คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล โดย ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดี พร้อมด้วย ศ.คลินิก นพ.วิศิษฏ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และ ผศ.นพ.ธีรวุฒิ ธรรมวิบูลย์ศรี รองคณบดีฝ่ายสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล จัดงานแถลงข่าว“ศิริราช-สมุทรสาคร รวมพลังจัดกิจกรรมระดมทุนเพื่อผู้สูงวัย” และกล่าวถึงความคืบหน้าของการก่อสร้าง “ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ” จ.สมุทรสาคร ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2566 พร้อมจัดกิจกรรมระดมทุนให้กับศูนย์ผู้สูงอายุฯ ณ ลานสาครบุรี ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร
ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลม.มหิดล กล่าวว่า ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สัดส่วนประชากรผู้สูงวัยในประเทศไทยจะเพิ่มเป็น 1 ใน 4 หรือ1 ใน 3 ซึ่งจะทำให้ผู้สูงวัยใช้บริการ รพ.หรือคลินิกผู้สูงอายุด้วยโรคประจำตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลม.มหิดล ได้เตรียมการมากว่า 20 ปี ด้วยการส่งทีมแพทย์เข้ารับการศึกษาและฝึกอบรมเกี่ยวกับเวชศาสตร์ผู้สูงวัยจากสถาบันชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อการพัฒนาและตั้งรับกระบวนการดูแล ผู้สูงวัยแบบบูรณาการ ทั้งการฟื้นฟู การป้องกัน การรักษาตามวัยพร้อมผลิตทีมแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงวัยให้เพียงพอ ผลิตงานวิจัย และงานวิชาการที่ครบวงจรแบบสหวิชาชีพ เพื่อให้การดูแลผู้สูงวัยครบทั้ง 4 องค์ประกอบหลัก คือ ให้ความรู้เรื่องการเตรียมตัวเข้าสู่ผู้สูงวัย, เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยให้ดีขึ้น, กระตุ้นสังคมให้เริ่มขยับและปรับตัวเรื่องการดูแลผู้สูงวัย และวางระบบการดูแลผู้สูงวัยในระดับนโยบาย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้ดำเนินการก่อสร้างศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติศิริราช ขึ้น
สำหรับ “ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ” คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้ดำเนินการก่อสร้าง ณ ถนนเลียบคลองสี่วาพาสวัสดิ์จังหวัดสมุทรสาคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเพื่อให้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมีศูนย์กลางการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ และส่งเสริมให้บุคลากรทั่วไปมีความรู้และทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ เป็นศูนย์ให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยสูงอายุตามหลักการทางเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ รวมทั้งเป็นศูนย์ศึกษาและผลิตงานวิจัย เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในผู้สูงอายุ และเป็นต้นแบบในการดูแลผู้สูงอายุเพื่อนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติให้กับสถานบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ
ภายในประกอบด้วย 12 กลุ่มอาคาร แบ่งเป็น กลุ่มอาคารให้บริการจำนวน 6 อาคาร ได้แก่ 1.อาคารศูนย์วิจัยและฝึกอบรม 2.อาคารผู้ป่วยนอก 3 อาคารผู้ป่วยใน 1 4.อาคารผู้ป่วยใน 2 5.อาคารฟื้นฟูและบำบัด 6.อาคารหอพักบุคลากรและศูนย์สูงวัยสุขภาพดี และกลุ่มอาคารสนับสนุนจำนวนอีก 6 อาคาร อาทิ อาคารสถานีไฟฟ้าย่อย อาคารสนับสนุนครัว อาคารบริการผ้าและโภชนาการพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมราชชนกเป็นต้น ขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้าง ระยะที่ 1 แล้วเสร็จ 84.37 % โดยจะเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2566
ความคืบหน้าการก่อสร้างระยะที่ 2 ของโครงการศูนย์ผู้สูงอายุ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2566-2568 ประกอบด้วย อาคารศูนย์วิจัยและฝึกอบรม อาคารผู้ป่วยใน 2 อาคารสถานีไฟฟ้าย่อย งานภูมิสถาปัตย์ ทางเชื่อมอาคารและอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ เครื่อง MRI เพื่อตรวจวินิจฉัยสมองและระบบประสาท ระบบสระน้ำธาราบำบัดพร้อมเครื่องพยุงตัว เครื่องเอกซเรย์ทั่วไประบบดิจิทัล เครื่องตรวจวิเคราะห์ระบบการขับถ่ายปัสสาวะ อุปกรณ์ฝึกเดินโดยรีโมทควบคุมพร้อมระบบควบคุมการล้มเพื่อการรักษาและฟื้นฟู เครื่องรักษาด้วยเลเซอร์ชนิดกำลังสูง โดยอาคารผู้ป่วยใน 2 เน้นการออกแบบเพื่อดูแลผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมภาวะซึมสับสนเฉียบพลันซึ่งเป็นการรับผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยในเป็นแห่งแรกของประเทศไทยรวมถึงศูนย์รังสีวินิจฉัยก้าวหน้าจึงเป็นอาคารที่พร้อมให้การดูแลรักษาผู้สูงอายุแบบองค์รวมและครบวงจรทัดเทียมระบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีอาคารศูนย์วิจัยและฝึกอบรม รวมถึงกลุ่มดูแลผู้ป่วยสูงอายุสมองเสื่อม
ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ ใช้งบประมาณก่อสร้างรวม 3,200 ล้านบาท ได้รับจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน 889.90 ล้านบาทศิริราชยังต้องจัดหาเพิ่มเติมอีกประมาณ2,000 ล้านบาท คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จึงได้จัดกิจกรรมเพื่อระดมเงินทุน อาทิ จัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ศิริราช-สมุทรสาคร เพื่อผู้สูงวัยในวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2566 ณ สนามกีฬากลางจังหวัดสมุทรสาคร กิจกรรมศิริราชการกุศล สาครบุรี สายนทีแห่งการให้ ในวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 ณ ลานริมน้ำศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสมุทรสาคร เป็นต้น
สำหรับกิจกรรมแรก “การจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ศิริราช-สมุทรสาคร เพื่อผู้สูงวัย” ชิงถ้วยพระราชทานจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะจัดวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2566 เวลา 05.00-08.00 น. ณ สนามกีฬากลางจังหวัดสมุทรสาคร อัตราค่าสมัคร 600 และ 800 บาท ส่วนวีไอพีค่าสมัคร 2,000 บาท แบ่งเป็นเดินเพื่อสุขภาพระยะทาง 3 กม. และวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 10.5 กม. ผู้สนใจสามารถสมัครและชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตั้งแต่วันนี้ ผ่านเว็บไซต์ https://www.runlah.com/ โดยผู้สมัครจะได้รับเสื้อที่ระลึก พร้อมเบอร์วิ่ง (Bib) จัดส่ง
ทางไปรษณีย์ ระหว่างวันที่ 1-10 มีนาคม 2566 และเหรียญผู้พิชิตที่ออกแบบอย่างสวยงามหลังเข้าเส้นชัย ส่วนวีไอพีจะได้รับเสื้อที่ระลึกเพิ่ม 1 ตัว และชุดของที่ระลึกเพิ่มเติม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ งานสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โทร.02-4199980, 9981,9983 หรือเพจเฟซบุ๊ก “งานเดินวิ่ง ศูนย์ผู้สูงอายุศิริราช-สมุทรสาคร”
และผู้มีจิตศรัทธา สามารถ บริจาคสมทบ กองทุน “ศิริราชเพื่อผู้สูงวัย” ได้ที่ ศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น 1 รพ.ศิริราช รวมทั้งรพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ชั้น 2 โซน B และศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกศาลายา จ.นครปฐม หรือบริจาคผ่านบัญชี ศิริราชมูลนิธิ (ศิริราชเพื่อผู้สูงวัย) ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี901-7-06044-4, ธนาคารไทยพาณิชย์เลขที่บัญชี 016-4-57906-4,ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี063-3-16546-7 บริจาคผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ AIS DTAC และ True โดยกด *984*100 # โทรออก ร่วมบริจาคครั้งละ 100 บาท และบริจาคออนไลน์ผ่าน https://si-eservice.mahidol.ac.th/donation
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี