มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จัดเสวนาทางวิชาการ “เปิดคุณค่าความงดงามของจักสานไทย” ในงานนิทรรศการ “เพียรสาน...งานศิลป์” โดยมี อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะและวัฒนธรรมไทย และ ดร.ดลยา เทียนทอง รองผู้อำนวยการศูนย์พหุวัฒนธรรมศึกษาและนวัตกรรมทางสังคม สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยร่วมเสวนา โดยมี ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ร่วมงาน ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพมหานครเมื่อวันก่อน
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ถ่ายภาพร่วมกับผู้ร่วมเสวนา อาทิ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ, ดร.ดลยา เทียนทอง
อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะและวัฒนธรรมไทย บรรยายในหัวข้อ ศิลปาชีพในมิติจักสาน : จากงานพื้นบ้านสู่หัตถศิลป์ไทย โดยกล่าวว่า การทำเครื่องจักสานเป็นหัตถกรรมแรกที่มนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์รู้จักและทำใช้ในชีวิตประจำวัน ก่อนที่จะรู้จักทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งมีการพบชิ้นส่วนเครื่องจักสานกับโครงกระดูกมนุษย์ผ่านแหล่งโบราณคดีเมื่อประมาณ 3,000ปีก่อน และปรากฏหลักฐานวัฒนธรรมการทำเครื่องจักสานแพร่หลายในทุกภูมิภาคไทยจะเห็นได้จากภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพระสิงห์จังหวัดเชียงใหม่ เป็นรูปสุภาพสตรีกำลังตักน้ำโดยใช้น้ำทุ่ง ซึ่งเป็นภาชนะจักสานจากไม้ไผ่หรือ ภาพการใช้กระบุง ที่ทางเหนือเรียกกันว่า “บุง หรือ เปี๊ยก” ซึ่งเป็นงานจักสานที่สุภาพสตรีใช้ใส่ข้าว หมาก พลู ไปขายที่ตลาด ภาพถ่ายสุภาพบุรุษชาวอีสานในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่กำลังสะพายกระติ๊บข้าว ภาพถ่ายสุภาพสตรีชาวอีสานที่อยู่ทางริมแม่น้ำโขง ที่ใช้อุปกรณ์ทำประมงจากหวาย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังพบว่า งานจักสานแฝงอยู่ในราชสำนักมาโดยตลอด เห็นได้จากภาพพระโอรส ธิดา ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่มีกระเป๋าย่านลิเภาวางอยู่ในภาพ โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงฟื้นการทำจักสานย่านลิเภา ฟื้นราชประเพณีต่างๆ ในราชสำนักขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีของใช้โบราณที่เป็นย่านลิเภาเป็นจำนวนมากที่พบในตำหนักสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พบในคลังพระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นต้น
สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯทรงเยี่ยมราษฎรจังหวัดนราธิวาสและทรงส่งเสริมอาชีพงานจักสานย่านลิเภาเป็นครั้งแรกเมื่อพ.ศ.2516
“ในปี พ.ศ. 2517 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จทรงงานทุกภูมิภาคและทรงเลือกหาวัสดุที่อยู่ในพื้นเมือง เช่น ทรงงานย่านลิเภา โปรดให้จัดตั้งกลุ่มจักสานย่านลิเภาขึ้นที่จังหวัดนราธิวาส เป็นจังหวัดแรกหลังจากนั้นก็กระจายกันออกไป จากนั้นในปีพ.ศ. 2519 โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกลุ่มสานเสื่อกระจูดที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งชาวบ้านที่นี่เป็นสุภาพสตรีมุสลิมที่มีความสามารถในการจักสาน ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำลายจากหมอนขิดในภาคอีสานมาพัฒนาให้เป็นผืนผ้าที่มีหน้ากว้างเพื่อนำมาตัดเสื้อผ้า ในขณะเดียวกันก็ทรงนำเอาลายขิดมาใช้กับเครื่องจักสาน เช่น การทำกระเป๋า เสื่อ ฯลฯ จะเห็นว่าจากงานจักสานพื้นบ้าน สามารถพัฒนาสู่การจักสานสร้างงานในราชสำนัก และยังสร้างอาชีพสร้างรายได้ทำให้ชาวบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานให้กับคนไทยทั้งประเทศ
ดร.ดลยา เทียนทอง รองผู้อำนวยการศูนย์พหุวัฒนธรรมศึกษาและนวัตกรรมทางสังคม สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายในหัวข้อ “การเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม : มองจักสานผ่านย่านลิเภา โดยกล่าวว่า ในอดีต ย่านลิเภา เป็นวัชพืชที่เกิดขึ้นเองพบมากในจังหวัดนครศรีธรรมราช และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงเห็นคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่นและจุดประกายชีวิตให้ความงดงามแก่จักสานย่านลิเภา จึงก่อให้เกิดเป็นหัตถกรรมพื้นถิ่นที่สามารถสร้างเป็นอาชีพ สร้างรายได้ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2519 ที่ทรงก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯทำให้ความงดงามของจักสานย่านลิเภายิ่งมีความประณีตโดดเด่นและมีชื่อเสียงมากขึ้นเนื่องจากการดำเนินงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่มีโครงสร้างการจัดการที่เป็นระบบและครบวงจร จวบจนถึงปัจจุบันกว่า 5 ทศวรรษ แห่งการก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ สามารถสร้างช่างฝีมือศิลปาชีพจักสานชั้นครู และเพิ่มจำนวนช่างฝีมือศิลปาชีพจักสานย่านลิเภา สร้างรายได้ที่มั่นคงสร้างผลิตภัณฑ์และผลงานอันทรงคุณค่าจนมีชื่อเสียงได้รับการยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ รวมถึงสร้างพื้นที่รับซื้อและแหล่งจำหน่าย ตลอดจนพื้นที่เผยแพร่จัดแสดงให้เกิดขึ้นมากมายหลายรูปแบบ
สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงแนะนำในการเก็บย่านลิเภาและการรักษาป่าเพื่ออนุรักษ์ย่านลิเภา
“จักสานย่านลิเภา นอกจากมีความงดงามที่ปรากฏภายนอกแล้ว ยังพบการปฏิสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ระหว่างวัฒนธรรมกลุ่มต่างๆ ซึ่งเป็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ภายในนั่นคือ ทำให้เกิดการเรียนรู้และสร้างความเข้าใจระหว่างชาวไทยพุทธและมุสลิม ระหว่างคนในเมืองและคนในพื้นที่ชนบท รวมทั้งกลุ่มแนวคิดเชิงอนุรักษ์และกลุ่มแนวคิดสมัยใหม่ ซึ่งทำให้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดและสัมผัสในวิถีวัฒนธรรมของกันและกัน ทั้งยังเปิดพื้นที่สาธารณะให้ชาวต่างชาติเข้ามาชมความงดงามของจักสานย่านลิเภาผ่านการจัดแสดงในโอกาสต่างๆ นอกจากนี้ หลายภาคส่วนในสังคมไทยทั้งภาคท้องถิ่น ภาครัฐองค์การมหาชน และภาคเอกชน มีการตื่นตัวและเกิดกระแสการขับเคลื่อนงานศิลปหัตถกรรมไทย ซึ่งก็รวมถึงงานจักสานย่านลิเภาอย่างกว้างขวาง นับได้ว่างานจักสานย่านลิเภาเป็นพื้นที่หนึ่งที่สะท้อนภาพความเป็นพหุวัฒนธรรม สามารถทำให้ผู้คนในสังคมเกิดการเรียนรู้และเสริมสร้างความเข้าใจในวิถีวัฒนธรรมและภูมิปัญญาพื้นถิ่น เกิดการยอมรับ ยกย่อง ชื่นชม และให้เกียรติทางวัฒนธรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นผลสำคัญจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และการดำเนินงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่เป็นดั่ง “พลังส่องแสงพลังสร้างสรรค์ พลังเสริมส่ง และพลังสืบสาน”อย่างแท้จริง
สำหรับการเสวนาทางวิชาการในงานนิทรรศการ “เพียรสาน...งานศิลป์” ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในหัวข้อ “นำอดีต สู่ปัจจุบัน และก้าวพร้อมกันในอนาคตกับงานจักสานไทย” เสวนาโดย ช่างสาน งานศิลป์ นายมะรอพีแดเนาะ ช่างฝีมือศิลปาชีพจักสานย่านลิเภา, นางพัชรินทร์ บินเจ๊ะมิง ช่างฝีมือศิลปาชีพจักสานกระจูด, นางสาวระเบียบ สุขสุพุฒิ ช่างฝีมือศิลปาชีพจักสานไม้ไผ่ลายขิด ดำเนินรายการ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุชา ทีรคานนท์ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 18 กันยายน 2565 เวลา 14.00-15.30 น. ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถนนราชดำเนินกลาง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.02-2815360-1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี