ไม่พ้นจากความคาดหมายของผู้สันทัดกรณีหลายคนเท่าไหร่นัก กับการประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ ลิซ ทรัสส์ หลัง นั่งเก้าอี้ได้แค่ 45 วัน กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายเพราะเธอเผชิญปัญหาที่รุมเร้าอย่างหนัก โดยแรงกดดันสำคัญมาจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า “งบประมาณแผ่นดินฉบับย่อ” มูลค่า 45,000 ล้านปอนด์ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะมีทั้งการลดภาษีและการเพิ่มรายจ่าย โดยไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่า จะนำเงินจากไหนมาสนับสนุน ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ร่วงต่ำเป็นประวัติการณ์ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านพุ่ง ราคาพันธบัตรรัฐบาลทรุดหนัก จนธนาคารกลางต้องเข้าแทรกแซง
จุดเปลี่ยนยังอยู่ที่เธอปลด ควาซี ควาร์เทง รัฐมนตรีคลัง ซึ่งเป็นคนสนิทของทรัสส์ หลังอยู่ในตำแหน่งเพียง 38 วัน และตั้งเจเรมี ฮันต์ ขึ้นมาแทน การเข้ามาของฮันต์พร้อมกับการประกาศล้มแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัสส์ ที่แม้สร้างความยินดีให้นักลงทุน แต่ก็ถือเป็นการฉีกนโยบายเศรษฐกิจของทรัสส์ทิ้งจุดกระแสเรียกร้องมากขึ้นให้เธอลาออก นอกจากนี้ ทรัสส์ยังเจอปัญหารุมเร้าภายในพรรค เมื่อ สส. 40 คนทำตัวเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนโดยเฉพาะการลงมติในสภาเมื่อวันที่ 19 ต.ค. เกี่ยวกับแผนของรัฐบาลที่จะกลับมาอนุญาตให้ใช้เทคนิค “แฟรกกิ้ง”(Fracking) ในการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติหรือน้ำมันจากซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมในชั้นหินดินดาน ซึ่งถูกมองว่า ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมการลงมติครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นเหมือนการลงมติไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล และแม้รัฐบาลชนะด้วยมติ 326 เสียงต่อ 230 เสียง แต่ สส. 40 คน ของพรรคอนุรักษ์นิยมงดออกเสียง
การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของทรัสส์ ยังหมายถึงการลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ที่ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนธันวาคม 2019 นั่นหมายความว่า พรรคจะจัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคใหม่ในสัปดาห์หน้า ผู้ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เป็นกระบวนการเลือกตั้งแบบ fast-track หรือทางลัดซึ่ง กราแฮม บราดี้ เจ้าหน้าที่พรรครัฐบาลที่รับผิดชอบกระบวนการนี้ประกาศว่า ผู้ที่จะเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค จะต้องได้รับคะแนนสนับสนุนมากกว่า 100 คะแนน จากสมาชิกรัฐสภาของพรรค ภายในเวลา 14.00 น. ของวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น หากมีผู้สมัครแค่คนเดียวที่ได้คะแนนสนับสนุนถึง 100 บุคคลนั้นก็จะกลายเป็นหัวหน้าพรรคในทันที แต่ถ้าหลายคนได้คะแนนถึง 100 ก็จะเปิดให้สมาชิกพรรคโหวตทางออนไลน์ ที่จะปิดลงคะแนนในวันศุกร์ 28 ตุลาคมนี้
ตอนนี้ สื่อหลายสำนักก็เริ่มเปิดเผยรายชื่อคนที่จะมาเป็นผู้นำใหม่ของสหราชอาณาจักรกันแล้ว ซึ่งจะเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนที่ 5ในรอบ 6 ปี
ตัวเต็งคนแรกคือ รีชิ ซูนัค คู่แข่งคนสำคัญที่เข้าไปถึงรอบสองคนสุดท้ายพร้อมกับ ทรัสส์ ในการคัดเลือกผู้นำพรรคครั้งก่อน เขาได้รับการสนับสนุนมากที่สุดจาก สส. พรรคอนุรักษ์นิยม ระหว่างการหาเสียง เขาเตือนว่าแผนภาษีของทรัสส์จะทำลายเศรษฐกิจ และทำให้ตลาดเงินปั่นป่วน แต่ข้อความของเขาไม่สามารถดึงดูดสมาชิกพรรคได้ ซึ่งทรัสส์ได้คะแนนไป 81,000 เสียง ส่วน ซูนัค ได้ไป 60,000 เสียง แต่ตอนนี้ทุกคนก็รับรู้ได้ว่า คำเตือนของเขานั้นได้กลายเป็นความจริงแล้ว
ล่าสุด (ตอนเขียนต้นฉบับ) ซูนัคได้เสียงสนับสนุนจาก สส. พรรคอนุรักษ์นิยม 93 เสียงแล้ว ทำท่าจะเป็นผู้สมัครคนแรกที่มีแนวโน้มมาวินโดยซูนัค อดีตนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน ซาคส์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเก็งของบริษัทรับพนันที่ถูกกฎหมายที่อังกฤษด้วย
ส่วนเต็งสอง ได้แก่ นายบอริส จอห์นสัน ซึ่งอาจจะได้กลับมาแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากเขาต้องพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว นายพอล บริสโตว์ สส.จากพรรคอนุรักษ์นิยม กล่าวว่า นายจอห์นสันเป็นผู้ที่มีบุคลิกที่พรรคแรงงานหวั่นเกรง และสามารถนำพาให้พรรคอนุรักษ์นิยมได้ชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปได้ ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าพรรคอนุรักษ์นิยมอาจแพ้อย่างหมดรูปในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า
มีรายงานว่า จอห์นสันได้เร่งรีบเดินทางกลับจากการพักผ่อนที่สาธารณรัฐโดมินิกัน มายังกรุงลอนดอนในวันเสาร์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรวบรวมเสียงสนับสนุนให้ได้อย่างน้อย 100 เสียง แม้อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง หลังจากที่การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 3 ปีของเขาเจอแต่เรื่องอื้อฉาวและข้อกล่าวหาเรื่องการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่างๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า จอห์นสันเขายังคงมีพันธมิตรทั้งในรัฐสภาและสมาชิกพรรคทั่วไป นาดีน ดอร์รีส์ผู้สนับสนุนระยะยาวชี้ว่า เขาควรกลับมา เนื่องจากจอห์นสันได้รับมอบอำนาจจากประชาชนในการเลือกตั้งปี 2019 ดังนั้น จอห์นสัน จะเป็นผู้สมัครที่สร้างเอกภาพ และสร้างเสถียรภาพให้ประเทศได้
ส่วนคนอื่นๆ ที่น่าสนใจ เริ่มจากเพนนี มอร์ดอนต์ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นรัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกของอังกฤษ ในปี 2019 หลังทรัสส์ ดำรงตำแหน่งผู้นำ เธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำสภาสามัญชนและประธานสภาองคมนตรี ซึ่งหมายความว่าเธอเป็นประธานในสภาการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์องค์ใหม่ เธอแสดงความเป็นผู้นำเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการยืนหยัดเพื่อทรัสส์ ระหว่างการตอบคำถามในรัฐสภาด้วย
ในการชิงตำแหน่งผู้นำพรรคครั้งที่ผ่านมา มอร์ดอนต์ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสส. แต่พลาดโอกาสเข้ารอบ 2 คนสุดท้าย แต่ก็มาในลำดับที่ 3 ส่วนครั้งนี้ เธอก็ยังไม่ได้ประกาศตัวชัดเจนว่าจะลง แต่จะขอฟังเสียง”ของเพื่อนร่วมงานก่อนว่าจะอย่างไร
อีกคนที่น่าสนใจ คือ เบน วอลเลซรัฐมนตรีกลาโหม ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครน เนื่องจากอังกฤษได้ตัดสินใจแต่เนิ่นๆที่จะสนับสนุนยูเครนด้านอาวุธและการฝึกทหาร หลังจากที่นายจอห์นสันลงจากตำแหน่งผู้นำประเทศ มีผู้เสนอให้วอลเลซลงสมัครชิงตำแหน่งแทนขณะที่เขาได้รับคะแนนสูงสุดจากการสำรวจความคิดเห็นที่ดำเนินการโดยเว็บไซต์ Conservative Home แต่เขาก็เลือกที่จะสนับสนุน ทรัสส์
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องฝ่าความท้าทายกระแสเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่ และหาทางเรียกคืนความเชื่อมั่นจากประชาชน ที่มุ่งให้ความสำคัญกับวิกฤตค่าครองชีพและค่าพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นในฤดูหนาวนี้
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี