คงไม่มีสาวๆ คนไหนที่จะอยากให้ใบหน้าของตัวเองนั้นดูใหญ่ ดูบาน หรอกจริงมั้ย โดยเฉพาะเวลา จะถ่ายรูปเซลฟี่กับเพื่อนๆแต่ละที ต้องหามุมแล้วหามุมอีก แถมถ้าได้รูปออกมาไม่ถูกใจก็ยังต้องเพิ่งแอปบีบหน้า จนโดนทักว่าตัวจริงกรับในรูปไม่เหมือนกัน แต่อย่าเพิ่งเสียความมั่นใจไปค่ะ เพราะการฉีดโบท็อกลดกราม สามารถช่วยลดกล้ามเนื้อกลามทำให้ใบหน้าของสาวๆดูเรียวเล็กลงได้ ไม่ว่าจะมุมไหนก็เหมือนในรูปแน่นอน

โบท็อกลดกรามคืออะไร

ใช้สารที่สกัดจากแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะ (Clostridium botulinum) หรือชื่อทางการค้า คือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ( Botulinum toxin type A)ซึ่งเป็นสารที่มีออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ฉีดไปยังกล้าเนื้อกลามที่มีชื่อว่า Masseter เพื่อให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลง หดตัวไม่ได้ และ อยู่ในสภาพคลายตัวในที่สุด จึงเป็นสาเหตุทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นอย่างชัดเจน

โบท็อกลดกรามช่วยอะไรบ้าง

การฉีดโบท็อกลดกราม เป็นหัตถการแรก ๆ ที่ได้รับความนิยมใช้ในการปรับรูปหน้า เนื่องจากตัว Botox ช่วยให้กรามมีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด หลังการฉีด 7-14 วัน รูปหน้าจะเล็กลง หน้าเรียวขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล มีความปลอดภัยสูง และเป็นหัตถการที่คุณหมอแนะนำ

โบท็อกลดกรามเหมาะกับใคร

เหมาะกับทุกคนที่ต้องการให้ใบหน้าเรียวลงอย่างเป็นธรรมชาติ และต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว ในราคาจับต้องได้ ใช้เวลาไม่นานในการฉีดและไม่ต้องพักฟื้นหลังการฉีด

ฉีดโบท็อกลดกรามต้องใช้กี่ unit ให้ผลลัพธ์ดี หน้าไม่ตอบ

ได้ปกติแล้วการฉีดโบท็อกกรามคุณหมอจะแนะนำให้ฉีดไม่เกินข้างละ 30 unit (ขึ้นอยู่กับขนาดกล้ามเนื้อกรามของแต่ละบุคคล) ตามการพิจารณาของแพทย์สามารถมาฉีดเติมได้เรื่อยๆ เพื่อดูผลลัพธ์ ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกปริมาณมากๆในครั้งเดียว เพราะหาก Botulinum toxin มากเกินไปทำให้กล้ามเนื้อฝ่อเล็กลงมากเกินความพอดี จนแก้มดูตอบใบหน้าไม่สดใส ดูโทรมได้

หลังโบท็อกลดกรามทำไมหน้าแข็งยิ้มไม่สุด

ปกติแล้วหากฉีดโบท็อกกรามกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในปริมาณที่เหมาะสม จะแสดงสีหน้าได้อย่างธรรมชาติทันทีหลังการฉีด แต่หากมีปัญหายิ้มไม่ได้ ยิ้มตึง อาจเกิดจากสาเหตุดังนี้

1. เกิดจากการใช้ปริมาณโบท็อกมากเกินไป จึงทำให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ หน้าจึงดูแข็งยิ้มได้ไม่

2. เกิดจากการฉีดโบท็อกผิดตำแหน่ง โบท็อกไปโดนมัดกล้ามเนื้อ ไรซอเรียส (Risorius) และ ไซโกมาติก (Zygomatic) ที่อยู่บริเวณมุมปากจึงทำให้ไม่สามารถยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติได้

ทำไมฉีด Botulinum Toxin A แล้วไม่เห็นผล

เนื่องจากสาร Botulinum toxin เป็นโปรตีนอย่างหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีการฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะทำให้เกิดการ กระตุ้นให้สร้าง Anti-Body หรือภูมิคุ้มกัน เพื่อต่อต้านสารโปรตีนดังกล่าว หากมีการฉีดบ่อยเกินความจำเป็น หรือ การใช้ตัวยาที่เป็นของปลอม เป็นก็อาจจะทำให้เกิดการดื้อโบท็อก หรือ ฉีดโบท็อกแล้วไม่ได้ผลนั่นเอง

อาการดื้อโบท็อกเป็นอย่างไร

-  หลังการฉีดโบท็อกแล้วจะมีระยะการเห็นผลที่สั้นลง เช่น ปกติผลที่ได้อยู่อยู่นาน 6-8เดือน แต่จะลดลงมาเป็นอยู่ได้เพียง 4-6 เดือน และลดลงมาเรื่อยๆ

-  ต้องใช้ปริมาณโบท็อกเพิ่มมากขึ้น เพื่อการเห็นผลลัพธ์ที่เท่าเดิม

-  ฉีดโบท็อกไปแล้วไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้ว่าจะเป็นตัวยาของแท้ก็ตาม

ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนฉีดโบท็อกลดกราม

เพื่อลดการเกิดรอยช้ำหลังฉีดโบท็อก แนะนำให้งดใช้ยาและวิตามินบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Brufen,Motrin  Naproxen น้ำมันปลา วิตามินอี จิงโกะ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ รวมถึงหากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องทานเป็นประจำควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก

หลังฉีดโบท็อกบริการกรามแนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่ง หรือ ให้บริเวณกรามมีการขยับบ่อยๆเพื่อให้ยาเกิดการกระจายตัวได้ดีขึ้นและไม่กดบริเวณที่ฉีดโบท็อกเพราะจะทำให้ตัวยากระจายตัวไม่สม่ำเสมอ บริเวณกรามที่ฉีดโบท็อกอาจมีรอยนูนเข็มเกิดขึ้นได้ โดยรอยจะหายไปเองโดยไม่ต้องนวดหรือกดใดๆ ให้รออย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงหลังการฉีด ผิวจะเรียบเสมอกัน

อยากให้ผลลัพธ์หน้าเรียว กรอบหน้าชัด สามารถทำอะไรได้อีกนอกจากโบท็อก

สำหรับใบหน้าที่มีกล้ามเนื้อกรามเยอะ การฉีดโบท็อกจะช่วยให้กรอบหน้าเรียวลง เพราะโบท็อกเข้าไปทำงานโดยตรงกับกล้ามเนื้อกราม แต่การจะปรับรูปหน้าให้เรียวลง จำเป็นต้องพิจารณาไขมันหน้า สัดส่วนคางร่วมด้วย ทั้งนี้อาจมีการฉีดเมโสแฟต ฟิลเลอร์คาง ร่วมด้วยเพื่อให้กรอบหน้าเรียวชัดเจน สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าได้ก่อนตัดสินใจ

รีวิวโบท็อกลดกราม หลังฉีดเห็นผลลัพธ์ได้เลย

ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปขึ้นกับปริมาณตัวยาที่ใช้และความต่อเนื่องในการฉีด จำเป็นต้องฉีดต่อเนื่องเพื่อคงสภาพผลลัพธ์โดยเว้นระยะห่างตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ