มณฑ์สุชาติ หอมระรื่น

หลายคนจะคุ้นชินกับงานศิลปหัตถกรรมไทยที่ทำมาจากทองเหลือง ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป เครื่องดนตรีไทย เหรียญ เครื่องประดับจากทองเหลือง ซึ่งการนำทองเหลืองมาเป็นวัสดุหลักในการขึ้นรูปชิ้นงาน ถือเป็นการนำคุณสมบัติอันโดดเด่นของทองเหลืองที่ขึ้นชื่อในด้านความแวววาวมารังสรรค์งานได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับที่ วิเศษศิลป์ (บัวทองเหลืองอยุธยา) ที่ได้ริเริ่มผลิตของประดับตกแต่งบ้าน ด้วยแนวคิดอนุรักษ์ความเป็นไทยเมื่อ 2562 จนเกิดเป็น บัวทองเหลืองที่สวยงามจับใจ

มณฑ์สุชาติ หอมระรื่น หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งวิเศษศิลป์ (บัวทองเหลืองอยุธยา) และเป็นสมาชิก sacit ของสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) เผยถึงแรงบันดาลใจในการทำบัวทองเหลืองว่าแรกเริ่มมาจากพื้นฐานเดิมของสามีที่เป็นช่างเครื่องประดับชำนาญงานมานานกว่า 30 ปี เลยคิดอยากจะทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมทั่วไป โดยยึดหลักคิดที่ว่าคนไทยชอบอนุรักษ์ความเป็นไทย ก็เลยมาลงตัวที่ดอกบัวและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ 3 ปีแล้ว ซึ่งการออกแบบในช่วงแรกๆ ได้ออกแบบให้เป็นแท่นบูชาองค์พระ จนปัจจุบันได้พัฒนาเป็นรูปแบบอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น ตุ๊กตา ปลา ใบโพธิ์ นับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชิ้นงานและนำเสนอความเป็นไทยจากดอกบัวมาเป็นงานศิลปหัตถกรรมไทยชั้นเยี่ยม

มณฑ์สุชาติ ยังบอกอีกว่าการสร้างสรรค์งานทองเหลืองนั้น เป็นการขึ้นรูปด้วยวิธีตีมือทั้งหมด ตั้งแต่งานขนาดเล็กไปจนถึงงานชิ้นใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก ต้องอาศัยความชำนาญของช่างถึงจะได้ชิ้นงานที่มีรูปทรงที่พอเหมาะ สวยงาม ชิ้นงานมีความแวววาว และมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น การทำลายเส้นนูนที่กลีบดอกบัว รวมถึงการดัดและการประกอบชิ้นงานก็เป็นส่วนสำคัญที่ต้องใส่ใจ เพื่อให้ชิ้นงานทุกชิ้นมีคุณภาพ และถูกใจลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้ วิเศษศิลป์ (บัวทองเหลืองอยุธยา) ยังได้ช่วยกระจายงาน กระจายรายได้และสร้างงาน สร้างอาชีพสู่ชุมชนอีกด้วย

จากความไม่คุ้นเคยในวงการงานคราฟต์ หรืองานศิลปหัตถกรรมไทย มาจนถึงตอนนี้ มณฑ์สุชาติ บอกด้วยใบ หน้าเปื้อนยิ้มว่า ภาคภูมิใจมากที่ได้เป็นสมาชิกของ sacit จากเมื่อก่อนที่เป็นเพียงช่างฝีมือธรรมดาๆ ผลิตงานบัวทองเหลืองทั่วไป จนกระทั่งได้มีโอกาสไปร่วมงานที่ทาง sacit จัดขึ้นได้เห็นมุมมองของการพัฒนางานศิลปหัตถกรรมไทยใหม่ๆ ได้ทดลองตลาด เรียนรู้ความต้องการของผู้ซื้อมากขึ้น ทำให้ทุกวันนี้ วิเศษศิลป์ (บัวทองเหลืองอยุธยา) มีการปรับตัวและพัฒนาชิ้นงานได้ดียิ่งขึ้น มองเห็นช่องทางการเพิ่มมูลค่าให้กับชิ้นงาน และทุกๆ ปี ถ้าได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมที่ทาง sacit จัดขึ้น ก็จะพัฒนารูปแบบให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น อาทิ เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้านแบบใหม่ๆ และในอนาคตก็จะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ยังคงพัฒนาต่อไปอีกเรื่อยๆ เพื่อรองรับกระแสความต้องการของลูกค้าที่ขยายฐานจากเดิมเพิ่มขึ้น และนับเป็นอีกมิติใหม่ของงานทองเหลืองที่พัฒนาให้กลายมาเป็นงานศิลปหัตถกรรมไทยที่ทรงคุณค่าในปัจจุบัน