วันนี้ขอชวนคุณไปไหว้พระ และทำบุญทำทานที่วัดหน้าพระเมรุราชิการามวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วยกัน
ถามว่าทำไมต้องเจาะจงไปที่วัดนี้ ทั้งๆ ที่มีวัดมากมายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ก่อนอื่นขออนุญาตเล่าประวัติโดยสังเขปของวัดหน้าพระเมรุฯ ให้ทราบ วัดนี้ได้รับการสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยต้นกรุงศรีอยุธยา แต่บางกระแสก็บอกว่าน่าจะสร้างก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และน่าจะเคยเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใดพระองค์หนึ่งของกรุงศรีอยุธยา จึงมีชื่อว่าหน้าพระเมรุ แต่ก็ไม่มีหลักฐานบ่งชัดแน่นอน
ในครั้งสงครามพม่ารบกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2308 โดยพม่าในสมัยพระเจ้ามังระได้กรีฑาทัพมายังกรุงศรีอยุธยาโดยตั้งทัพล้อมพระนครไว้นานประมาณ 14 เดือน โดยทัพหลวงของพม่าตั้งประชิดเขตพระนคร อยู่ ณเขตวัดหน้าพระเมรุฯ ดังนั้นจึงมีประวัติเขียนไว้ว่ากองทัพพม่าจึงมิได้เผาทำลายวัดหน้าพระเมรุฯ เนื่องจากเป็นที่ตั้งทัพหลวง (แต่อันที่จริงพม่าก็มิได้เผาทำลายวัดต่างๆ ในพม่าทุกวัด)
สำหรับความน่าสนใจของวัดหน้าพระเมรุฯ คือหน้าบันพระอุโบสถที่งดงามมาก นับเป็นศิลปะสมัยอยุธยาช่วงต้นถึงช่วงกลางโดยแท้ ทำเป็นรูปเทพชุมนุม 26 องค์ รายล้อมรอบพระนารายณ์ทรงสุบรรณยุดนาค โดยสุบรรณ (ครุฑ) เหยียบบนหน้ากาล(หรือเกียรติมุข)
พระอุโบสถเป็นศิลปะแบบอยุธยาตอนต้น จุดเด่นคือมีเสาในพระอุโบสถเป็นรูปแปดเหลี่ยมประดับบัวหัวเสามีมุขเด็จ และเสานางเรียง และเจาะช่องแสงโดยไม่มีหน้าต่าง ทำเป็นแบบลูกฟักมะหวดเหลี่ยม อันเป็นศิลปะสำคัญของช่างสมัยอยุธยาตอนต้นถึงตอนกลาง
พระพุทธรูปประธานชื่อพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชรบรมไตรโลกนาถ ทรงเครื่องใหญ่ ปางโปรดพญามหาชมพู (บ้างก็เรียกปางทรมานพญาชมพู)
ด้านขวาของพระอุโบสถมีวิหารน้อยประดิษฐานพระคันธารราฐ พระพุทธรูปสมัยทวารวดี อัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุ อยุธยา พระคันธารราฐองค์นี้ทำจากหินสีเขียวประทับห้อยพระบาท นับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยทวารวดีที่ยังสมบูรณ์ที่สุดองค์หนึ่งของไทย วิหารน้อยสร้างโดยพระยาชัยวิชิต (เผือก) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นที่น่าเสียดายมากที่ปัจจุบันมีการก่อสร้างโรงเรือนไว้หน้าพระอุโบสถ ทำให้บดบังความสง่างามและความวิจิตรอลังการของพระอุโบสถ อันที่จริงการจะก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ ขึ้นมาในภายหลัง ผู้ปลูกสร้างจำเป็นต้องสำเหนียกตลอดเวลาว่า ต้องไม่ก่อให้เกิดทรรศนะอุจาด หรือมลทรรศน์ อันเท่ากับจงใจทำลายความสง่างามของโบราณสถาน ดังนั้นจึงมีผู้เรียกร้องให้ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ก่อให้เกิดทรรศนะอุจาดโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อโบราณสถานและต่อบรรพบุรุษผู้รังสรรค์โบราณสถานและพุทธสถาน
สำหรับคุณผู้อ่านที่ต้องการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมแบบเจาะลึกประวัติศาสตร์ในแง่มุมต่างๆ ทั้งด้านศาสตร์และศิลป์ ที่เน้นการท่องเที่ยวแบบกลุ่มเล็กๆ สามารถติดต่อ Mr. Flower หนังสือพิมพ์แนวหน้า ที่หมายเลขโทรศัพท์ 091 7233615
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี