ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธาน กก.มูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ฯ (กลาง) มอบรางวัลคึกฤทธิ์ประจำปี 2566 ให้กับคณะละครชาตรีจงกล โปร่งน้ำใจ สาขาศิลปะการแสดง, อัศศิริ ธรรมโชติ สาขาวรรณศิลป์ และ อำไพ บุญรอด สาขาศิลปะการแสดง ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ซ.รางน้ำ
มูลนิธิคึกฤทธิ์ 80ฯ เปิดโผผู้ได้รางวัลคึกฤทธิ์ ประจำปี 2566 โดยคณะกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ได้มีมติปรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้ครอบคลุมศิลปะการแสดงพื้นบ้าน รางวัลคึกฤทธิ์จะแบ่งออกเป็น 2 สาขา ได้แก่ สาขาศิลปะการแสดง และ สาขาวรรณศิลป์ โดยสาขาศิลปะการแสดง มี 2 รางวัล ประเภทคณะบุคคล และประเภทรายบุคคล สาขาวรรณศิลป์ 1 รางวัล รวมรางวัลคึกฤทธิ์ทั้งสิ้น 3 รางวัล
รางวัลคึกฤทธิ์ ถือเป็นรางวัลอันทรงคุณค่าที่เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายจากสาธารณชน โดยรักษาอัตลักษณ์ของ “ความเป็นคึกฤทธิ์” ในแง่ศิลปะที่สอดแทรกความเป็นตัวของตัวเอง ในขณะเดียวกันต้องมีความเป็นอิสระ และสามารถพัฒนางานศิลปะในสาขาของตนให้มีคุณค่าต่อสังคม การมอบรางวัลคึกฤทธิ์ได้เริ่มต้นจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 ปีนี้เป็นปีที่ 12 (ปี 2564-2565 งดการมอบรางวัล) คณะกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ได้สรรหาบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานเป็นที่ยอมรับ
ผลการประกาศ รางวัลคึกฤทธิ์ ปี 2566 สาขาศิลปะการแสดง คณะบุคคล ได้แก่คณะละครชาตรีจงกล โปร่งน้ำใจ คณะละครชาตรีที่สืบเชื้อสายมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยทางคณะได้อนุรักษ์และทำการแสดงละครชาตรีมาจนถึงปัจจุบัน และ รายบุคคล ได้แก่ อำไพ บุญรอด ศิลปินดีเด่นจังหวัดระยอง ผู้พากษ์และเชิดหนังใหญ่วัดบ้านดอนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของภาคตะวันออก สาขาวรรณศิลป์ ได้แก่ อัศศิริ ธรรมโชติ ศิลปินแห่งชาติ เจ้าของรางวัลซีไรท์ ปี 2524 นักเขียนหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อ “ขุนทอง เจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง”
อำไพ บุญรอด พูดถึงการได้รับรางวัลประเภทบุคคลในสาขาศิลปะการแสดงครั้งนี้ว่า “ไม่นึกไม่ฝันนะครับว่าคนที่อยู่ต่างจังหวัดแบบผมจะมีโอกาสได้รับรางวัลนี้ เป็นความภาคภูมิใจและรู้สึกดีใจอย่างมากครับเพราะศิลปะอย่างหนังใหญ่ในประเทศไทยไม่ค่อยแพร่หลาย ผมเป็นห่วงอยู่ว่ามันจะสูญสิ้นไป เพราะ ณ ปัจจุบันนี้ที่มีการสืบสานเหลืออยู่แค่ 2 คณะ คือหนังใหญ่วัดบ้านดอน จ.ระยอง และวัดขนอน จ.ราชบุรี ผมกลัวว่าในอนาคตเด็กไทยก็จะเห็นหนังใหญ่ที่แปะไว้บนผนังพิพิธภัณฑ์ ขาดชีวิตชีวาของมัน หนังใหญ่มันต้องเชิด ต้องเต้นไปตามจังหวะดนตรี ใจหายมากครับ ถ้าถึงวันที่หนังใหญ่มันไม่มีลมหายใจ”
คณะละครชาตรีจงกล โปร่งน้ำใจโดย จารุวรรณ สุขสาคร (ครูหมู) ตัวแทนคณะฯ ที่ได้รับรางวัลคึกฤทธิ์ สาขาศิลปะการแสดงส่งเสียงผ่านรางวัลคึกฤทธิ์ถึงสภาพปัจจุบันของศิลปินพื้นบ้าน “เราก็ดีใจนะว่าวิชาความรู้ที่เรามีอยู่ มีคนเห็นว่ามันมีคุณค่า ถึงให้รางวัลกับเรา รางวัลเป็นการการันตีจากหน่วยงานต่างๆ มันก็จะสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วคนก็จะเข้ามาเป็นลูกศิษย์ เข้ามาช่วยสืบสาน ครูหมูไม่ได้เรียนจากกรมศิลปากร เราเรียนจากพ่อแม่สอนเรา เป็นศิลปินพื้นบ้านธรรมดา วิถีของศิลปินพื้นบ้านคือต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง ไม่ได้มีหน่วยงานรัฐเข้ามาสนับสนุน เพราะถึงเขามีงบสนับสนุน ศิลปินพื้นบ้านจริงๆ เขาไม่มีความรู้ว่าจะไปขอการสนับสนุนจากหน่วยงานไหนคนที่ไปของบจริงๆ คือคนที่มีความรู้ และคนที่ไปขอไม่ใช่ศิลปิน เงินที่ได้มาก็จัดฉากกันไป เพราะฉะนั้นมันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย แต่โชคดีที่คณะครูหมูได้อยู่ตรงพระพรหมเอราวัณมีงานประจำเป็นหลัก เราก็มีทุนที่จะไปสอนเด็กๆ ได้แต่ทุกคนไม่สามารถทำได้อย่างเรา พอทำไม่ได้ก็จะค่อยๆ หายไปๆ อย่างย่านหลานหลวงเมื่อก่อนมีคณะละครประมาณ 10 กว่าคณะ แต่ปัจจุบันนี้เหลืออยู่ไม่ถึง 3 คณะ เขาก็ผันตัวเองไปทำอย่างอื่นกันเพราะละครชาตรีมันไม่สามารถ เลี้ยงชีพได้แล้ว”
อัศศิริ ธรรมโชติ ศิลปินแห่งชาติผู้ได้รับรางวัลคึกฤทธิ์ สาขาวรรณศิลป์ พูดถึงการเป็นนักเขียนของเขาว่า “ขุนทอง เจ้าจะกลับเมื่อฟ้าสาง เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นของผมเล่มแรก และเป็นเรื่องที่ทำให้ผมพลิกภาพจากนักหนังสือพิมพ์มาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัว หนังสือเรื่องนี้เป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก แม้จนถึงทุกวันนี้คนก็เอาไปใช้เรียนกัน การได้รับรางวัลในฐานะนักเขียนเป็นความรู้สึกดีใจและภูมิใจ ยิ่งครั้งนี้เป็นรางวัลคึกฤทธิ์ ก็เหมือนผมได้รับรางวัลจากครู เพราะอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านเหมือนเป็นครูนอกห้องเรียนคนหนึ่งของผม ผมอาศัยครูพักลักจำสมัยที่ผมอ่านหนังสือของท่านตั้งแต่เป็นนักเรียน และยังเข้าไปทำงานที่สยามรัฐกับท่าน เรียกว่าท่านเป็นต้นแบบในการเขียนหนังสือของผม”
มูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ฯ คาดหวังให้การมอบรางวัลคึกฤทธิ์เป็นการส่งเสริม สนับสนุนผู้ที่ทำงานด้านศิลปวัฒนธรรมให้มีกำลังใจที่จะดำรงและอนุรักษ์ความเป็นไทยสืบต่อไป ติดตามกิจกรรมการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมของไทย พร้อมอัปเดตข่าวสารต่างๆ จากมูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ฯ ผ่านช่องทาง Facebook: @kukritinstitute Tiktok : kipac.kukrit.2454@gmail.com IG : @kukritinstitute
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี