เมื่อประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ส่งกำลังทหาร 200,000 นาย บุกเข้ายูเครนเมื่อวันที่24 กุมภาพันธ์ 2022 ด้วยคิดว่าจะสามารถรุกคืบเข้ากรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนได้ในไม่กี่วัน หวังโค่นอำนาจรัฐบาลยูเครน ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี
แต่ในความเป็นจริง กองทัพรัสเซียต้องเผชิญกับการตีโต้อย่างแข็งแกร่ง ดุเดือด และต้องล่าถอยออกมาหลายครั้ง แต่สงครามของรัสเซีย “ยังไม่พ่ายแพ้” แค่เพลี่ยงพล้ำเท่านั้น
ผู้นำรัสเซียยังระบุว่า การส่งทหารบุกยูเครน ซึ่งฝั่งตะวันตกมองว่าเป็นการรุกรานยุโรปครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ไม่ใช่การทำสงครามเต็มรูปแบบ แม้มีการโจมตีทางอากาศทั่วยูเครน และมีประชาชนเกือบ 15 ล้านคน ขอลี้ภัยออกนอกประเทศ หรือไม่ก็กลายเป็นผู้พลัดถิ่น ไร้ที่อยู่อาศัยในประเทศของตน
เป้าหมายที่ปูตินประกาศในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว คือ ปลดแอกยูเครน ทำให้เป็นเขตปลอดทหาร และเพื่อปกป้องคุ้มครองประชาชนให้รอดพ้นจากการถูกข่มเหงรังแก และการฆ่าล้างเผาพันธุ์จากรัฐบาลยูเครน เป็นเวลา 8 ปี ผู้นำรัสเซียยังกล่าวถึงการป้องกันไม่ให้องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต เข้ามาตั้งฐานที่มั่นในยูเครน จากนั้น ก็เพิ่มเติมวัตถุประสงค์อื่นๆ เพื่อรับประกันสถานะความเป็นกลางของยูเครน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สงครามในยูเครน ก็ส่งผลกระทบเลวร้ายตามมาผู้คนล้มตายไปแล้วหลายหมื่นคน เกิดภาวะเงินเฟ้อเขย่าเศรษฐกิจโลก และจุดชนวนให้เกิดการเผชิญหน้าครั้งเลวร้ายที่สุดกับชาติตะวันตก ตั้งแต่วิกฤตขีปนาวุธคิวบา ปี 1962 ซึ่งทำให้หลายคนกลัวว่า สงครามนิวเคลียร์ส่อเค้าใกล้เข้ามาแล้ว
ปลายเดือนกันยายนปีที่แล้ว ปูตินได้ประกาศผนวก 4 ภูมิภาคของยูเครนที่ทหารของเขาเข้าควบคุมได้บางส่วน โดยกล่าวว่า พวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียตลอดไป เนื่องจากสถานการณ์ในสมรภูมิรบพลิกผันเร่งเร้าให้ผู้นำรัสเซียผนวกเอาดินแดนของยูเครนเป็นของตน แม้ยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่เอาไว้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นลูฮันสก์ หรือโดเนตสก์ ในภาคตะวันออก และเคอร์ซอน หรือซาโปริซเซีย ภาคใต้ยูเครนสามารถตอบโต้ให้กองทัพรัสเซียล่าถอยหลายครั้ง และยังมีชายชาวรัสเซียหลายหมื่นคนหนีออกนอกประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารร่วมรบในสมรภูมิยูเครน นอกจากนี้ ปูตินเองก็ออกมาเปรยถึงขั้นอาจมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์
เหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงเห็นจะเป็นในเดือนกันยายน ที่รัฐบาลมอสโกสั่งระดมพลสำรอง 300,000 นายซึ่งแม้จะระบุว่าเป็นการระดมพลบางส่วนแต่ได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วประเทศเพราะชายรัสเซียส่วนใหญ่ที่อายุต่ำกว่า65 ปี และมีผู้หญิงบางส่วนอยู่ในรายชื่อเรียกระดมพลครั้งนี้
ขณะที่คำเตือนของรัสเซียต่อชาติตะวันตกไม่ให้ส่งอาวุธให้ยูเครนนั้น ไม่ได้รับการใส่ใจ ตรงกันข้ามชาติตะวันตกยังเน้นย้ำให้การสนับสนุนยูเครนตราบเท่าที่สามารถทำได้ หน่วยปืนใหญ่ของยูเครนได้รับการสนับสนุนด้วยขีปนาวุธ “ไฮมาร์ส” (HIMARS) ระบบยิงจรวดด้วยปืนใหญ่เคลื่อนที่คล่องตัวสูง M142 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาวุธที่ช่วยพลิกโฉมหน้าสงครามครั้งนี้ และยังได้รับคำมั่นสัญญาจากพันธมิตรว่าจะส่งรถถังประจัญบาน “เลพเพิร์ด 2” ของเยอรมนีให้ด้วย
แต่สงครามครั้งนี้ ยังไม่สิ้นสุด การสู้รบในภูมิภาคดอนบาสยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง รัสเซียยึดได้เมืองโซเลดาร์ในปีนี้ และหวังว่าจะยึดเมืองบักห์มุต ทางตะวันออก ซึ่งเป็นเมืองเชื่อมต่อกับเมืองสำคัญอีกหลายเมืองในภาคตะวันตกของยูเครน และยังเร่งยึดคืนดินแดนที่สูญเสียไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมาด้วย
ผู้สันทัดกรณีบางส่วนเชื่อว่า ปูตินจะพยายามขยายการควบคุมภูมิภาค 4 แห่งที่เขาประกาศให้เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ไม่เพียงแต่ภูมิภาคดอนบาสเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเมืองสำคัญอย่างเมืองซาโปริซเซียด้วย
ผู้นำรัสเซียย้ำเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า รัสเซียไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นสงครามในครั้งนี้ หากแต่สหรัฐฯและชาติตะวันตกต่างหาก ที่นำภัยคุกคามมาสู่รัสเซียมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และรัสเซียจำเป็นต้องปฏิบัติการทางทหารเพื่อปกป้องตนเอง ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯได้เดินทางเยือนกรุงเคียฟโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เพียงไม่กี่วันก่อนจะครบ 1 ปีวิกฤตครั้งนี้ นับเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวยูเครนได้ไม่น้อย
ตอนนี้ ครบ 1 ปีสงครามในยูเครนของรัสเซียแล้ว และกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 2 ต้องบอกว่ายังห่างไกลกับคำว่า “สงบ” ในทางตรงกันข้ามมีแต่จะลากยาวออกไป แบบไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี