ด้วยปัจจัยหลายด้านก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ จะเริ่มต้นขึ้นถือเป็นจังหวะที่ดีมากสำหรับพรรครีพับลิกันที่จะสร้าง red wave หรือคลื่นสีแดง กวาดชัยชนะครั้งใหญ่เข้าสภาคองเกรส ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปี ตลอดจนคะแนนความนิยมของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ร่วงลงต่ำ แต่ปรากฏว่า พรรครีพับลิกันยังทำผลงานในการเลือกตั้งกลางเทอมไม่ดีเท่าที่คาดคิด
เดอะนิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า จากผลการเลือกตั้งในเวลานี้ดูเหมือนว่าพรรครีพับลิกันจะทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดครั้งหนึ่ง ในฐานะพรรคตรงข้ามประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ขณะที่ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการยังไม่ทราบแน่ชัด ท้ายที่สุดพรรครีพับลิกันอาจได้ครองทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาก็เป็นได้
แต่สิ่งที่ชัดเจนกว่าคือ พรรคเดโมแครตทำผลงานได้ดีกว่าที่ทุกฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ และไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์ที่พรรครัฐบาล จะทำผลงานได้ดีในการเลือกตั้งสภาคองเกรส เพราะแม้เดโมแครตจะสูญเสียเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่รีพับลิกันจะชนะด้วยเสียงปริ่มน้ำเท่านั้น...ดังนั้นจึงถือว่านี่คือชัยชนะของพรรคเดโมแครตอยู่ดี
ทำไมถือว่าชนะ
เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ อัล-จาซีรารายงานว่า โดยปกติแล้ว พรรคที่ได้ครองทำเนียบขาว จะพ่ายแพ้อย่างหนักในการเลือกตั้งสภาคองเกรส โดยในปี 2018 สมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เขาเสีย สส.ไปหลายสิบคน ส่วนในปี 2010 สมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เขาเสียดสียงข้างมากทั้งสองสภา เช่นเดียวกับ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และ บิล คลินตันก็เคยเสียการควบคุมทั้งสองสภาไปแล้วเช่นกัน
แต่ปีนี้ สำหรับโจ ไบเดน ถือเป็นการสูญเสียที่ดีที่สุด โดยเฉพาะการที่เดโมแครตชนะการเลือกตั้งสว.ในรัฐเพนซิลวาเนีย ซึ่งเป็นรัฐที่ถูกจับตามองและผู้ว่าการรัฐสองคนของเดโมแครตยังสามารถชนะเลือกตั้งกลับมาอีกครั้งในรัฐสมรภูมิ (Battleground States)เช่น มิชิแกน และวิสคอนซิน จึงหมายความว่า เดโมแครตสามารถรักษาฐานที่มั่นในรัฐสำคัญเหล่านี้ได้อยู่
ผู้สันทัดกรณีหลายคนมองว่ามีหลายปัจจัยที่เอื้อต่อพรรคเดโมแครต
ประการแรก นักวิเคราะห์ระบุว่าพรรคเดโมแครตผลักดันเรื่องการปกป้องสิทธิในการทำแท้ง หลังในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เสียงส่วนใหญ่ของศาลสูง ซึ่งหกในเก้าคน เป็นผู้พิพากษาสายอนุรักษ์นิยม ได้ตัดสินยกเลิกการปกป้องสิทธิในการทำแท้ง สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้หญิงและนักเคลื่อนไหวสิทธิสตรีอย่างมาก ในขณะที่ไบเดนประกาศว่าจะผลักดันให้มีการผ่านกฎหมายของรัฐบาลกลางที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในการทำแท้ง เพื่อดึงดูดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
เดวิด โคเฮน นักรัฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยแอครอน กล่าวว่า คำตัดสินของศาลสูง ทำไห้เข้าทางพรรคเดโมแครต เพราะนี่คือหนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่สุดที่ทำให้คนชื่นชอบพรรคเดโมแครตมีแรงบันดาลใจในการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง นอกจากนี้ชาวอเมริกันจำนวนหนึ่ง ยังกังวลเรื่องประชาธิปไตยถูกคุกคามด้วย และไบเดนยังย้ำเรื่องประชาธิปไตยอยู่ที่บัตรเลือกตั้งมาตลอด ดังนั้น แคมเปญหาเสียงของพรรคเดโมแครต และบรรดาผู้สมัครสายเสรีนิยม จึงประกาศให้คำมั่นว่าจะปกป้องสิทธิในการทำแท้ง และชี้ว่า พรรครีพับลิกัน คือคนที่คิดสุดโต่งที่ต้องการให้มีการควบคุมผู้หญิงว่าทำอะไรหรือไม่สามารถทำอะไรกับร่างกายตัวเองได้บ้าง
ประการที่สอง พรรครีพับลิกันใช้แนวทางที่มีความเป็นขวาจัดมากขึ้นด้วยการส่งผู้สมัครที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิด และปฏิเสธผลการเลือกตั้งในปี 2020 ลงชิงชัยรัฐสวิง หรือพื้นที่แข่งขันสำคัญๆ ด้วยการหนุนของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ผู้สมัครเหล่านั้นกลับทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไรนัก เช่น ที่เพนซิลเวเนีย ซึ่งไบเดนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วยคะแนนห่างเพียง 1% เท่านั้นเมื่อสองปีที่แล้ว แต่การเลือกตั้งครั้งนี้โดห์ มาสตรีอาโน ผู้สมัครตำแหน่งผู้ว่าการรัฐของพรรครีพับลิกันสายขวาจัดแพ้การเลือกตั้งห่างจากผู้สมัครของเดโมแครตมากกว่า 13%
ส่วนที่มิชิแกน คริสตินา คาราโมผู้สมัครของรีพับลิกันที่ปฏิเสธผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ยังมีคะแนนตามหลังผู้สมัครของพรรคเดโมแครตเช่นกัน
นักวิเคราะห์ระบุว่ากับอัล-จาซีราว่า ผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส่งสารว่าชาวอเมริกันไม่สนใจผู้ที่มีแนวคิดสุดโต่งไม่ว่าจะมาจากพรรคใด นอกจากนี้ คุณภาพของผู้สมัคร ยังทำให้โอกาสชนะการเลือกตั้งของรีพับลิกันลดน้อยลงด้วย เพราะผู้สมัครบางคนถูกมองว่าเป็นผู้บั่นทอนระบบการเมืองอเมริกัน
ประการที่สาม พรรคเดโมเครตพยายามชูโยบายเศรษฐกิจ
ไบเดนผู้ซึ่งมีคะแนนนิยมตกต่ำ ตระหนักดีถึงเรื่องนี้ จึงพยายามชูนโยบายเศรษฐกิจ เช่น นำเสนอร่างกฎหมายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งลงนามไปเมื่อปีที่แล้ว และร่างกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อ นอกจากนี้ เขายังประกาศยกเลิกหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาซึ่งอาจเป็นการดึงดูดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ ออกไปใช้สิทธิ์ ทำให้เดโมแครตทำผลงานในการเลือกตั้งกลางเทอมได้ดีกว่าที่คาดไว้นั่นเอง
ในส่วนของผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการล่าสุด พรรครีพับลิกันได้ไปแล้ว 211 ที่นั่ง พรรคเดโมแครตได้ไป 201 ทำให้พรรครีพับลิกันขาดอีกเพียงแค่ 7 ที่นั่งก็จะถึง 218 ที่นั่งและจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนสหรัฐฯ ไปอย่างค่อนข้างแน่นอนในขณะที่พรรคเดโมแครตตามหลังค่อนข้างห่าง ไม่น่าจะตามรีพับลิกันได้ทันแล้ว แต่ในวุฒิสภาสหรัฐฯอาจต้องรอไปจนถึงเดือนหน้าธันวาคม โดยล่าสุด รีพับลิกันและเดโมแครตได้ไป 48 ที่นั่งเท่ากัน ยังเหลืออีก 3 รัฐที่ผลเลือกตั้งยังไม่เป็นที่ยุติ คือรัฐเนวาดา แอริโซนา และจอร์เจีย โดยทั้ง2 พรรคจะต้องชนะ 2 ใน 3 รัฐที่เหลือนี้จึงจะได้ครองวุฒิสภา ขณะนี้ รัฐเนวาดาและแอริโซนายังคงนับคะแนนไม่เสร็จหลังเลือกตั้งผ่านไปแล้ว 4 วัน เนื่องจากเกิดปัญหาล่าช้าต่างๆ ทำให้การนับคะแนนจะลากยาวไปถึงสัปดาห์หน้าเป็นอย่างน้อย ส่วนรัฐจอร์เจีย ต้องไปเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 6 ธันวาคมนี้เนื่องจากไม่มีผู้สมัครคนใดได้คะแนนถึงร้อยละ 50 ตามกฎหมายการเลือกตั้งของรัฐจอร์เจีย ซึ่งแตกต่างจากรัฐอื่นๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี