัฐกันชนระหว่างยุโรปตะวันออกและตะวันตก
คริสตอฟ ชวาร์ซ นักวิจัยแห่งสถาบันออสเตรียเพื่อยุโรปและนโยบายความมั่นคง กล่าวว่าชาวออสเตรียมองว่าความเป็นกลางมีผลต่อเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของประเทศ ที่ออสเตรียได้รับมาตลอด 60-70 ปีหลัง นโยบายนี้นอกจากทำให้ประเทศไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณด้านความมั่นคงหรือป้องกันประเทศมากเกินไปแล้ว ยังทำให้ออสเตรียเจริญรุ่งเรือง เพราะสามารถเข้าถึงการค้าขายและเทคโนโลยีของยุโรปตะวันตก พร้อมไปกับการค้าขายกับอดีตสหภาพโซเวียด และรัสเซียในเวลาต่อมาได้ในเวลาเดียวกัน รวมถึงการพึ่งพาด้านพลังงานจากรัสเซีย ที่ยังดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน
ชวาร์ซบอกด้วยว่า เพราะนโยบายวางตัวเป็นกลางตั้งแต่ช่วงสงครามเย็นและหลังสงครามเย็นสิ้นสุดลง ช่วยให้ออสเตรียยกระดับประเทศ กลายเป็นเวทีเจรจาระหว่างประเทศ เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกกับตะวันออก โดย กรุงเวียนนาได้กลายเป็นที่ตั้งขององค์กรชั้นนำระหว่างประเทศจำนวนมาก ทั้งองค์กรพลังงานปรมาณูสากล หรือ IAEA องค์การความมั่นคงและความร่วมมือยุโรป หรือ OSCE และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบ หรือโอเปก
ชาวออสเตรียส่วนใหญ่เชื่อว่าการวางตัวให้ออสเตรียเป็นเวทีทางการทูต และกันชนระหว่างมหาอำนาจยุโรปตะวันตกและตะวันออก ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าถูกคุกคาม แถมยังช่วยเสริมด้านความมั่นคงปลอดภัยในประเทศด้วย
เมื่อเดือนเมษายน นายกรัฐมนตรีเนแฮมเมอร์ยังกลายเป็นผู้นำชาติตะวันตกคนแรกที่พบหารือกับประธานาธิบดีปูติน นับตั้งแต่รัสเซียทำสงครามบุกยูเครน หลักๆ คือเพื่อหวังตอกย้ำภาพลักษณ์ของออสเตรียว่าเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง แต่ เบนจามิน ชมิตต์นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มองว่านโยบายเป็นกลางกำลังทำให้ออสเตรียวางตัวลำบากมากขึ้น และไม่ได้ช่วยให้ความขัดแย้งคลี่คลายลง
เจ้าหน้าที่ออสเตรียยืนยันว่า การวางตัวเป็นกลางของออสเตรีย ไม่ได้หมายถึงการนั่งดูความขัดแย้งอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร ออสเตรียทั้งเจรจากับปูติน ทั้งช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจกับยูเครน เพียงแต่ไม่ได้ช่วยเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์เท่านั้น อีกทั้งออสเตรียก็ยังร่วมลงมติเห็นด้วยกับที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่ประณามรัสเซียที่ทำสงครามบุกยูเครนด้วย
ขณะเดียวกัน นอกจากลดความสัมพันธ์ด้านการทูต เศรษฐกิจและการค้ากับรัสเซียแล้ว ออสเตรียยังต้องลดการพึ่งพาด้านพลังงานจากรัสเซียตามแนวทางของอียู ปัจจุบัน ออสเตรียลดการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียลงเหลือร้อยละ 50 จากเดิมร้อยละ 80ชี้ให้เห็นว่า การที่ต้องร่วมในนโยบายของอียู กำลังทำให้ออสเตรียทั้งเสียผลประโยชน์ และเสียหายในแง่ของการวางตัวเป็นกลาง และการเป็นเวทีเจรจาคลี่คลายความขัดแย้ง เพราะในตอนนี้ รัสเซียไม่มีทางมองออสเตรียว่าเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยแน่นอน อย่างน้อยก็ในรัฐบาลชุดนี้
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี