หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา, รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์, รองประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ให้การต้อนรับและปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ภาวะผู้นำกับหลักทศพิธราชธรรมในการบริหารจัดการองค์กร ข้าราชการเดินตามรอยพระยุคลบาท" ให้แก่ ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในตำแหน่ง ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน ซึ่งเข้าร่วมโครงการพัฒนาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนองค์กรอัจฉริยะ หลักสูตร "การพัฒนาผู้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชากลุ่มงานเพื่อผลสัมฤทธิ์ขององค์กร" จัดโดย สำนักพัฒนาทรัพยากรบุคคล สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ณ พิพิธภัณฑ์วังวรดิศและหอสมุดสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ถนนหลานหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยมีคุณอัมพร ดิศกุล ณ อยุธยา ร่วมให้การต้อนรับ

หม่อมหลวงปนัดดา กล่าวในความตอนหนึ่งว่า :

"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสต่อพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ความว่า "เราทั้งหลายเฉพาะได้เกิดมาในประเทศนี้รวมกันแล้ว บางคนก็ต้องอยู่ในตำแหน่งอันใหญ่ บางคนก็อยู่ในตำแหน่งอันน้อย แต่แม้ว่าจะมียศตำแหน่งแปลกกันในระหว่างพวกเราฉันใดก็ดี ก็ยังมีหน้าที่อันหนึ่งซึ่งเราทั้งหลายย่อมมีอยู่เหมือนกันหมด คือ ว่ามีหน้าที่ที่จะต้องมีรักซึ่งกันและกัน แลจะต้องกระทำการตามกำลังของตนที่จะกระทำได้ เพื่อให้บ้านเมืองของเรามีความสุข รุ่งเรืองขึ้น"  และพระราชดำรัสสำคัญอีกประการหนึ่ง ความว่า "พระมหามงกุฎเป็นเครื่องหมายของราชาธิปไตย พระมหามงกุฎสง่างามด้วยประดับเพชรนิลจินดาอันมีค่าฉันใด ข้าราชการที่อุตส่าห์พยายามช่วยกันทะนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญสุข ก็เปรียบเหมือนเพชรนิลเครื่องประดับพระมหามงกุฎฉันนั้น"

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ คนไทยคนแรกที่องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศถวายสดุดีให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ได้ประทานพระดำรัสแก่ข้าราชการผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่างพระเนตรพระกรรณพระมหากษัตริย์ ความว่า "จิตวิญญาณของผู้เป็นข้าราชการของแผ่นดิน คือ ความจงรักภักดีเหนือสิ่งอื่นใด ที่จะให้ผู้ใดมาลบหลู่ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้" และ "ข้าราชการมิใช่อภิสิทธิ์ชน หากแต่จะต้องบำเพ็ญตนให้เป็นแบบอย่างของคนดีแก่สังคม"

จากพระราชดำรัสและพระดำรัสข้างต้น ข้าราชการทุกหมู่เหล่าพึงน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติทั้งในการดำเนินชีวิตและในการปฏิบัติราชการ หลักการสำคัญอันหนึ่งที่จะนำมาเป็นพื้นฐานได้ดีคือ หลักทศพิธราชธรรม : ธรรมของพระราชา คุณธรรมของผู้ปกครองบ้านเมือง สามารถนำมาปรับใช้กับการครองตน ครองคน และครองงาน เพื่อการบริหารจัดการองค์กร พิทักษ์รักษาสังคมและชาติบ้านเมือง เช่น การสำรวมระมัดระวังทั้งทางกาย วาจา ใจ, การรู้จักเสียสละเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม, มีความสัตย์ซื่อสุจริต, อ่อนโยนมีเมตตากรุณา, รู้จักระงับความโกรธ, ไม่เบียดเบียน หลงระเริงในอำนาจ, มีความอดทน และมีความหนักแน่น เที่ยงธรรม เป็นต้น

ดังนั้น ข้าราชการทุกคนพึงยึดหลักทศพิธราชธรรมเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิตสู่ความสำเร็จบริบูรณ์ ด้วยความซื่อตรง มีความกตัญญูกตเวทีต่อแผ่นดิน และสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม มีความเพียรในการทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ดำรงตนเป็นสุภาพชนแบบอย่างแก่ผู้คนในสังคม และลูกหลานเยาวชนเพื่อสร้างเสริมคนดีมีคุณภาพให้แก่สังคมและประเทศชาติ ร่วมกันน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด ตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งทรงมีพระบรมราชปณิธานให้คนในชาติมีความรู้รักสมัครสมานสามัคคีต่อกัน เพื่อเป็นพลังของแผ่นดินในการดูแลรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบไป"

-(016)