ปี 2023 นับเป็นปีที่ยังมีเรื่องท้าทายอย่างมากทั้งเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย Digital Disruption ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงกับการดำเนินธุรกิจยุคใหม่รวมทั้งความไม่แน่นอนต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นความท้าทายต่อผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่ต้องเร่ง “สร้างผู้นำ (Leadership)” ที่จะเข้ามาเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนกระบวนการทำงาน ควบคุมดูแลลูกทีม รวมทั้งบริหารผลลัพธ์ท่ามกลางพิษเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
ข้อมูลจาก ภก.คงเกียรติ ฉัตรหิรัญทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บียอนด์เทรนนิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า การสร้างผู้นำในยุคนี้ กลับไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดเพราะองค์กรยังคงยึดกับภาพผู้นำแบบเดิมๆที่ชุดทักษะและประสบการณ์ไม่สามารถนำมาปรับใช้กับการขับเคลื่อนองค์กรในยุคดิจิทัลใหม่นี้ได้แล้ว จากบทความวิจัยของstrategypeopleculture.com ได้ระบุถึง7 สิ่งท้าทาย ที่เป็นอุปสรรคต่อการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในองค์กร ดังต่อไปนี้
1.Facilitating Change ทำให้ผู้นำเกิดปัญหาด้านการปรับตัวได้ ไม่สามารถรับมือกับสภาวะแวดล้อม กระบวนการทำงาน และสถานที่ทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ส่งผล
กระทบต่อทั้งตัวผู้นำและลูกทีมก็อาจได้รับพลังงานลบไปด้วย
2.Building Self Confident ผู้นำไม่สามารถสร้างความมั่นใจในตนเองได้ไม่กล้าที่จะเสี่ยงลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ความไม่มั่นใจของผู้นำจะส่งผลให้ลูกน้องขาดความไว้เนื้อเชื่อใจว่าคุณจะสามารถพาพวกเขาก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ ไปได้
3.Keeping a pulse on your remote or hybrid team หลายองค์กรได้เริ่มปรับรูปแบบการทำงานแบบระยะไกล (Remote Team) มากขึ้น ส่งผลให้ผู้นำทีมประสบปัญหาการติดตามงาน หรือประสานงานร่วมกับลูกทีมได้อันเนื่องมาจากทักษะด้านเทคโนโลยีที่ไม่เข้มแข็งรวมถึงยังไม่คุ้นชินกับกระบวนการทำงานแบบใหม่ จึงกลายเป็นอุปสรรคชิ้นโตที่ผู้นำยุคเดิมยังก้าวผ่านไปไม่ได้
4.Maintaining motivation and focus ด้วยสถานการณ์วิกฤตโลก ภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งรูปแบบการทำงานและพนักงานในองค์กรที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อาจทำให้หัวหน้าต้องเร่งฝีเท้าก้าวตามให้ทันจนอาจเกิดความเหนื่อยล้า หมดแรงจูงใจในการทำงานหรือขาดจุดโฟกัส จับต้นชนปลายไม่ถูก หากหัวหน้าอยากนำทีมให้ได้ผลงานต้องสร้างแรงจูงใจได้การทำงานให้ได้
5.Lack of communication วิกฤตโลกขับเคลื่อนให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้รูปแบบทำงานทางไกลหรือ Hybrid สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ การสื่อสาร กุญแจสำคัญที่จะทำให้หัวหน้าและลูกทีมเข้าใจกัน ผลักดันผลงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากหัวหน้าไม่พัฒนาทักษะนี้ โอกาสที่งานจะผิดพลาด ทำงานคนละทิศทางจนเกิดความขัดแย้งยิ่งมีความเสี่ยงสูง
6.Employee mental health management งานวิจัยจาก HarvardBusiness Review ระบุว่า พนักงานทั่วโลกกว่า 42% กำลังประสบปัญหาสุขภาพจิต เป็นผลมาจากการทำงานในช่วงวิกฤตโลก หากหัวหน้าไม่สามารถบริหารทีมโดยเฉพาะด้านจิตใจได้ โอกาสที่ลูกน้องจะ Burnout เครียด หมดไฟจนลาออก ย่อมมีสูงมาก
7.Handling Conflicts and managing internal politics การเมืองในองค์กรคือหนึ่งปัญหาที่ทำให้หลายบริษัทหยุดชะงัก ไม่ก้าวไปข้างหน้า เพราะเสี่ยงเกิดความขัดแย้งในองค์กร เกิดข้อครหา มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร คนเก่งๆ ในองค์กรไม่มีโอกาสได้พัฒนา หัวหน้าจึงต้องเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ดึงการเมืองในองค์กรให้เป็นแรงผลักดันเชิงบวก ก่อนที่องค์กรจะตกหลุมพรางความขัดแย้ง
จากความผันผวนของโลกธุรกิจและการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล ถึงเวลาแล้วที่องค์กรต้องลบภาพของผู้นำแบบเดิมๆ สู่การพัฒนา “ผู้นำยุคใหม่” หรือที่เรียกว่า “Adaptive Leadership” ที่ผู้นำที่ยืดหยุ่น พร้อมปรับตัวสอดรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้น โดยบริษัท Beyond training สถาบันแถวหน้าด้านการฝึกอบรมพนักงานและมีประสบการณ์ออกแบบโปรแกรมพัฒนาผู้นำองค์กรยุคใหม่ ได้ทำการคิดค้นโปรแกรมที่ชื่อว่า “ADAPTIVE LEADERSHIP SERIES” ที่ได้นิยามตัวตนของผู้นำยุคใหม่ที่จะพาองค์กรประสบความสำเร็จ ซึ่งประกอบไปด้วย
l AGILITY มีความคล่องตัว ปรับตัวไวและกระตือรือร้น สอดรับโลกการทำงานยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง และความรวดเร็วในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล
l DISRUPTIVE ความพร้อมในการรับมือกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามาแทรกแซงกระบวนการทำงานขององค์กรยุคใหม่ โดยสามารถเรียนรู้และประยุกต์สิ่งเหล่านี้ ให้กลายเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ แก่องค์กรได้
l ATTITUDES ทัศนคติของ “คนยุคใหม่”ที่พร้อมเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับอาชีพและคุณภาพชีวิตของตนเอง รวมถึงการสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับองค์กร
l PERSONALIZATION การมีลักษณะเฉพาะของบุคคล อัตลักษณ์ที่โดดเด่น พร้อมเป็นตัวอย่างที่ดีด้านการสร้างภาวะผู้นำ ให้แก่ผู้อื่นได้ปฏิบัติตาม
l TECHNOLOGY ความเป็น “ผู้นำด้านเทคโนโลยี และเท่าทันเทรนด์ธุรกิจ” เป็นผู้ที่นำพาเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาผสมผสานกับกระบวนการทำงาน เพื่อเกิด New Way Of Working ให้กับคนในองค์กร
l INNOVATION ความเป็น “ผู้นำด้านนวัตกรรม” ไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆไม่ยึดติดกับกรอบความคิดเดิม และค้นหาวิธีการที่ดีสุด ในการพัฒนาธุรกิจองค์กร
l LIVE WELL BEING เรียนรู้วิธีสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวสร้างสุขภาวะที่ดีอย่างแท้จริง รู้วิธีการผ่อนคลายฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ เพื่อให้งานที่ทำเกิดผลลัพธ์สูงสุด
l EMPATHY เป็นผู้นำที่มีจิตใจแห่งการเป็น “ผู้ให้” มีความจริงใจกับเพื่อนร่วมงานและผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา พร้อมให้ Feedback และแนวทางพัฒนาให้กับเขาอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา
การสร้าง ADAPTIVE LEADERSHIP ผู้นำยุคใหม่ จะถูกพัฒนาด้วยกระบวนการฝึกอบรมผ่าน Framework ที่ได้มาตรฐานที่ไม่ได้แค่เรียนรู้อยู่ในห้องสัมมนา แต่เป็นการผสมผสานรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย รวมถึงกลยุทธ์การเรียนรู้ 10:20:70 ที่ผสมผสานระหว่างการเรียนรู้จากหลักสูตร(10) การแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน โดยได้รับคำแนะนำจากหัวหน้าหรือพี่เลี้ยงภายในองค์กร (20) และเรียนรู้ผ่านการทำงานจริง จากการทำโครงการ (70) โดยจะถูกนำมาร้อยเรียงเป็นเส้นทางพัฒนาการเรียนรู้ที่ได้มาตรฐาน เช่น มีการประเมินที่วัดกระบวนความคืบหน้าของ Competency ก่อนเข้าเรียนจริง การเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านOnline Learning การเรียนทางไกลผ่าน Virtual Class ที่สะดวกและยืดหยุ่น รวมถึงการนำเสนอสิ่งที่ได้พัฒนาพร้อมผลงานให้ผู้บริหารได้รับทราบหลังจบโครงการ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.Beyondtraining.in.th
ด้วยความเปลี่ยนแปลงทางโลกธุรกิจที่เกิดขึ้น การพัฒนาผู้นำแบบเดิมใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว โปรแกรม ADAPTIVE LEADERSHIPSERIES พัฒนาผู้นำยุคใหม่นี้ จะช่วยปิด Competency Gap ของพนักงานในองค์กรได้จริง และพร้อมเป็นตัวเลือกที่ได้มาตรฐานให้กับองค์กรทั่วประเทศที่ต้องการพัฒนาผู้นำยุคใหม่เพื่อเข้ามาเป็นหัวใจสำคัญในธุรกิจยุคดิจิทัลใหม่นี้
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี