ช่วง 07.50 น. ของเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ถือเป็นเวลาที่ชาวญี่ปุ่นที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศต้องหวาดหวั่นขวัญแขวนกันอย่างมาก หลังจากมีเสียงสัญญาณเตือนภัย เตือนผู้ที่อยู่อาศัยในจังหวัดมิยากิ ยามากาตะ และนีงาตะ รายการทางโทรทัศน์งดออกอากาศกะทันหัน เพื่อให้พวกชาวบ้านรีบหลบเข้าไปในอาคารที่มั่นคงหรือใต้ดิน ขณะที่บริการรถไฟหัวกระสุนในพื้นที่เหล่านี้ถูกระงับชั่วคราว ก่อนจะกลับมาให้บริการอีกครั้งในเวลาไม่นาน
ต้นเหตุของความตื่นตระหนกตกใจของชาวญี่ปุ่น มาจากการยิงขีปนาวุธทิ้งตัว 3 ลูก ของเกาหลีเหนือช่วงเช้าสันนิษฐานว่ายิงมาจากเขตแคซองทางใต้ของกรุงเปียงยาง และคาดว่าอาจมีขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกลข้ามทวีปรวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นขีปนาวุธที่มีพิสัยทำการระยะไกลที่สุดของเกาหลีเหนือ ในจำนวนนี้ มีขีปนาวุธลูกหนึ่งที่ยิงข้ามดินแดนของญี่ปุ่นก่อนที่จะตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศประมาณ 1,100 กิโลเมตร โดยก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธผ่านน่านฟ้าของญี่ปุ่นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560 ที่ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเดินทางผ่านน่านฟ้าของญี่ปุ่น แต่ไม่เคยมีหนไหนที่ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือลอยมาไกลทางใต้ได้ถึงขนาดนี้ ถึงแม้ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงในวันนี้ จะไม่ลอยผ่านน่านฟ้าของญี่ปุ่นก็ตาม เพราะมันล้มเหลวกลางอากาศ ก่อนตกลงสู่โลกยังทะเลญี่ปุ่น
แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ช่วยให้ญี่ปุ่นใจเย็นลงได้ ข้อแรก ญี่ปุ่นไม่พอใจที่เกาหลีเหนือที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดยิงขีปนาวุธถี่ยิบโดยไม่แจ้งเตือนล่วงหน้าและไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะไปตกยังที่ใดถือเป็นการกระทำที่ไม่ปกติ เป็นการยั่วยุที่อาจก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงคุกคามเที่ยวบินพาณิชย์และการเดินเรืออีกทั้งหากขีปนาวุธแตกเป็นเสี่ยงๆกลางอากาศ เศษซากก็จะร่วงหล่นเป็นภัยต่อคนที่อยู่บนพื้นโลก
ส่วนข้อสอง การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในวันนี้ เกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังเกาหลีเหนือเพิ่งยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้มากเป็นสถิติ ถึงอย่างน้อย 23 ลูก ไปทางตะวันออกและตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลี ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้
เกาหลีเหนือหวังอะไรอยู่
เห็นได้ชัดว่าในช่วงนี้ เกาหลีเหนือกำลังจงใจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์เชื่อว่ามันน่าจะนำไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้น เช่นการทดสอบนิวเคลียร์ หรือการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลติดหัวรบนิวเคลียร์ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก หรือทั้งสองอย่าง นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังมีเป้าหมายทางการเมืองด้วย เพราะสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นรูปแบบที่เกาหลีเหนือเคยใช้มาแล้วในปี 2010 และ 2017 เริ่มจากสร้างสถานการณ์คุกคามให้เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่น่าวิตกกังวล ตามด้วยยื่นข้อเรียกร้องและสิ่งแลกเปลี่ยนกับทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ซึ่งในตอนนี้เกาหลีเหนือก็กำลังทำอย่างเดียวกันนี้ตามสูตร
อย่างไรก็ดี เกาหลีเหนือตระหนักดีว่า สถานการณ์โลกในขณะนี้ทำให้ต้องเรียกร้องความสนใจมากกว่าปกติเนื่องจากสหรัฐฯ กำลังมุ่งหน้าเรื่องเลือกตั้งกลางสมัยที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ขณะที่ชาติตะวันตกมุ่งให้ความสำคัญกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่วนเกาหลีใต้กำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้แก่ผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมที่อิแทวอน
นอกจากนี้ คิม จอง อึน ก็ยังมีอีกเป้าหมายสำคัญ นั่นคือข้อเท็จจริงที่ว่า เกาหลีเหนือยังคงห่างไกลการพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธที่สมบูรณ์แบบ เพราะตามปกติ หลังจากที่ยิงขีปนาวุธขึ้นสู่อวกาศแล้ว หัวรบจะแยกออกจากตัวขีปนาวุธและกลับสู่พื้นโลกด้วยเทคโนโลยีนำขีปนาวุธกลับโลก ซึ่งจะต้องสามารถทนกับความร้อนและแรงดันมหาศาลซึ่งเกิดขึ้นขณะพุ่งทะลุผ่านชั้นบรรยากาศสู้พื้นโลก แต่ในการทดสอบหลายครั้งที่ผ่านมา เทคโนโลยีดังกล่าวของเกาหลีเหนือประสบความล้มเหลวมาโดยตลอด ทำให้เกาหลีเหนือต้องเดินหน้าทดสอบยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวให้ประสบความสำเร็จและสมบูรณ์แบบ
การทดสอบยิงขีปนาวุธเมื่อวันพฤหัสบดี ดูเหมือนขีปนาวุธของเกาหลีเหนือจะเคลื่อนที่ในลักษณะวิถีโค้งนั่นคือขีปนาวุธจะเดินทางขึ้นไปในอวกาศระดับสูงมาก คือกว่า 2,000 กิโลเมตรและตกจากพื้นโลกในแนวดิ่งลงสู่เป้าหมายไม่ไกลจากจุดที่ยิง เห็นได้ชัดว่าเป็นการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลโดยไม่ต้องข้ามผ่านน่านฟ้าญี่ปุ่น หากการยิงขีปนาวุธในวันนี้ถือว่าล้มเหลว ก็น่าจะบอกได้ว่าเป้าหมายความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธของเกาหลีเหนือยังอยู่อีกไกลแค่ไหน
เป้าหมายของเกาหลีเหนือไม่ใช่เพียงแค่หวังข่มขู่คุกคามญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังหวังเทียบชั้นขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกลข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์ (ICBM) ของสหรัฐฯ ด้วย
อย่างไรก็ดี หากเป้าหมายของเกาหลีเหนือคือการข่มขู่ให้ญี่ปุ่นกลัวก็ถือว่าเกาหลีเหนือคิดผิดและกำลังส่งผลให้เกิดผลกระทบตรงกันข้าม เพราะการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ประกอบกับจีนที่ส่งสัญญาณคุกคามทางทหารต่อไต้หวันหนักข้อขึ้น ก็ยิ่งทำให้ญี่ปุ่นต้องคิดหนักขึ้นเช่นกัน ในการกลับมาเพิ่มความแข็งแกร่งทางทหารและศักยภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ จากที่ผ่านมาญี่ปุ่นต้องระงับความทะเยอทะยานเรื่องนี้ ตามรัฐธรรมนูญของประเทศที่กำหนดไว้หลังญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2
โดยในเดือนหน้า รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนการที่จะปรับแก้ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ รวมถึงเอกสารสำคัญอื่นๆ เกี่ยวกับการป้องกันประเทศ ซึ่งรวมถึงเตรียมเสนอเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมและป้องกันประเทศเพิ่มเป็นสองเท่าในช่วงทศวรรษหน้า และเสนอให้ติดตั้งขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายจากระยะไกล ท่ามกลางกระแสข่าวว่ากำลังเจรจาขอซื้อขีปนาวุธแบบโทมาฮอว์กนับร้อยๆ ลูกจากสหรัฐฯ นั่นทำให้จะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ที่ญี่ปุ่นจะมีศักยภาพในการโจมตีเป้าหมายลึกเข้าไปถึงในดินแดนของจีนเกาหลีเหนือ
ในส่วนของเพื่อนบ้านใกล้ชิดอย่างเกาหลีใต้ นักวิชาการในเกาหลีใต้มองว่า หากเกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่ อาจเป็นผลเสียต่อเกาหลีเหนือเอง เพราะช่วง 30 ปีที่ผ่านมาสมดุลอย่างคร่าวๆ ระหว่างสองเกาหลีเกิดจากการที่เกาหลีใต้มีศักยภาพอาวุธธรรมดาที่ได้เปรียบเกาหลีเหนือมากและการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ กับการที่เกาหลีเหนือยังมีศักยภาพอาวุธนิวเคลียร์ขั้นเริ่มต้นเท่านั้น หากเกาหลีใต้เริ่มสร้างศักยภาพอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองขึ้นเมื่อใด สมดุลนี้จะยุติลงทันที
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี