ด้วยเหตุที่พุทธศาสนาลังกาวงศ์เดินทางเข้ามาเผยแพร่มายังสุวรรณภูมินั้น พุทธศาสนาจากอินเดียก็เดินทางเข้ามาทางตอนเหนือถึงอาณาจักรล้านนา ด้วยเหตุนี้อาณาจักรล้านนาจึงรับเอาอิทธิพลศิลปกรรมจากอินเดียไว้ด้วย โดยการสร้างมหาวิหารแบบเจดีย์พุทธคยาขึ้นแตกต่างจากเจดีย์ทรงลังกา อาทิตย์นี้ขอตามรอยมาที่วัดโพธารามหรือวัดเจดีย์เจ็ดยอด ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
วัดนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ.1998 สมัย พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์องค์ที่ 11 แห่งราชวงศ์เม็งราย การสร้างนั้นได้ก่ออาคารมหาวิหารด้วยศิลาแลงประดับลวดลายปูนปั้นชุมนุมเทวดาตามแบบเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย
พระเจ้าติโลกราชเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสามฝั่งแกน กษัตริย์องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์เม็งราย ทรงประสูติ พ.ศ.1959 ทรงครองราชย์เป็นกษัตริย์ ในพ.ศ.1984 เมื่อพระชนม์ได้ 25 พรรษา นับเป็นกษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์เม็งราย พระองค์ทรงเป็นพุทธศาสนูปถัมภก ที่มีพระราชศรัทธาการทำบุญและบำรุงพุทธศาสนาอยู่ตลอดเวลา ขณะนั้นพุทธศาสนาลังกาวงศ์กำลังเจริญรุ่งเรืองอยู่ในเชียงใหม่ ด้วยมีพระเถระชาวเชียงใหม่ผู้มีภูมิความรู้ในพระไตรปิฎกและมีชื่อเสียงหลายรูป เช่น พระมหาญาณคัมภีร์ มหาเมธังกร พระศีลสังวะ ต่างนำพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์เข้ามาประดิษฐานและเผยแพร่ในเชียงใหม่ตลอดจนเมืองต่างๆ ในดินแดนล้านนา พระเถระเหล่านี้เมื่อกลับมาจากลังกาแล้วได้มาจำวัดอยู่ที่วัดพระยืน ซึ่งอยู่นอกเมืองหริภุญชัย พระเถระนั้นได้ทำการบวชให้กับกุลบุตรเป็นจำนวนมาก เมื่อพระเจ้าติโลกราชได้ทรงสดับถึงกิตติคุณสีลาจารวัตรของพระเถระเหล่านั้น ได้ทรงศรัทธาเสื่อมใสเป็นอันมาก ถึงกับทรงให้มีพระราชมณเฑียรประทับอยู่ในเมืองเชียงใหม่ ต่อมาทรงโปรดให้นิมนต์คณะพระเถระจากวัดพระยืนนั้นมาจำวัดอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ และโปรดให้สร้างวัดขึ้นอีก เช่น วัดป่าตาล วัดป่าแดงหลวง นอกจากนี้พระเจ้าติโลกราช ยังได้ ทรงอุปถัมภ์พระภิกษุสงฆ์ ทรงปฏิสังขรณ์และสร้างสถูป เจดีย์ เสนาสนะต่างๆ อีกมากมาย
ต่อมาปี พ.ศ.2020 คณะพระเถระ ผู้แตกฉานในพระไตรปิฎกทั่วอาณาจักรล้านนามากกว่า 100 รูป มาร่วมประชุมสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ 8 ของโลก ณ วัดเจดีย์เจ็ดยอด ซึ่งก่อนหน้านี้การสังคายนาพระไตรปิฎกได้กระทำมาแล้ว 7 ครั้งส่วนใหญ่จัดในประเทศอินเดียและศรีลังกา จึงนับว่าเป็นการประชุมสังคายนาที่จัดขึ้นสุวรรณภูมิและอาณาจักรล้านนาเป็นครั้งแรก และมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นการประชุมครั้งนั้นใช้เวลา 1 ปี จึงสำเร็จเรียบร้อย โดยมีพระธรรมทินมหาเถระเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระเจ้าติโลกราชเป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์
ด้วยความสำคัญดังกล่าวนั้น จึงสร้างสัตตมหาสถานสถานที่พระพุทธเจ้าประทัยเสวยวิมุตติสุขแห่งละ 7 วัน ตามแบบพุทธคยาด้วย คือ มหาวิหารโพธิบัลลังก์ อนิมิสเจดีย์ รัตนฆรเจดีย์ รัตนจงกรม ราชายตนเจดีย์ อชปาลนิโครธ และมณฑปสระมุจจลินท์ ปัจจุบันยังเหลือร่องรอยสัตตมหาสถานดังกล่าวอยู่ให้เห็นซึ่งมีภาพปูนปั้นชุมนุมเทวดาอย่างพุทธคยา โดยเฉพาะประเพณีการเคารพนับถือต้นโพธิ์ครั้งนั้นพระเจ้าติโลกราชนั้นได้สดับพระธรรมเทศนาเรื่องอานิสงส์แห่งการปลูกต้นมหาโพธิ์ จากสำนักสงฆ์ลังกาวงศ์ ก็ทรงเสื่อมใสและมีรับสั่งให้พิจารณาหาสถานที่สร้างพระอารามขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ.1998 พระองค์ได้ให้ข้าราชบริพารไปตัดเอากิ่งตอนต้นโพธิ์ จากวัดป่าแดงหลวง ซึ่งเป็นต้นโพธิ์ที่นำมาจากศรีลังกามาปลูกไว้ที่อารามใหม่แห่งนี้ พร้อมกับตั้งชื่อวัดนี้ว่า วัด “โพธาราม” มีความหมายว่า วัดของต้นศรีมหาโพธิ์พร้อมกับนิมนต์พระอุตตมะปัญญามหาเถระมาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ภายหลังวัดโพธารามถูกทิ้งร้างไว้นานจนเมื่อพระเจ้าบรมราชากาวิละ ได้เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ.2339 วัดเจดีย์เจ็ดยอด หรือวัดโพธาราม จึงได้รับการฟื้นฟูให้เป็นวัดสำคัญที่เป็น ภูมิสถานแห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกของโลกครั้งที่ 8
มหาวิหารเจดีย์ประธานของวัดเจดีย์เจ็ดยอด
ฐานโบสถ์เก่าที่เหลืออยู่ของวัดเจดีย์เจ็ดยอด
รัตนฆรเจดีย์ในสัตตมหาสถาน
ภาพปูนปั้้นศิลปะล้านนาที่สร้างประดับมหาวิหาร
มหาวิหารเจดีย์เจ็ดยอดจำลองแบบพุทธคยา
ในอินเดีย
พระเจ้าทันใจ พระประธานในมหาวิหาร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี