พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ จัดกิจกรรมพิเศษเฉลิมพระเกียรติ “พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันละครและภาพยนตร์แนวย้อนยุคของไทย มีบทบาทอย่างมากในการส่งเสริมให้คนไทยหันมาสนใจประวัติความเป็นมาของผ้าไทย เบื้องหลังลวดลายอันประณีตอ่อนช้อย และวัฒนธรรมการแต่งกายในยุคสมัยต่างๆ ตลอดจนวัฒนธรรมการแต่งกายของไทยที่มีความผูกพันกับอินเดียมาตั้งแต่สมัยอยุธยา พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ และสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย จึงได้จัดกิจกรรมพิเศษเดือนสิงหาคมในชื่อ “Weaving Relations: A Shared Heritage of Indian & Thai Textile Culture” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม พ.ศ.2565 และเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินเดีย
ภายในงานได้รับเกียรติจากนางสุจิตรา ดูไร ฯพณฯ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย และท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์ รองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงกล่าวเปิดงาน พร้อมบอกเล่าถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและอินเดียที่มีมาช้านาน ก่อนจะเริ่มต้นงานด้วยการร่ายรำอันมีเสน่ห์ของชาวอินเดียในชื่อ “Odissi Dance” โดยศูนย์วัฒนธรรมอินเดียประจำประเทศไทย และการแสดงโขนพิเศษตอน “ยกรบ” อีกทั้งช่วงท้ายของการแสดงยังได้นำศิลปะการร่ายรำของชาวอินเดียมาสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับการแสดงโขนของไทยได้อย่างติดตราตรึงใจ
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของการบรรยายพิเศษในหัวข้อ“ผ้าอินเดียกับอิทธิพลต่อการแต่งกายในราชสำนักสยาม” โดย อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย และ ผศ.ดร.อนุชาทีรคานนท์ คณบดีคณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบการแต่งกายของชาวไทยและชาวอินเดียที่มีวัฒนธรรมการนุ่งห่มมายาวนาน โดยเฉพาะราชสำนักไทยในอดีตที่มีการรับธรรมเนียมการแต่งกายของชาวอินเดียและนำผ้าประเภทต่างๆของอินเดียมาประยุกต์ใช้อย่างมีเอกลักษณ์และเปี่ยมด้วยเสน่ห์ทางวัฒนธรรม ผ่านการให้ลวดลายอันประณีตอ่อนช้อยตามแบบฉบับของไทย
ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ คณบดีคณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เล่าเรื่องสืบย้อนกลับไปตั้งแต่สมัย 2,500 ปีก่อนคริสตกาล การค้นพบชิ้นส่วนเสื้อผ้าจากอารยธรรมเก่าแก่แห่งลุ่มน้ำสินธุ และหลักฐานการแต่งกายของชาวอินเดียที่พบบนรูปปั้นพระแม่ธรณีดินเผาหรือ “Mother Goddess” อายุเก่าแก่กว่า 200-300 ปีก่อนคริสตกาล ตลอดจนประติมากรรมหินแกะสลัก ภาพวาดภายในถ้ำ วัดวาอาราม และอนุสาวรีย์ต่างๆ ที่บ่งบอกถึงการแต่งกายด้วยเครื่องนุ่งห่มพันรอบร่างกายของชาวอินเดียโบราณตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน วัฒนธรรมสิ่งทอของอินเดียได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก โดยผ้าฝ้ายที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลือในปัจจุบันมีอายุประมาณ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล เช่นเดียวกับการย้อมผ้าที่มีอายุเก่าแก่กว่า 2,500 ปีก่อนคริสตกาล สิ่งทอของอินเดียมีเสน่ห์เฉพาะตัวทั้งในเรื่องของลวดลาย เทคนิคการทอผ้า และสีสันที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งในสมัยกรีกโบราณ โรมัน และบาบิโลน ผ้าฝ้ายจากอินเดียได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในราชสำนักและชนชั้นสูงส่งผลให้เกิดระบบการค้าโลกจากการส่งออกผ้าอินเดียไปยังดินแดนต่างๆ ตลอดจนการแต่งกายของหลายวัฒนธรรมทั่วโลกที่ได้รับอิทธิพลจากผ้าอินเดีย ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ยังได้นำเสนอวัฒนธรรมการแต่งกายที่มีเสน่ห์ของชาวอินเดียในแต่ละภูมิภาค ผ่านเทคนิคการทอผ้าและลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สยามก็เป็นดินแดนที่ได้รับอิทธิพลจากผ้าอินเดียมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ในเรื่องนี้ อาจารย์วีรธรรมตระกูลเงินไทย เล่าว่า ในอดีตราชสำนักสยามสั่งทอผ้าเยียรบับผ้าเข้มขาบ และผ้าอัตลัด จากพ่อค้าชาวอินเดียที่เดินทางมาค้าขายกับสยาม ซึ่งผ้าชนิดดังกล่าวมีขั้นตอนการทอที่ซับซ้อน แตกต่างจากกรรมวิธีการทอภายในประเทศผ้าเหล่านี้มักนิยมใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญและใช้งานภายในราชสำนักสยาม สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และขุนนาง นอกจากการสั่งทอผ้าแล้ว ราชสำนักสยามยังสั่งซื้ออุปกรณ์ทอผ้าต่างๆ จากประเทศอินเดียอีกด้วย ส่วน “ผ้าลายอย่าง” เป็นผ้าที่ช่างเขียนผ้าจากอินเดียรับแบบตามลายที่ราชสำนักสยามสั่งจึงมีกระบวนลายตามแบบสยาม เพราะลวดลายที่อยู่บนผ้านั้นทางราชสำนักสยามเป็นผู้ออกแบบ
อีกหนึ่งไฮไลท์ของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้คือ “วัฒนธรรมการแต่งกายของชาวอินเดียในแต่ละภูมิภาค” ที่ทั้งหาชมยากและเปี่ยมด้วยความสวยงามของลวดลาย สีสัน รวมถึงเทคนิคการทอผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละท้องถิ่น และ “การแต่งกายของราชสำนักไทยในแต่ละยุคสมัย และชุดไทยพระราชนิยม 8 แบบ” ที่สะท้อนความงดงามและฝีมืออันประณีตอ่อนช้อยในแบบของชาวสยาม รวมถึงสาธิตการนุ่งห่มส่าหรีของชาวอินเดีย โดยศูนย์วัฒนธรรมอินเดียประจำประเทศไทย และสาธิตการนุ่ง-ห่มผ้าแบบไทย โดย อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้การนุ่ง-ห่มของทั้งสองวัฒนธรรม ที่มีความคล้ายคลึงกันด้วยอิทธิพลทางการแต่งกายที่ถ่ายทอดกันมาช้านาน
ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ จัดแสดง “นิทรรศการผ้าบาติกในพระปิยมหาราช : สายสัมพันธ์สยามและชวา” ถ่ายทอดเรื่องราวการเสด็จฯทรงเยือนชวาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5สามครั้ง และจัดแสดงผ้าบาติกสะสมที่สวยงามจากเมืองต่างๆบนเกาะชวา ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.02-2259420 และเข้าร่วมชมนิทรรศการ ณ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯในพระบรมมหาราชวัง เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 09.00-16.00 น.ปิดจำหน่ายบัตรเวลา 15.30 น.หรือที่เว็บไซต์ http://www.qsmtthailand.org/
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี