วันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ถ้าเราไม่เชื่อมั่นในฝีมือของคนไทย แล้วใครจะเชื่อมั่้น

ถ้าเราไม่เชื่อมั่นในฝีมือของคนไทย แล้วใครจะเชื่อมั่้น

วันเสาร์ ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการผลิตยาและเวชสำอางจากสมุนไพรไทย จังหวัดน่าน
  •  

การวิจัยและการผลิตด้านเภสัชศาสตร์ของเรานั้นมุ่งหวังเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสากล แล้วยังช่วยรักษาสภาพแวดล้อมของบ้านเรา เพิ่มคุณภาพชีวิต และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทย(ศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณบดี คณะเภสัชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

งานวิจัยและการผลิตของเราเน้นคุณภาพทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เน้นการสร้างและแบ่งปันความรู้ระหว่างนักวิจัยกับเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อให้ได้สารตั้งต้นการผลิตที่มีคุณภาพดีที่สุด (ศ.ภก.ดร.ปิติจันทร์วรโชติ รองคณบดี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)


ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย นำคุณไปสนทนากับคณบดี และรองคณบดี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงโครงการผลิตยาและเวชสำอางจากสมุนไพรไทยจากจังหวัดน่าน

l เรียนถามท่านคณบดีครับ ผมทราบว่าคณะเภสัชฯ จุฬาฯ มีโครงการเพื่อสังคมมากมาย ล่าสุดเห็นว่ามีโครงการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม รักษาป่า ลดการตัดไม้ทำลายป่า ท่านคณบดีช่วยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังด้วยครับ

ดร.พรอนงค์ : โครงการด้านรักษาสิ่งแวดล้อมที่ถามคือ น่าน วัน เฮลท์ (Nan One Health) เป็นโครงการที่ทำขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจาก เค อะโกรอินโนเวท (K Agro Innovate) มูลนิธิกสิกรไทย เพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่า ทำไร่เลื่อนลอย โดยเน้นให้ชาวบ้านหันมาปลูกพืชสมุนไพร หรือพืชทางยา โดยเน้นการผลิตที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้ดีขึ้น ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม โครงการนี้ต้องการส่งเสริมให้สินค้าการเกษตรของเรามีคุณภาพสูงเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร บ้านเมืองของเรานั้นยังต้องให้ความสำคัญกับการเกษตรอยู่ แม้จะมีความพยายามส่งเสริมด้านอุตสาหกรรม แต่ก็ไม่สามารถทิ้งการเกษตรได้เราทุกคนทราบดีว่าเกษตรกรของไทยมีปัญหาความยากจน ทั้งๆ ที่บ้านเรามีผลผลิตการเกษตรมากมายที่โลกต้องการ ดังนั้นเราจึงต้องช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร โดยใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วย แล้วผสมผสานกับภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของเรา ในฐานะที่คณะเภสัชฯ จุฬาฯ มุ่งมั่นพัฒนาการเรียนการสอน การวิจัย และการผลิตด้านเภสัชกรรม จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนางานของคณะให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของประชาชนทั้งในและต่างประเทศ

ดังนั้น Nan One Health จึงเน้นการพัฒนาพืชทางยา หรือสมุนไพร ให้มีคุณภาพดี เพื่อนำไปผลิตยาคุณภาพสูง รวมถึงเวชสำอาง (cosmeceuticals) คุณภาพสูง โดยใช้พืชที่ผลิตจากจังหวัดน่าน ที่ผ่านการควบคุมคุณภาพการผลิตในทุกกระบวนการ ในสมัยก่อนนั้นยาสมุนไพรไทยมีความโด่งดังมาก แต่ปัญหาคือการจะใช้ยาสมุนไพรไทยมันไม่สะดวกมากนัก เพราะต้องกินยาลูกกลอน ยาหม้อ ยาต้ม แต่มีปัญหาคือบางครั้งการผลิตที่ไม่ถูกหลักวิทยาศาสตร์ ไม่มีมาตรฐาน ทำให้ใช้ยาแล้วไม่เกิดประสิทธิผลสูงสุด ดังนั้น เราจึงต้องควบคุมคุณภาพของการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ คือตั้งแต่การเตรียมดิน การเลือกสายพันธุ์ การดูแลบำรุงรักษาพืช และการเก็บผลผลิตไปเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตของเรา เราต้องมั่นใจว่าในดินไม่มีสารพิษใดๆ ตกค้าง ไม่มียาฆ่าแมลง ไม่มีโลหะหนัก เมื่อเราได้พืชที่มีคุณภาพแล้ว เราก็นำไปผลิตเป็นเม็ดยาที่มีคุณภาพ ใช้สะดวก โดยยึดหลักการผลิตตามกรรมวิธีวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการรับรองคุณภาพการผลิต และผ่านกระบวนการทดสอบทางคลินิก เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ เราเลือกผลผลิตจากน่านเป็นการทำงานในเชิง pilot project แล้วจะขยายโครงการไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทย โครงการนี้ให้ประโยชน์ทั้งกับเกษตรกร และช่วยรักษาสภาพแวดล้อม ลดการตัดไม้ทำลายป่า และได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง

l โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้วครับ 

ดร.พรอนงค์ : อันที่จริงคณะเภสัชฯ จุฬาฯ มีโครงการทั้งหมด 10 โครงการ โดยแต่ละโครงการดำเนินไปแล้วในระดับที่ต่างๆ กัน แต่ทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับการยกระดับและพัฒนาพืชทางยาของเรา บางโครงการสำเร็จไปประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเริ่มโครงการก่อน บางโครงการสำเร็จไป 20-30 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นโครงการที่เพิ่งเริ่มลงมือปฏิบัติ ความสำเร็จของโครงการขึ้นอยู่กับความยากความง่ายของแต่ละโครงการ บางโครงการมีความสลับซับซ้อนและมีความละเอียดมาก ก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน โครงการไหนที่เรามีพื้นความรู้เดิมที่ค่อนข้างแน่นหนา เราก็สามารถพัฒนาได้รวดเร็ว ความยากง่ายของโครงการอีกประการคือ ต้องดูว่าเป็นโครงการด้านใด หากเป็นการผลิตยาเพื่อใช้ภายในร่างกาย ก็จะต้องใช้เวลานาน เพราะมีหลายขั้นตอน หากเป็นยาที่ใช้ภายนอก ก็ใช้เวลาสั้นกว่ายาใช้ภายใน แล้วยังต้องพิจารณาถึงการทำงานแต่ละขั้นละตอนด้วย บางขั้นตอนใช้เวลานานมาก แต่บางขั้นตอนใช้เวลาไม่นานมากนัก แต่เรื่องสำคัญคือ บางครั้งการทดลองใดๆ ก็ตามไม่ได้ประสบผลสำเร็จง่ายดาย ต้องใช้เวลาแก้ไขการทดลองหลายต่อหลายครั้งก็มีค่ะ แต่ในฐานะคนทำวิจัยนะคะ เราก็พยายามให้ดีที่สุด เพราะต้องการให้ผลงานออกมาดีที่สุด ปลอดภัยกับคนใช้ยามากที่สุด ดังนั้น ทุกขั้นตอนจึงต้องพิถีพิถันมากเป็นพิเศษ

l เรียนถามรองคณบดีครับ รับผิดชอบโครงการอะไรเป็นพิเศษบ้างครับ

ดร.ปิติ : ส่วนที่ผมเข้าไปดูแล ก็คืองานด้านเภสัชวิทยา การตรวจพิสูจน์หาคุณภาพของพืชสมุนไพร เพื่อให้ได้สารตั้งต้นที่มีคุณภาพดีที่สุด บริสุทธิ์มากที่สุด และนำผลผลิตที่ได้ไปทดลองในเชิงคลินิก โดยทดสอบทั้งในอาสาสมัคร และในสัตว์ทดลอง งานสำคัญที่ผมรับผิดชอบคือ การตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบ ตั้งแต่ตั้งต้นโดยเน้นให้ปราศจากสารปนเปื้อน สารพิษ สารอันตราย และโลหะหนัก รวมถึงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันจุลชีพก่อโรค เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญมาก เพราะว่า หากเราผลิตโดยผ่านกระบวนการต่างๆ จนได้สารสกัดเข้มข้นออกมาแล้ว เราจะนำไปผลิตยา หรือเวชสำอาง เราต้องมั่นใจว่าสารที่เราได้นั้นปราศจากสิ่งปนเปื้อนทุกชนิด ดังนั้นจึงต้องเคร่งครัดกับการผลิตทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้ความรู้กับเกษตรกรในด้านพันธุ์พืช และดินที่ใช้ปลูก ทุกอย่างต้องปลอดภัย เราต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้เขาตั้งแต่เริ่มกระบวนการ และต้องเข้าไปตรวจสอบเป็นระยะ รวมถึงให้ความรู้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตพืชที่มีคุณภาพสูงให้กับเราได้ดี นอกจากนั้นคณะเภสัชฯ จุฬาฯ ยังตั้งศูนย์เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ด้านเคมี และตรวจสอบสารออกฤทธิ์ชนิดต่างๆ จากพืชทางยาหรือสมุนไพรที่เราจะนำไปผลิตในขั้นตอนต่อไป ศูนย์ตรวจสอบของเรามีมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเรามีผลิตจากพืชที่มีคุณภาพสูงได้มาตรฐานสากล และยังเป็นการรับรองคุณภาพการปลูกพืชโดยเกษตรกรของเราอีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงบอกได้ว่าสินค้าของเรามีมาตรฐานระดับโลก 

l การทำงานให้ได้มาตรฐานสากลยากลำบากมากไหมครับ เพราะว่าหลายพื้นที่ในบ้านเมืองของเรามีการใช้ยาฆ่าแมลง ยาปราบศัตรูพืช ใช้ปุ๋ยเคมีมายาวนาน เวลาอาจารย์เข้าไปทำโครงการต้องแก้ปัญหาเดิมโดยใช้เวลานานไหมครับ 

ดร.ปิติ : สารเคมีแต่ละชนิดมีอายุของการสลายตัวไปตามธรรมชาติได้ในระยะเวลาที่ต่างกัน ดังนั้นหากเกษตรกรใช้สารเคมีบางชนิดเมื่อนานมาแล้ว มันก็จะสลายตัวไปได้ตามแต่ละช่วงเวลา ดังนั้น หากเราควบคุมการใช้สารเคมีในระยะเวลาที่เรากำหนด ก็สามารถลดปัญหาได้ นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่ปลูกด้วยพืชบางชนิดมีความสามารถดูดซึมสารเข้าไปได้ โดยผ่านใบผ่านราก หรือลำต้น ดังนั้น ยาที่เราผลิตจากสมุนไพรจึงต้องดูก่อนว่า เราใช้ส่วนใดของพืชไปผลิต เพราะแต่ละส่วนของพืชมีความสามารถดูดซึมสารเคมีได้ต่างกันส่วนการผลิตยาและเวชสำอางนั้น เราใช้ส่วนต่างๆ ของพืช เช่น บางชนิดใช้ใบ บางชนิดใช้ราก บางชนิดใช้ผล เพราะฉะนั้นต้องดูว่าส่วนต่างๆ ของพืชที่เราใช้มีการปนเปื้อนของสารเคมีหรือไม่ แต่ที่สำคัญคือเราเข้าไปแลกเปลี่ยนความรู้กับเกษตรกรในพื้นที่ตลอดเวลา และถ่ายทอดความรู้ใหม่ๆ ให้เกษตรกร เพราะเรามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า พื้นที่การเพาะปลูกในเขตจังหวัดน่านมีความเหมาะสมกับการปลูกพืชทางยาได้ดีกว่าพื้นที่ในจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย เป็นเพราะว่าแร่ธาตุ และสารในดิน สภาพบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม และระดับความสูงเหนือน้ำทะเล รวมถึงอุณหภูมิ และแสงแดดในเขตจังหวัดน่านมีความพิเศษมากกว่าบางจังหวัด ผลผลิตจึงออกมาดี

ดร.พรอนงค์ : ขอเพิ่มเติมนะคะ คือเราต้องเลือกสายพันธุ์ด้วย โดยเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด โดยเราประสานการทำงานเพื่อคัดเลือกสายพันธุ์กับผู้เชี่ยวชาญด้านสายพันธุ์ แล้วควบคุมการปลูก การผลิต โดยปลูกในโรงเรือนที่เหมาะสมและเฉพาะเจาะจงมาก และปลูกตามฤดูกาลเท่านั้น คือเราใช้องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ทุกขั้นตอนเพื่อควบคุมการผลิต การทำงานของเรานั้นเน้นการทำงานร่วมกันเป็นทีม ตั้งแต่เกษตรกร ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุ์พืช นักวิจัย และคณาจารย์ของคณะเภสัชฯ เราน้อมนำพระราชดำรัสของกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงบอกว่าปกติจะเกิดการกลายพันธุ์ของพืช เพราะฉะนั้นต้องทำงานร่วมกันกับทุกฝ่ายอย่างรัดกุม เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีที่สุด และที่สำคัญหากเป็นพืชต่างสายพันธุ์ คุณสมบัติทางยาก็จะต่างกันด้วย ดังนั้นเราจึงต้องมั่นใจว่าใช้สายพันธุ์แท้เท่านั้น เพื่อให้การผลิตยาและเวชสำอางของเรามีคุณภาพดีที่สุด

l เรียนถามท่านคณบดี มียาหรือเวชสำอางตัวใดที่วางตลาดแล้วบ้างไหมครับ

ดร.พรอนงค์ : ในฐานะนักวิจัย ที่แม้จะทำหน้าที่คณบดี แต่ก็ยังต้องทำวิจัยด้วย ขอบอกว่ามีอยู่ตัวหนึ่งที่น่าจะออกสู่ตลาดได้เร็วๆ นี้คือ ครีมรักษาสะเก็ดเงิน ปัจจุบันมียารักษาโรคนี้หลายชนิด แต่ว่ามีสเตียรอยด์ผสมค่อนข้างมาก ซึ่งจะมีผลข้างเคียงมากหากใช้สเตียรอยด์นานๆ แล้วก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดด้วย แต่จากการวิจัยทางเภสัชพบว่าขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการช่วยรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพราะต้านการอักเสบ ปัญหาของผู้ป่วยสะเก็ดเงินคือผิวหนังอักเสบจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เราจึงสกัดเอาสารจากขมิ้นชันไปผลิตครีม โดยผสมกับโปรตีนกาวจากรังไหม ทำให้เพิ่มการดูดซึมได้ดี ออกฤทธิ์ในการรักษาได้ดีมาก เราจดสิทธิบัตรยาตัวนี้แล้ว และมั่นใจว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยที่ทดแทนการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้ เรายืนยันมาตรฐานการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มีการทดลองทางคลินิกทุกขั้นตอน และได้มาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สูตรที่เราคิดค้นนี้เป็นสูตรเฉพาะของเราที่สามารถทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีมาก คาดว่าต้นปี 2567 จะออกวางจำหน่ายได้ แต่มีข้อแม้ว่าการทำงานทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอนที่วางไว้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ เกิดขึ้น
แต่มีอีกชนิดหนึ่งที่ผลิตสำเร็จแล้ว คือเวชสำอางที่ ดร.ปิติ เป็นผู้คิดค้น ดร.ปิติจะช่วยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังค่ะ

ดร.ปิติ : เป็นสเต็มแอคทีฟครับ ผลผลิตตัวนี้มาจากงานวิจัยของคณะเภสัชฯ จุฬาฯ ที่ผมทำวิจัยมาครับ ยุคนี้คนทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชายล้วนต้องการทำให้ตัวเองมีสภาพร่างกายที่ดี และมีสุขภาพดี โดยเฉพาะเรื่องความสวยความงามล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ปฏิเสธ จากการวิจัยของเรา เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ทุกคนว่าเราผลิตของดี มีมาตรฐานสากล ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อผู้ใช้ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีผลช่วยกระตุ้นสเต็มเซลล์ได้ดีมาก ผลผลิตจากการวิจัยนี้อาจจะเป็นเสมือนจิ๊กซอว์ตัวที่หนึ่งของโครงการ Nan One Health เพราะเราผลิตเวชสำอาง หรือยาจากพืชสมุนไพรของเราที่ปลูกในน่าน อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ผลผลิตทางการเกษตรบางชนิดจากน่านมีคุณภาพดีกว่าจากแหล่งอื่นๆ เมื่อนำมาสกัดแล้วใช้ทดสอบในห้องปฏิบัติการแล้วพบว่ามีคุณภาพดีมาก จึงทำให้เราสามารถรับซื้อผลผลิตการเกษตรจากน่านได้ในราคาที่สูงกว่าพืชจากแหล่งอื่นๆ นี่คือการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรด้วย เมื่อเกษตรกรสามารถขายสินค้าได้ราคาดี เขาก็มีกำลังใจผลิตสินค้าเพื่อป้อนให้เรา แล้วเขาก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องโค่นป่า ไม่ต้องเผาป่า ไม่ต้องทำลายป่า แต่เขาปลูกพืชคุณภาพดีในพื้นที่ที่เขามีอยู่แล้วได้

ดร.พรอนงค์ : แน่นอนค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นคือ เราพบว่าชาวบ้านและเกษตรกรที่ทำงานร่วมกับเรามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากเขาไม่ตัดไม้ทำลายป่าแล้ว เขายังไม่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูก ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี แต่ก่อนนั้นเขาขายผลผลิตได้กิโลกรัมละ 30-50 บาท แต่เมื่อเขาผลิตสินค้าคุณภาพดี แล้วเราซื้อเขาราคากิโลกรัมละ 80-90 บาท เขาก็พอใจและตั้งใจผลิตสินค้าดีๆ ให้กับเรา การทำลายป่าก็ลดน้อยลงซึ่งช่วยรักษาระบบนิเวศ และรักษาป่าไม้ต้นน้ำด้วย เราเห็นว่าการทำงานแบบนี้ต้องใช้ความอดทน ความเข้าใจกันและกัน ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ต้องใช้ทั้งกำลังคน กำลังเงิน และกำลังสติปัญญา เราจึงภูมิใจที่โครงการนี้เป็นเสมือนโครงการต้นแบบของการอนุรักษ์ธรรมชาติ และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และทำให้นักวิจัยมีสารตั้งต้นการผลิตที่มีคุณภาพดี เรามั่นใจว่าโครงการดีๆ แบบนี้จะสามารถขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศได้ในอนาคต ก็ต้องขอบคุณมูลนิธิกสิกรไทย โดย เค อะโกร อินโนเวทมา ณ ที่นี้ด้วย

l อาจารย์ปิติครับ ช่วยขยายความเรื่องคุณภาพของพืชที่ดีจากจังหวัดน่านด้วยครับ เพราะอาจารย์บอกว่าผลผลิตจากน่านดีมาก จึงทำให้งานวิจัยที่ทำออกมาเป็นตัวสินค้ามีคุณภาพดีตามไปด้วย 

ดร.ปิติ : เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะว่าจริงๆ แล้ว พืชจะสังเคราะห์สารเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ เมื่อดูจากพื้นที่ของน่าน พบว่าลักษณะของภูมิประเทศบางอย่างค่อนข้างจะรุนแรงกว่าที่อื่น เช่น มีแสงแดดที่ค่อนข้างรุนแรงมาก มีความแล้งสูง ดินมีแร่ธาตุบางชนิดน้อย จนอาจไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตของพืช แต่พืชก็ต้องพยายามดำรงชีวิตให้ได้ จึงต้องพยายามหาอาหารมาหล่อเลี้ยงให้เพียงพอ จึงต้องสร้างสารบางชนิดขึ้นมาเพื่อความอยู่รอดของตนเอง แล้วสารเหล่านี้ ก็ถูกค้นพบว่าสามารถนำไปทำเป็นยาคุณภาพดีได้ จากการวิจัยพบว่าพื้นที่ต่างๆ ของน่านมีปริมาณสารในดินไม่เท่ากัน นี่จึงเป็นสาเหตุทำให้เราหาข้อสรุปร่วมกัน แล้วตัดสินใจตั้งศูนย์วิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญในพื้นที่ต่างๆ เพื่อดูสภาวะเงื่อนไขที่ทำให้พืชแต่ละชนิดต้องปรับตัวเพื่อดำรงชีวิตให้ได้ ซึ่งก็ทำให้ได้ผลดีในการพัฒนาตัวยาในที่สุด ขออนุญาตพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ผมวิจัยได้อีกครั้งนะครับ ตอนนี้เราผลิตเซรั่มได้ เราผลิตเป็นซีรี่ส์เวชสำอาง เป็นคอสเมติก จำพวกสเต็มเซรั่ม และแฮร์โทนิค

ดร.พรอนงค์ : ปัจจุบันนี้ คนเราดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่แค่ดูแลเฉพาะหน้าตาเท่านั้น แต่ดูแลทั้งตัวเลยค่ะ ทั้งผิวหนัง ผม เล็บ แต่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ทำมาจากสารเคมีสังเคราะห์ ซึ่งมีความเสี่ยงในการใช้ เพราะรากผมของเราสามารถดูดซึมสารเคมีได้ง่าย ดังนั้นเราจึงน่าจะลดความเสี่ยงจากสารเคมีไปใช้สารจากธรรมชาติจากสมุนไพร และจากการทดลองของเรา ก็พบว่าเราสามารถสกัดสารมีฤทธิ์จากสมุนไพรของเราได้ โดยเรามีองค์ความรู้ที่แท้จริงในการวิจัยและการผลิต ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของเราผ่านการทดลองมาแล้วจนมั่นใจในมาตรฐานและไว้ใจได้อย่างเต็มที่

l เรียนถามท่านรองคณบดีว่า สารสกัดที่ได้จากพืชที่นำไปผลิตสเต็มแอคทีฟ เซรั่ม และโทนิคทั้งหลายมาจากสมุนไพรอะไรบ้างครับ

ดร.ปิติ : สำหรับแฮร์โทนิคนั้น เราผลิตจากสารสกัดเข้มข้นจากดอกอัญชัน เราสกัดแบบ solvent free คือ ปราศจากตัวทำละลาย จึงปลอดภัยกับผู้ใช้ และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แล้วยังมีสารสกัดเข้มข้มจากมะขามป้อม ผิวมะกรูด เป็นต้น แต่จริงๆ แล้วยังมีสารจะสมุนไพรอื่นๆ อีกด้วย โดยใช้สมุนไพรประมาณ 5-10 อย่างในการผลิต ข้อดีประการสำคัญของสมุนไพรคือจะช่วยเสริมฤทธิ์ของกันและกัน ทำให้มีประสิทธิภาพในการรักษาดีมากขึ้น

ดร.พรอนงค์ : สารตัวต่างๆ ที่เสริมฤทธิ์กันและกันนั้นจะออกฤทธิ์ไปตามแต่ละกลไกค่ะ ตัวอย่างเช่น การรักษาบำรุงรากผม ต้องใช้หลายกลไกช่วย ขอบอกว่าหลักการเสริมฤทธิ์ของสารต่างๆ จากสมุนไพรนั้นมีความมหัศจรรย์มาก ขอบอกอีกทีว่าสมุนไพรของไทยมีคุณภาพดี มีฤทธิ์ทางยาสูงมาก เมื่อเรามีองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และด้านเภสัชศาสตร์ในระดับมาตรฐานสากลแล้ว ก็สามารถผลิตสินค้าคุณภาพดีจากสมุนไพรไทยดีๆ ได้โดยไม่ยากมากนัก สินค้าไทยของเรามีคุณภาพดีราคาไม่แพง เพราะไม่ต้องนำเข้า เราควรจะต้องมาช่วยกันสนับสนุนของไทย ภูมิปัญญาไทย เพื่อให้การผลิตของเราเติบโตและเข้มแข็งสืบต่อไปในอนาคต เพื่อทำให้เกษตรกรไทยมีรายได้ดีขึ้น ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมของไทย และเพิ่มมูลค่าสินค้าของไทย เราต้องเชื่อมั่นฝีมือของคนไทย ต้องช่วยกันสนับสนุนของไทย เพื่อความมั่นคงทั้งทางกายภาพและทางเศรษฐกิจของบ้านเมืองเรา

คุณจะได้ชมรายการไลฟ์ วาไรตี รายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 14.05-14.30 น. ทางโทรทัศน์ NBT กดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ไลฟ์ วาไรตี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

จับตาเคาะ 15,000 ล้าน! 'คลัง'จ่อชง ครม.ออกซอฟท์โลน 3 จว.ชายแดนใต้

ผิดสัญญา! 'ปูติน-ทรัมป์'เบี้ยวโต๊ะเจรจาสงครามยูเครน ทั้งที่เสนอเอง

ด่วน!เกิดเหตุ‘ชายคลั่ง’จับตัวประกันย่าน‘ถ.อิสรภาพ’ ยิงสวนตำรวจ

'นายกฯ'มั่นใจ'ทีมไทยแลนด์'พร้อม 'สหรัฐฯ'ชื่นชมริเริ่มข้อเสนอน่าประทับใจ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved