เฉียน ชูหมิน รองผู้บัญชาการเรือฝูเจี้ยน (Fujian) เรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 3 ของกองทัพจีนเผยว่า เรือบรรทุกเครื่องบินฝูเจี้ยนมีกำหนดจะทดสอบเดินเรือจริงในทะเลในปีนี้ หลังจากเปิดตัวเรือฝูเจี้ยนจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่อู่ต่อเรือเจียงนานในนครเซี่ยงไฮ้ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการนำพาจีนเป็นมหาอำนาจโลก ที่ประกาศโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายในปีี 2049 อีกทั้งประธานาธิบดีสี ยังหยิบยกเรื่องราวความสำเร็จของเรือฝูเจี้ยน มากล่าวในส่วนหนึ่งของสารปีใหม่ 2023 ซึ่งทำให้ทางกองทัพจีนภาคภูมิใจอย่างมาก

เรือฝูเจี้ยน ตั้งชื่อตามมณฑลฝูเจี้ยนซึ่งตั้งอยู่ติดกับช่องแคบไต้หวัน และเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการภาคตะวันออกของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน มีระวาง 80,000 ตัน เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 3 ของจีนต่อจากเรืองชานตงที่ประจำการเมื่อปี 2019 และเรือเหลียวหนิงซึ่งจีนซื้อมาจากยูเครนเมื่อปี 1998และนำมาปรับปรุงใหม่

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า เรือฝูเจี้ยนมีลานจอดเครื่องบินแบบยาวติดตั้งระบบอาวุธทันสมัย รวมถึงมีระบบปล่อยเครื่องบินไอพ่นด้วยพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า(Electromagnetic Catapults) ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดทางการทหาร ซึ่งส่งเครื่องบินรบออกไปปฏิบัติการได้รวดเร็วกว่าระบบรางดีดส่งอากาศยานพลังไอน้ำแบบเก่า ทำให้เป็นเรื่องท้าทายในการฝึกสอนนักบิน

หลังจากเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อ 6 เดือนก่อน เรือบรรทุกเครื่องบินฝูเจี้ยนได้ผ่านกระบวนการปรับปรุงโฉมที่อู่ต่อเรือเจียงนาน รวมถึงทดสอบการทำงานของระบบต่างๆ บนเรือ ตั้งแต่ระบบส่งกำลังไปจนถึงการทำงานของเครื่องยนต์กลไกต่างๆ

ทั้งนี้ การเปิดตัวเรือฝูเจี้ยนถือเป็นหลักไมล์สำคัญของกองทัพจีน เพราะแสดงให้เห็นว่า ขณะนี้วิศวกรของจีนสามารถออกแบบและสร้างเรือรบทันสมัยแบบต่างๆ ได้เองทั้งหมด รวมถึง เรือพิฆาต เรือรบขนาดกลาง เรือสะเทินน้ำสะเทินบกและเรือบรรทุกเครื่องบิน ซึ่งถือเป็นประโยชน์มหาศาลต่ออุตสาหกรรมการต่อเรือของจีนเอง

นอกจากนี้ ผู้สันทัดกรณียังคาดว่า เมื่อทดสอบการเดินเรือเสร็จสิ้นและพร้อมปฏิบัติภารกิจ เรือฝูเจี้ยนน่าจะได้รับบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในปฏิบัติการทางทหารของจีนรอบเกาะไต้หวัน ที่เข้มข้นขึ้นจากความไม่พอใจของจีน นับตั้งแต่แนนซี เพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน โดยมีรายงานว่า เรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงและกองเรือติดตาม อยู่ระหว่างปฏิบัติการลาดตระเวนและซ้อมรบในแถบแปซิฟิกตะวันตกมาตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ล่าสุดถูกพบเห็นอยู่ไม่ไกลจากเกาะกวม ดินแดนของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ขณะที่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ จีนได้ขยายการเดินเรือเข้าไปในหลายน่านน้ำ รวมทั้งมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิกตะวันตก และบริเวณชายฝั่งแอฟริกา นอกจากนี้ จีนยังร่วมมือกับกัมพูชาเพื่อขยายโครงการต่อเติมฐานทัพเรือเรียมที่เมืองสีหนุวิลล์ ในบริเวณอ่าวไทยด้วย

ปัจจุบัน กองทัพจีนมีเรือประจำการทั้งหมด 355 ลำ รวมทั้งเรือดำน้ำ โดยสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า กองเรือจีนจะเพิ่มจำนวนเป็น 420 ลำ ภายในปี 2025 และ 460 ลำ ภายในปี 2030 ในส่วนของเรือบรรทุกเครื่องบิน จีนเป็นประเทศที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ ซึ่งมีทั้งหมด 11 ลำขณะที่อังกฤษตามมาเป็นอันดับที่สาม มีเรือบรรทุกเครื่องบิน2 ลำ

อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่า ศักยภาพของกองทัพเรือจีนนั้นยังห่างไกลกับกองทัพเรือสหรัฐฯ อย่างมาก เนื่องจากฟากฝั่งอเมริกานั้นมีเรือบรรทุกเครื่องบินหลายลำ แต่ในบรรดาเรือบรรทุกเครื่องบิน(CV Class) ที่สหรัฐฯ มีประจำการนั้น เรือยูเอสเอส เจอรัลด์อาร์ ฟอร์ด (USS GeraldR. Ford) เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดของสหรัฐอเมริกามีอากาศยานประจำการหลากหลายประเภท เช่น F-35C Lightning IIเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 5 อันโด่งดังรวมถึง F/A-18E/F Super Hornet เครื่องบินขับไล่มาตรฐานบนเรือบรรทุกเครื่องบิน รวมถึงE-2 Hawkeye เครื่องบินเตือนภัยประจำเรือ ตลอดจนเฮลิคอปเตอร์ Sikorsky SH-60Seahawk เป็นต้น มีระวางขับน้ำอยู่ที่ 100,000 ตันขับเคลื่อนด้วยเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โดยเริ่มประจำการตั้งแต่ปี 2017 ภายใต้คำสั่งของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

แม้ว่าเครื่องยนต์ของเรือบรรทุกเครื่องบินจีนในปัจจุบันจะยังคงเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่สื่อและผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า เรือลำถัดไปจะใช้ระบบพลังงานจากนิวเคลียร์อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ากองทัพเรือจีนจะก้าวกระโดดไปสู่การพัฒนาอีกขั้นหนึ่งในอนาคตอันใกล้นี้