ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ใส่ใจเรื่องอาหารและคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยให้ “อิ่มท้องมีรสชาติอร่อย” หรือเป็นแหล่งพลังงานเท่านั้นหากแต่ยังต้องเป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากสภาวะความเป็นอยู่ที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลพิษต่างๆ รอบตัว โรคระบาด ตลอดจนถึงภาวะสังคมสูงวัย แนวทางการบริโภคจึงเปลี่ยนมาบริโภคอาหารจากธรรมชาติ พืช ผัก ผลไม้ ลดการบริโภคเนื้อสัตว์หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ฯลฯ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังจะสังเกตได้จากเทศกาล “ถือศีลกินผัก” หรือ “กินเจ” โดยปีนี้จะตรงกับวันที่ 26 กันยายน-4 ตุลาคม ซึ่งคนทั่วไปไม่เว้นแม้กระทั่งหนุ่มสาวยุคใหม่ต่างก็หันมากินเจเพิ่มมากขึ้นทุกปี ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการกินเจจัดว่าดีต่อสุขภาพถ้าประกอบอาหารอย่างถูกวิธีและกินอย่างถูกต้อง ข้อมูลจาก ผศ.ดร.ชนิดา ปโชติการนักกำหนดอาหารวิชาชีพ เปิดเผยว่าการกินเจเป็นการงดเนื้อสัตว์และเครื่องปรุงที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ทุกชนิดและหันมารับประทานพืชผักแทน นอกจากจะไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตแลัวยังช่วยให้กระเพาะของเราได้พักจากการย่อยเนื้อสัตว์
การงดการกินเนื้อสัตว์มีหลายคนกังวลว่าจะขาดสารอาหารโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ผู้ที่กินเจสามารถกินเจอย่างถูกวิธีโดยหันมากินโปรตีนจากถั่วชนิดต่างๆและเห็ดแทน ซึ่งวัตถุดิบดังกล่าวโดยเฉพาะเห็ดมีสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น โปรตีน ใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ โดยเฉพาะธาตุเหล็กและซีลีเนียมซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ ยังมีเห็ดบางชนิดให้ประโยชน์ต่อสุขภาพในการป้องกันและบำบัดโรค จนได้รับการขนานนามว่า เห็ดทางการแพทย์ ได้แก่ เห็ดหอม เห็ดแครงเห็ดปุยฝ้าย เห็ดไมตาเกะ เป็นต้น ด้วยมีสรรพคุณทางยาที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย โดยมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์เกียวกับเห็ดทางการแพทย์ เช่น ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น
การกินพืชผัก ผลไม้ ธัญพืชหลากสี และอาหารจากธรรมชาติซึ่งมีคุณค่าสารอาหารที่แตกต่างกัน หากรู้จักเลือกและผสมผสานวัตถุดิบรวมทั้งใช้เครื่องปรุงในการประกอบอาหารที่เหมาะสมลดหวาน มัน เค็ม ใช้น้ำมันแต่น้อยในการประกอบอาหาร ก็จะทำให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลายและสมดุล ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤกษเคมี สารฟลาโวนอยด์และใยอาหาร ฯลฯ ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานต่างๆ ของร่างกายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ แคโรทีนอยด์ วิตามินซีและอี ช่วยลดอนุมูลอิสระ ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง รวมถึงช่วยชะลอวัย สำหรับผลไม้ที่มีฤทธิ์ของการต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ พรุนบิลเบอร์รี ส่วนวิตามินต่างๆ ที่มีมากในผักผลไม้ ได้แก่ วิตามินบีและซี วิตามินบีที่สำคัญในผัก ผลไม้ คือ โพเลตซึ่งช่วยป้องกันโลหิตจาง ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงสมองเสื่อม วิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในพืช ช่วยลดความเสี่ยงโลหิตจางนอกจากนี้ แร่ธาตุที่มีมากในผักและผลไม้คือ โพแทสเซียม แมกนีเซียมและแคลเซียม ช่วยลดความดันโลหิต แคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูก สารฟลาโวนอยด์มีคุณสมบัติ ช่วยลดการแข็งตัวของเกล็ดเลือด ป้องกันโรคหัวใจ ในผักผลไม้ที่มีสีม่วงหรือน้ำเงินเข้ม เช่นบิลเบอร์รี มีสารแอนโธไซยานิดินส์ซึ่งอยู่ในกลุ่มของสารเฟลโวนอยด์ ช่วยบำรุงสายตาและป้องกันความเสื่อมของตา เป็นต้น
ที่สำคัญการกินผัก ผลไม้ ธัญพืชทุกมื้อช่วยเพิ่มกากใยอาหาร ซึ่งมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกายหลายด้าน เช่น ช่วยป้องกันการเกิดท้องผูก ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคริดสีดวงทวาร ช่วยกำจัดของเสียในลำไส้ ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ฯลฯ อีกทั้งยังทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานขึ้น จึงช่วยควบคุมและลดน้ำหนักได้ดี สำหรับผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูง เช่น คะน้า มะละกอ ส้ม พรุน เป็นต้น
ข้อมูลจาก อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวชนักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา กรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ เปิดเผยว่า มีวิตามินและแร่ธาตุหลายๆ ชนิดที่ชาวกินเจควรจะให้ความสนใจเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ขาดสารอาหารเหล่านี้ ได้แก่ ธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี 2 หรือ ไรโบเฟลวิน วิตามินบี 12 วิตามินดี สังกะสี
ผู้กินเจที่ควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องอาหารคือกลุ่มเด็กทารก เด็กที่กำลังเจริญเติบโต คนท้อง และหญิงให้นมบุตร อาหารที่กินควรจะจัดเมนูให้หลากหลายให้มีพลังงานเพียงพอและไม่ขาดสารอาหารที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรได้รับการเสริมสารอาหารให้เพียงพอเช่นเดียวกับหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้อาหารมังสวิรัติ
อาหารเจถ้ากินให้ถูกวิธีก็สามารถทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนได้ กุญแจของการกินอาหารเจเพื่อสุขภาพ เช่นเดียวกับอาหารอื่นๆที่ไม่ใช่มังสวิรัติ คือการกินอาหารให้หลากหลายจากผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืชและถั่วต่างๆ ในขณะเดียวกันควรจำกัดอาหารที่มีไขมันสูงรวมทั้งอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูง แต่อาหารเจมักจะรับวัฒนธรรมการปรุงแต่งมาจากอาหารจีน ซึ่งมีไขมันสูงได้แม้จะไม่มีคอเลสเตอรอล เพราะอาหารจีนมักจะใช้น้ำมันปริมาณมากในการปรุงอาหาร แม้จะเป็นน้ำมันพืชก็ตาม อาหารประเภททอดหรือผัดชนิดมันมากๆ และมีแป้ง มีกะทิมากก็อาจจะทำให้อ้วนได้เช่นกัน วิธีการปรุงแบบไทยๆ เช่น ประเภทยำ ย่าง นึ่ง แกงส้ม ต้มยำ แกงป่า แกงอ่อม เมื่อนำมาดัดแปลงปรุงอาหารเจก็จะทำให้มีไขมันต่ำและไม่มีคอเลสเตอรอลได้
ผู้กินเจมักจะละเว้นเครื่องดื่มมึนเมาและบุหรี่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมผลจากอาหารเจต่อสุภาพให้ดียิ่งขึ้น และประการสำคัญคือ พยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นจี้กงไท้เก็ก หรือการออกกำลังชนิดอื่นๆที่ชอบ ทำจิตใจให้แจ่มใส อย่าให้เครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สุขภาพที่ดีเยี่ยมจะไม่หนีไปไหน
ช่วงกินเจควรใส่ใจดื่มน้ำให้มากพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะอาหารที่มีกากใยสูงต้องการน้ำในการทำงาน หากดื่มน้ำไม่พออาจทำให้เกิดอาการท้องอืด มีแก๊ส ปวดท้องได้
เพียงเท่านี้เทศกาลกินเจ ถือเป็นโอกาสที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้น ไม่อ้วนลงพุงแถมอิ่มใจอิ่มบุญอีกด้วย
ช่วงเทศกาลกินเจนี้ ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง เลขาธิการ กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ขอเชิญชวนผู้ใจบุญร่วมช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กที่ยากไร้ทั่วประเทศ โดยสามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชี “กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ฯ” SCB สาขาอ่อนนุช เลขที่บัญชี 133-2-08742-3 โทร.02-7183800ต่อ 123 ใบเสร็จนำไปลดหย่อนภาษีได้รายละเอียดที่ http://www.thaichildrencancerfund.org/
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี