นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเก่ามิวนิค และชื่นชอบการชมวิวสูงๆ สถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่ต้องเยือนให้ได้ก็คือ St.Peter Tower โบสถ์ที่มีหอคอยสูงที่สุดในมิวนิคนี้มีประวัติย้อนไปถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 ที่มีพระมาอาศัยอยู่ในเทือกเขาที่มีชื่อว่า Peterbergl สิ้นคริสต์ศตวรรษที่ 12จึงมีการสร้างโบสถ์ตามแนวทางศิลปะแบบ Bavarian Romanesque ขึ้นก่อนที่จะมีการขยายขนาดโบสถ์และปรับปรุงให้เป็นไปตามแนวทางศิลปะแบบโกธิค เป็นที่น่าเสียดายว่าหลังปรับปรุงโบสถ์ได้ไม่นาน ในปี 1327 โบสถ์กลับถูกไฟไหม้ และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปี 1368 โบสถ์ได้รับการเพิ่มส่วนของหอคอยความสูง 91 เมตร 2 หอ พร้อมจุดสังเกตการณ์ และนาฬิกาประจำเมืองในปี 1381
หลังจากหอสังเกตการณ์ถูกฟ้าผ่าในปี 1607 Heinrich Schon d. A. สถาปนิกชาวเยอรมันได้ออกแบบหอคอยใหม่ที่มีรูปร่างอย่างที่เห็นในปัจจุบันโดยสร้างเสร็จในปี 1621 ในปี 1630 ซึ่งเข้าสู่ยุคบาโรค ศาสนจักรจึงมีดำริที่จะตกแต่งโบสถ์ใหม่ให้มีสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยขึ้น จึงได้ทำการรื้อถอนส่วนที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค อีก 10 ปีต่อมา ศาสนจักรก็ได้ให้ Heinrich Schon d.J. และ Marx Schienagl สองสถาปนิกชาวมิวนิคออกแบบแท่นบูชาใหม่โดยเลียนแบบแท่นบูชาที่ออกแบบโดย Bernini ณ St.Peter ที่กรุงโรม เลียนแบบ Asamkirche ส่วนบริเวณเวทีประสานเสียงก็ได้รับการออกแบบใหม่โดย IgnazAnton Gunetzrhainer ผู้คุมงานก่อสร้างสำคัญชาวเยอรมัน สำหรับภาพปูนปั้นบริเวณพลับพลาและภาพปูนเปียกรอบหน้าต่างที่แสนวิจิตรพิสดารได้รับการออกแบบและสรรสร้างโดย John Baptist Zimmermann ศิลปินยุคบาโรคชาวมิวนิค
Alter Peter & Christkindlmarkt
ในคริสต์ศตวรรษที่ 19-20 ศาสนจักรได้ดำเนินการปรับปรุงโบสถ์ 3 ครั้ง ครั้งแรกในปี 1844 เรียกว่าการปรับปรุงสีเขียว (green renovation) ครั้งที่สองทำในปี 1882 เรียกว่าการปรับปรุงสีเหลือง (yellow renovation) ครั้งที่สามในปี 1911 เรียกว่าการปรับปรุงสีเทา (grey renovation) หลังการปรับปรุงครั้งที่สามเกิดสงครามโลกขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกโบสถ์อยู่รอดปลอดภัย แต่ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 1945 ซึ่งเป็นช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่สองโบสถ์ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการโจมตีทางอากาศ ถึงกระนั้นก็ตาม ผลงานทางศิลปะหลายชิ้นที่ประดิษฐานอยู่ในนั้นกลับมิได้รับความเสียหายเนื่องจากเทศบาลได้นำงานบางชิ้นไปแอบซ่อนไว้ตั้งแต่เริ่มสงคราม
หลังสงคราม Max Sritter และ Max Zistl บาทหลวงประจำโบสถ์ได้เร่งให้รัฐบาลทำการเร่งปรับปรุงโบสถ์ครั้งใหญ่โดยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากชาวคาทอลิกในสหรัฐฯ ในวันที่ 8 กันยายน 1951 โบสถ์ก็สามารถเฉลิมฉลองความสำเร็จในการซ่อมแซมหอคอย และในวันที่ 27 มิถุนายน 1954 แท่นบูชาใหญ่ที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงก็ได้รับการเฉลิมฉลองภายใต้การนำของคาร์ดินัล Joseph Wendl ส่วนการปรับปรุงภายในภายใต้การอำนวยการของ Rudolf Estererและ Erwin Schleich นั้นกลับใช้เวลายาวนานมาก อย่างไรก็ดีในปี 2000 Hermenegild Peikerก็สามารถปรับปรุงเพดานปูนเปียกได้สำเร็จภายใต้การสนับสนุนของ Herbert Kuglastatterเจ้าคณะสงฆ์พระจำเมืองซึ่งเท่ากับว่าความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่สองได้รับการปรับปรุงจนเรียบร้อย
ไม่เพียง St.Peter จะเป็นโบสถ์ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากความวิจิตรตระการตาของการตกแต่งภายใน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเมือง แต่วิวบนหอคอยที่ระดับ 56 เมตร ยังสามารถเห็นได้ทุกทิศทางของเมืองทั้ง Marianplatz, Church of Our Lady หรือ Frauenkirche จึงทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คู่ควรกับการเยือนของนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี