ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของชาวจีน และเป็นประเทศที่รัฐบาลจีนไว้วางใจ ให้กรุ๊ปทัวร์เดินทางออกมาเป็นกลุ่มแรก ขณะที่ประชาชนต่อแถวยาวเหยียดรอเข้าร่วมงานเทศกาลไทย ประจำปี 2023 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11-12 มี.ค. ที่ผ่านมา ภายในทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่ง ของจีน ท่ามกลางสภาพอากาศอันแปรปรวนในช่วงเดือนมีนาคม
งานเทศกาลไทยปีนี้เพียบพร้อมด้วยบูธขายอาหารและขนมไทย โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อนนำเข้าจากไทยที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมจำนวนมาก ขณะผู้เข้าชมสามารถเลือกที่จะแต่งกายด้วยชุดไทยโบราณเดินถ่ายภาพภายในงาน ซึ่งให้บรรยากาศราวกับเดินอยู่ในตลาดเมืองไทย
งานเทศกาลไทยประจำปีเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางวัฒนธรรมไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปักกิ่ง ปีนี้สามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมมากกว่า 6,000 คน ทั้งยังรวบรวมอาหารไทยมากกว่า 50 เมนู จากร้านอาหารไทยชื่อดังเกือบ 20 แห่งทั่วปักกิ่ง
อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีน เผยว่าอาหารไทยรสชาติต้นตำรับที่มีให้เลือกสรรหลากหลายถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของงานปีนี้ โดยต้มยำกุ้ง ส้มตำ และคอหมูย่างเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
พง เชฟชาวไทยประจำร้านอาหารไทย“เวรี่ สยาม” (Very Siam) เผยว่าเขามาออกบูธที่งานเทศกาลไทยบ่อยครั้งจนมีลูกค้าติดใจฝีมือและตามไปกินถึงที่ร้าน ด้านสุขุมาล ตู้ หญิงไทยเจ้าของร้านอาหารไทย ซึ่งแต่งชุดไทยมาออกบูธปีนี้เผยว่าเธอเตรียมเมนูแปลกใหม่อย่างกุ้งดองสไตล์ไทยมาให้ผู้ร่วมงานลิ้มลอง และหวังว่าความกระตือรือร้นของเธอจะทำให้ลูกค้ารู้สึกราวกับว่าคนไทยกำลังทำอาหารให้แขกกินที่บ้าน
จิน หนึ่งในผู้เข้าชมงาน กล่าวว่าเธอชอบวัฒนธรรมไทยและประทับใจในความกระตือรือร้นและความเป็นมิตรของคนไทย โดยเธอตั้งตารอที่จะเดินทางเยือนไทยอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ทูตอรรถยุทธ์ กล่าวถึงความรู้สึกดีใจที่ไทยยังคงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนอยากไปหลังเกิดโรคระบาด พร้อมแสดงความหวังว่างานเทศกาลไทยนี้จะดึงดูดผู้คนเดินทางไปเที่ยวไทยมากขึ้น
สถิติจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย พบนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเยือนไทยมากกว่า 300,000 คน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 7 มี.ค. 2023 ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมากเป็นอันดับ 4
อย่างไรก็ดี ในขณะที่ประเทศไทยกำลังฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจีนคือกำลังขับเคลื่อนสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้ บางพื้นที่ ตลาด ห้างสรรพสินค้าอาจต้องปิดตัวลงหากขาดนักท่องเที่ยวจีนเหมือนในช่วงการระบาดที่ผ่านมา แต่ล่าสุดมีกระแสที่ไม่ดีต่อไทยนัก คลิปดังกล่าวปั่นจนเกิดเป็นกระแส “เมืองไทยไม่ปลอดภัย”, “เมืองไทยแดนค้าอวัยวะ” ระวังมาไทยโดนขโมยไต” คลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไปแล้ว เกือบสี่ล้านครั้ง ผ่าน weibo douyin youtubeจากบัญชี ของชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า ซึ่งจำนวนผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเป็นล้านคนในข้ามคืนเพราะเรื่องที่มโนขึ้นมาดิสเครดิตเมืองไทย
-ว่าเมืองไทยเป็นฐานของกองกำลังตะวันตก ล่อลวงคนจีนมาเที่ยว เพื่อดักจับเอาอวัยวะไปขายในกัมพูชา
-ใช้ร้านบาร์โฮสอันโด่งดัง ที่มีพนักงานหนุ่มหล่อมาต้อนรับ เป็นเป้าหมายที่อินฟลูเอนเซอร์สาวแท้สาวเทียมจากจีนต้องมาเช็คอินว่านี่แหละคือ โรงเชือด สร้างชุดความเชื่อขึ้นมาว่าเมืองไทยอันตราย
ปัญหาคือคนจินตนาการแล้วก็เชื่อ ยังมีคนจีนอีกหลายร้อยล้านคนที่ยังไม่เคยมาเมืองไทย เชื่อว่าคนไทยขี่ช้างไปทำงาน เชื่อว่าเราจับผู้ชายมาแปลงเป็นผู้หญิงเพื่อค้าประเวณี สร้างรายได้การท่องเที่ยว พอได้ฟังคลิปนี้ก็ไม่กล้ามา และเกิดเป็นกระแสในจีน อีกทั้งคนดังหรืออิฟลูเอนเซอร์คนไหนที่มาเที่ยวไทย และถ่ายคลิปหรือเช็คอินที่ประเทศไทย ก็จะมีชาวจีนบางส่วนมาคอมเมนต์เชิงเตือนคนนั้นว่า ให้ระวังหากคุณมาเที่ยวไทย หรือคุณไม่กลัวโดนค้าอวัยวะหรอ ?
แต่คนที่โพสต์คลิปดีๆ โพสต์อาหารไทยอร่อยๆ โพสต์ทะเลสวยๆ ตอนนี้กลายเป็นโดนคนจีนที่ไม่เคยมาเที่ยวเมืองไทยเข้ามารุม หาว่าเป็นขบวนการสมรู้ร่วมคิด
ล่าสุด สำนักข่าวทางการในจีนเริ่มรายงานข่าว นายกฯไทยสั่งการให้สะสางข่าวลือความปลอดภัยท่องเที่ยวไทยแล้วครับ สำนักข่าวจากปักกิ่งรายงานเพื่อช่วยสยบข่าวลือกับเบรกให้พวกคนจีนที่คิดจะผลิตคอนเทนต์ดิสเครดิตเมืองไทย
เนื้อข่าวคือ - โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อนุชา บูรพชัยศรี จัดแถลงข่าวพร้อมเปิดเผยกับสื่อจีนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการต่างๆ โดยเฉพาะกรณีมีเฟคนิวส์ หรือข่าวเท็จที่ระบุถึงการเดินทางมาในประเทศไทย อาจเกิดอันตรายต่างๆที่กำลังแพร่หลายในโซเชียลจีนเป็นเฟคนิวส์ ไม่เป็นความจริง ได้มอบหมายให้ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้ชี้แจงให้สื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบข้อเท็จจริง
ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ก็ได้ออกแถลงการณ์ทั้งสองภาษา ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง
สรุปประเด็นได้ว่า ประเทศไทยไม่ได้นิ่งนอนใจต่อข่าวลือสร้างความไม่สบายใจที่สร้างความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นขอให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
ยังไงก็คงต้องจับตาดู มาตรการฟื้นฟูภาพลักษณ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยว กระทรวงการต่างประเทศของไทย หลังจากนี้ ว่าเราจะฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับมาได้แค่ไหน มีมาตรการป้องกันในอนาคตหรือไม่ และจะนำตัวผู้เผยแพร่เฟคนิวส์ที่สร้างความเสียหายมารับโทษได้หรือไม่ หรือจะปล่อยให้เขาทำลายการท่องเที่ยวไทยแลกกับการได้จำนวนผู้ติดตามเป็นล้านไปฟรีๆ
เพราะการสร้างความสัมพันธ์ไม่ง่าย การทำลายนั้นอาจใช้เวลาชั่วข้ามคืนเราต้องช่วยกันให้มากขึ้นเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของเจ้าบ้านที่ดีโดยเฉพาะในเวลานี้
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี