วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
วช.ให้ทุนทีมเศรษฐศาสตร์ มช. ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือ

วช.ให้ทุนทีมเศรษฐศาสตร์ มช. ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือ

วันอังคาร ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 12.40 น.
Tag : วช. ทีมเศรษฐศาสตร์ มช.
  •  

วช.ให้ทุนทีมเศรษฐศาสตร์ มช. ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 พบกลุ่มผลิตปศุสัตว์และแปรรูปผลิตภัณฑ์ มีโอกาสรอดสูงกว่ากลุ่มบริการ นอกจากนี้ยังต้องมีความยืดหยุ่นในการผลิตสินค้าและการให้บริการ รวมถึงให้ความสำคัญกับการทำการตลาดออนไลน์ และทำวิจัยร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐและสถาบันการศึกษา


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมต่อประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการทุกกลุ่มสาขาอาชีพ รวมถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในภูมิภาคต่าง ๆ ที่รายได้ลดลงไปจนทำให้หลายกิจการต้องปิดตัวไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือ วช.จึงให้ทุนอุดหนุนการวิจัยและนวัตกรรมประจำปีงบประมาณ 2564 ในโครงการ “วิเคราะห์ความน่าจะเป็นของการอยู่รอดและแนวทางการปรับตัวของวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19” ซึ่งมี รศ.ดร.ภารวี มณีจักร จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นหัวหน้าโครงการ เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อความน่าจะเป็นในการอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รวมถึงถอดบทเรียนของวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว

​ดร.ภารวี มณีจักร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า จากข้อมูลในปี 2563 พบว่าภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนวิสาหกิจชุมชนมากเป็นอันดับที่สองของประเทศ รองจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ไม่ต่างจากวิสาหกิจชุมชนอื่นๆ ในประเทศไทย โดยมีวิสาหกิจชุมชนจำนวนมากที่ต้องหยุดกิจการ แต่ก็ยังมีวิสาหกิจอีกบางส่วนที่สามารถปรับตัวและอยู่รอดภายใต้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้ ทีมวิจัยจึงทำการศึกษาวิเคราะห์เชิงลึก ถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อความอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชน และถอดบทเรียนวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงเสนอแนวทางเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและการพึ่งพาตนเองได้ในช่วงหลังโควิด-19​

​สำหรับผลการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชน ได้มีการเก็บข้อมูลจากวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือ 400 ตัวอย่างใน 9 จังหวัด และนำมาวิเคราะห์ด้วยแบบจำลองที่ใช้ในการวิเคราะห์โอกาสในการอยู่รอด หรือ “COX model” โดยในส่วนของปัจจัยด้านพื้นฐานของวิสาหกิจชุมชนพบว่า วิสาหกิจชุมชนในกลุ่มผลิตปศุสัตว์และแปรรูปผลิตภัณฑ์มีโอกาสที่จะอยู่รอดมากกว่ากิจการให้บริการ เพราะมีความแน่นอนของตลาดและสามารถปรับตัวได้มากกว่าธุรกิจในกลุ่มบริการ อีกทั้งมีสัดส่วนลูกค้าเป็นคนในพื้นที่มากกว่าคนนอกพื้นที่ ส่วนปัจจัยด้านทุนชุมชน พบว่า การจัดการทางการเงินที่ดีจะส่งผลในทางบวกต่อการอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และยังพบว่าแม้บางวิสาหกิจได้เข้าร่วมอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ และมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตและบริหารจัดการ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านอายุที่มากและขาดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ขาดแคลนอุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมถึงการขาดการติดตามผลจากผู้อบรม จะมีผลต่อการอยู่รอดของการดำเนินธุรกิจด้วย สำหรับปัจจัยด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดและการปรับตัวของวิสาหกิจชุมชน ผลการศึกษาพบว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด หากวิสาหกิจชุมชนตัดสินใจเปิดทำการตามปกติ หรือเปิดทำการแต่ลดชั่วโมงการปฏิบัติงานจะทำให้มีโอกาสที่จะอยู่รอดมากขึ้นกว่าการปิดกิจการชั่วคราว นอกจากนี้วิสาหกิจชุมชนที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบในการจำหน่ายมาเป็นแบบออนไลน์จะช่วยทำให้โอกาสในการอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชนเพิ่มขึ้นได้ ส่วนปัจจัยด้านการสนับสนุนจากภาครัฐในช่วงการแพร่ระบาด พบว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชน เช่น โครงการคนละครึ่ง เราชนะ เรารักกัน และโครงการตลาดเกษตรออนไลน์ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการเกษตรสามารถช่วยให้วิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมมีโอกาสที่จะอยู่รอดเพิ่มมากขึ้นกว่าวิสาหกิจชุมชนที่ไม่เข้าร่วมโครงการ

​ดร.ภารวี กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ทีมวิจัยได้มีการถอดบทเรียนวิสาหกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จ 4 แห่งคือ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตน้ำผึ้งดอกลำไย วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปสมุนไพร วิสาหกิจชุมชนผลิตกาแฟ และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มให้บริการที่พักหรือโฮมสเตย์ และนำไปสู่แนวทางการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการพึ่งพาตนเองได้ในช่วงหลังโควิด-19 ซึ่งพบว่า ปัจจัยแห่งความสำเร็จและความอยู่รอดในระยะสั้นคือ ความยืดหยุ่นในการผลิตสินค้าและการให้บริการ เช่น กลุ่มที่ทำการผลิตสมุนไพรก็ได้หันมาผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการในขณะนั้นมากขึ้น เช่น สมุนไพรฟ้าทะลายโจร กระชายขาว และฟ้าทะลายโจรผสมกระชายขาวทั้งในรูปแบบแคปซูลและแบบผง และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อโรคในรูปแบบสเปรย์ ส่วนปัจจัยสู่ความอยู่รอดอย่างยั่งยืน หรือระยะยาวนั้นก็คือ การให้ความสำคัญกับการทำการตลาดออนไลน์ เช่น Shopee Lazada Line-shopping และ Facebook ฯลฯ และมีการทำวิจัยและพัฒนาร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐและสถาบันการศึกษา จากผลการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยสู่ความอยู่รอด และจากการถอดบทเรียน สามารถนำไปถ่ายทอดความรู้ผ่านการอบรมให้กับวิสาหกิจชุมชนที่สนใจ รวมถึงชุมชนที่ไม่ประสบความสำเร็จในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดจนสามารถแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ มีการปรับตัวหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ ซึ่งเป็นการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่มีการแลกเปลี่ยนมุมมอง ความรู้ และมีการบูรณาการความรู้ระหว่างวิสาหกิจชุมชนและสถาบันการศึกษา โดยสถาบันการศึกษาเป็นองค์กรที่มีความรู้ มีเทคโนโลยีที่สมัยใหม่ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนในมิติต่างๆ ขณะเดียวกันนักวิชาการก็สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และองค์ความรู้ท้องถิ่นจากวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นผู้ลงมือปฏิบัติจริง

ผลของการวิจัยนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนชุมชน ให้สามารถพึ่งพาตนเอง ได้ในระยะยาว และยังสามารถต่อยอดงานวิจัยในอนาคตได้ เช่น ระบบการจัดการโลจิสติกส์ มาตรการช่วยเหลือทางด้านการเงินจากธนาคารเฉพาะกิจ ที่ต้องวิเคราะห์หาจุดสมดุลระหว่างการให้ความช่วยเหลือและเสถียรภาพของสถาบันการเงิน ซึ่งผลการศึกษานี้จะนำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน

-(016)

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ จับมือ วช. ผลิตภาพยนตร์เล่าเรื่องคนชายแดนใต้ มุ่งสู่สันติภาพด้วยมุมมองก้าวพ้นตัวตน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ จับมือ วช. ผลิตภาพยนตร์เล่าเรื่องคนชายแดนใต้ มุ่งสู่สันติภาพด้วยมุมมองก้าวพ้นตัวตน
  • วช. ยกย่องผู้คิดค้นองค์ความรู้ใหม่ด้านคลินิกเพื่อรักษาและป้องกันการติดเชื้อ HIV ในเด็กและเยาวชน วช. ยกย่องผู้คิดค้นองค์ความรู้ใหม่ด้านคลินิกเพื่อรักษาและป้องกันการติดเชื้อ HIV ในเด็กและเยาวชน
  •  

Breaking News

ตัวมัมพันธุ์ใหม่!!! ได้ทีกระทืบซ้ำ‘สายสีน้ำเงิน’ สอนมารยาททางการเมือง

'ไพบูลย์'เชื่อมติแพทยสภา เป็นหลักฐานสําคัญ ชี้ชะตา'ทักษิณ' 13 มิ.ย.วันศาลไต่สวน

ลอตแรกครบแล้ว! 'กกต.-DSI'ติดหมายเรียก'สว.พิศูจน์-สว.พิบูลย์อัฑฒ์'

มัลดีฟส์ลุกเป็นไฟ! 'มุก วรนิษฐ์'อวดหุ่นเซ็กซี่ในชุดบิกินี่สดใส

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved