ระบบเลือดประกอบด้วยเซลล์หลัก 3 ชนิด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด เซลล์แต่ละชนิดมีหน้าที่ที่แตกต่างกันไปเม็ดเลือดแดงมีบทบาทในการลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่หลักในการเป็นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และเกล็ดเลือดทำหน้าที่ในกระบวนการควบคุมการแข็งตัวของเลือดในคนปกติไขกระดูกทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดแต่ละชนิดอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อทดแทนเซลล์เก่าที่หมดไปตามอายุขัยของเซลล์แต่ละชนิด ภายในไขกระดูกประกอบด้วยเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด และเซลล์ตัวอ่อนในระยะต่างๆ ที่มีการแบ่งตัวเจริญเติบโตเป็นเซลล์ตัวเต็มวัยที่พร้อมออกมาในกระแสเลือดเพื่อทำหน้าที่ของเซลล์แต่ละชนิด นอกจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดแล้ว ภายในไขกระดูกยังประกอบไปด้วยเซลล์ชนิดต่างๆ ซึ่งสนับสนุนภาวะสมดุล และการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดเลือด โดยปกติสัดส่วนของเซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูกจะลดลงตามวัย แต่เพียงพอกับการคงสมดุลระดับเม็ดเลือดในร่างกาย
ภาวะไขกระดูกฝ่อ (Aplastic Anemia) เป็นภาวะที่ไขกระดูกไม่สามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดขึ้นมาทดแทนเซลล์ที่หมดอายุขัยได้ ทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดต่ำทั้งชนิด โดยมีความรุนแรงต่างๆ กันไป ผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการอ่อนเพลียจากภาวะซีด ร่วมกันไข้จากภาวะติดเชื้อ และภาวะเลือดออกได้ง่ายหรือเลือดออกเองจากเกล็ดเลือดต่ำการดำเนินโรคของภาวะเม็ดเลือดต่ำนั้นส่วนมากค่อยเป็นค่อยไปในระยะเวลาสัปดาห์ ถึงเดือน แต่มีส่วนน้อยที่มาด้วยอาการที่รวดเร็ว และรุนแรงได้โดยที่เมื่อทำการเจาะตรวจไขกระดูกแล้วจะพบสัดส่วนของเซลล์เม็ดเลือดในปริมาณที่ต่ำลงอย่างมาก หรือในบางครั้งในกรณีไขกระดูกฝ่อรุนแรงอาจไม่พบเซลล์เม็ดเลือดตัวอ่อนหลงเหลืออยู่ในไขกระดูก และจะพบปริมาณของเซลล์ไขมันแทนที่เซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูก สาเหตุการเกิดภาวะไขกระดูกฝ่อนั้นเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ โดยที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุของภาวะไขกระดูกฝ่อแต่ในบางรายอาจสัมพันธ์กับการทำงานของภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติที่ทำให้มีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดตัวอ่อนในไขกระดูก โดยความผิดปกติทางภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากภาวะติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบ, การสัมผัสยาฆ่าแมลง/สารเคมีทางการเกษตรเป็นเวลานาน หรือภาวะตั้งครรภ์เป็นต้น ผู้ป่วยส่วนน้อยพบว่าเกิดภาวะไขกระดูกฝ่อที่เกิดจากความผิดปกติของกรรมพันธ์ุที่ทำให้มีความเสียหายของเซลล์เม็ดเลือดตัวอ่อนในไขกระดูก โดยอาจพบมีประวัติไขกระดูกฝ่อในเครือญาติ หรือมีความผิดปกติทางกายอื่นๆ ร่วมด้วยนอกเหนือจากภาวะไขกระดูกฝ่อ
การรักษาภาวะไขกระดูกฝ่อในปัจจุบันนั้นขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของภาวะไขกระดูกฝ่อ และอายุรวมถึงสุขภาพของผู้ป่วย ในกรณีของภาวะไขกระดูกฝ่อไม่รุนแรง โดยส่วนมากให้การรักษาประคับประคอง เช่นการเติมผลิตภัณฑ์ของเลือด การให้ยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด หรือยากดภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติเมื่อมีข้อบ่งชี้ สำหรับภาวะไขกระดูกฝ่อรุนแรง ในปัจจุบันการ
ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดถือเป็นการรักษาเดียวที่ทำให้โรคไขกระดูกฝ่อหายขาดได้ และถือเป็นการรักษาหลักในผู้ป่วยอายุน้อย ที่มีผู้บริจาคที่เข้ากันได้ สำหรับในผู้ป่วยอายุเยอะ หรือไม่มีผู้บริจาคที่เข้ากันได้ แนวทางการรักษาในปัจจุบันแนะนำการให้ยากดภูมิคุ้มกัน ร่วมกับยากระตุ้นเม็ดเลือด ทั้งนี้การพิจารณาแนวทางการรักษานั้นขึ้นอยู่กับการประเมินโดยโลหิตแพทย์ และข้อบ่งชี้ของผู้ป่วยแต่ละราย หากท่านมีข้อสงสัยอาการที่เข้าได้ หรือการตรวจเลือดที่ผิดปกติแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เผื่อตรวจค้นเพิ่มเติมต่อไปตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
ผศ.นพ.กฤษฎา วุฒิการณ์
หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี