บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้าสนับสนุน “โครงการคนไทยรักช้าง” ปีที่ 2 ส่งมอบ “อาหารช้างเอราวัณ” รวม 60 ตัน แก่สมาคมสหพันธ์ช้างไทย ร่วมร้อยเรียงความดี มอบอาหารคุณภาพให้ช้างอิ่มท้อง-สร้างสุขภาพดี ช่วยกอบกู้วิกฤตช้างไทยในสถานการณ์โควิด-19
เรวัติ หทัยสัตยพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจอาหารสัตว์บกซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ นำศักยภาพของบริษัทในด้านการเป็นผู้นำการผลิตอาหารสัตว์คุณภาพ ทำให้อาหารสัตว์ของซีพีเอฟเป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อมั่นจากเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศหนึ่งในนั้นคืออาหารช้างเอราวัณ ซึ่งผลิตโดยโรงงานผลิตอาหารสัตว์บกหนองแค จ.สระบุรี โดยมอบอาหารช้างเอราวัณ E3 ลอตใหญ่รวม 60 ตัน หรือ 60,000 กิโลกรัม แก่ ธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย เป็นผู้รับมอบ สำหรับนำไปกระจายต่อให้กับปางช้างและหน่วยงานสังกัดกรมปศุสัตว์ทั่วประเทศเพื่อร่วมบรรเทาปัญหาของปางช้างและควาญช้างที่ได้รับความเดือดร้อนจากการขาดรายได้ ในช่วงวิกฤตโควิด-19”
บรรยากาศในการมอบอาหารช้างเพื่อนำไปกระจายต่อให้กับปางช้างและหน่วยงานสังกัดกรมปศุสัตว์ทั่วประเทศ
สำหรับการส่งมอบอาหารช้างเอราวัณ แบ่งเป็น 2 ลอต โดยครั้งแรกส่งมอบในวันที่ 26 ตุลาคม เพื่อส่งมอบแก่ปางช้างใน 15 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา กระบี่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยจะส่งมอบอีกครั้งวันที่ 9 พฤศจิกายน ด้าน ธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดนั้น ปางช้างทั่วประเทศและควาญช้างยังคงต้องดูแลช้างให้ดีที่สุดแม้จะประสบปัญหาขาดรายได้จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดมานานกว่า 3 ปี ทำให้เผชิญปัญหาขาดแคลนอาหารช้าง แต่ก็ต้องประคับประคองให้การเลี้ยงช้างอยู่รอดได้ หญ้าและขั้วสับปะรดที่ต้นทุนไม่สูงมาก กลายเป็นอาหารหลักของช้างสุขภาพช้างจึงแย่ตามไปด้วย บางเชือกป่วยและล้ม โครงการในปีที่ผ่านมาที่ได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ ทำให้ช้างมีอาหารเสริมที่มีคุณภาพ มีคุณค่าโภชนาการอาหารสัตว์ ทั้งโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ จึงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างมาก ขอขอบคุณเครือซีพีและซีพีเอฟ ที่ให้การสนับสนุนอย่างดีมาโดยตลอด
เรวัติ หทัยสัตยพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ, ธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย, ประพาฬพงษ์ มากนวล รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมองค์กรเพื่อสังคม กลุ่มทรู และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมถ่ายภาพ
ขณะที่ ประพาฬพงษ์ มากนวล รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมองค์กรเพื่อสังคม กลุ่มทรู กล่าวว่า กลุ่มทรูร่วมสนับสนุนโครงการ “คนไทยรักช้าง”โดยนำเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G สนับสนุนระบบสื่อสารในรถกู้ภัยช้าง ที่จะส่งสัญญาณภาพความละเอียดสูงเพื่อช่วยให้สัตวแพทย์สามารถติดตามอาการของช้าง และแนะนำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแบบทันที (เรียลไทม์) ผ่านกล้องมอนิเตอร์ที่ติดในรถ ในกรณีที่ต้องมีการส่งตัวช้างที่มีอาการป่วยหรือจำเป็นต้องขนย้ายไปจุดต่างๆ ให้คนที่ดูแลช้างหรือควาญช้างระหว่างการเดินทางไปโรงพยาบาล ช่วยให้การรักษาช้างทันท่วงทีมากขึ้น รวมทั้งการติดตั้งอุปกรณ์ Trackingเพื่อตรวจสอบเส้นทางรถพยาบาลซึ่งจะแสดงผลผ่านสมาร์ทโฟน 5G และคอมพิวเตอร์
“โครงการคนไทยรักช้าง” ในปี2564 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับ ซีพีเอฟซีพี ออลล์ และทรู ส่งมอบเงินบริจาคจากประชาชนผ่านโครงการ เป็นเงิน2,798,000 บาท พร้อมทั้งซีพีเอฟมอบอาหารช้างแก่ปางช้างทั่วประเทศรวม 2 ปี เป็นจำนวน 120 ตัน สำหรับปี 2565 นี้ บริษัทยังคงเดินหน้าแนวคิด#ซีพีรักษ์ช้าง และสานโครงการต่อเนื่อง โดยเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาและคนรักช้าง ร่วม “แบ่งมื้อให้ช้าง พ้นโควิด” โดยสามารถบริจาคเลือกได้ 2 แบบ คือ 1.ผูกปิ่นโตให้ช้าง ผ่าน TrueMoney Wallet-RecurringDonation ครั้งละ 1 บาท 5 บาท 10 บาทหรือ 50 บาท (ตัดอัตโนมัติ ทุกวันที่ 28 ของเดือน) และ 2.บริจาคแบ่งมื้อให้ช้าง-บริจาคเป็นรายครั้ง ผ่าน TrueMoney Wallet หรือ เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือ TRUE POINT โดยบริจาคผ่าน TrueMove H กด *948*1303*10# กดโทรออก เพื่อบริจาค 10 บาท หรือกด *948*1303*100# กดโทรออก เพื่อบริจาค 100 บาท หรือสามารถโอนผ่านบัญชีกสิกรไทย (ออมทรัพย์) เลขบัญชี 092-1-98873-7 ชื่อบัญชี สมาคมสหพันธ์ช้างไทย เพื่อคนไทยรักช้างสาขาสี่แยกสนามบิน เชียงใหม่ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง “วันช้างไทย” 13 มีนาคม 2566
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี