วันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ตายแต่ตัว ชื่อยังฟุ้งไปทั่วทั้งกรุง ก็ไม่ลืมได้

ตายแต่ตัว ชื่อยังฟุ้งไปทั่วทั้งกรุง ก็ไม่ลืมได้

วันจันทร์ ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag :
  •  

เสด็จในกรมท่านทรงเน้นการทำงานอย่างจริงจัง ทำสิ่งใดต้องทำให้สำเร็จ และทรงเน้นความรักชาติบ้านเมือง ทรงวางพระองค์เป็นกันเองกับทหารเรือ เพื่อให้ทำงานร่วมกันได้สัมฤทธิผล 

ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย นำคุณไปสนทนาประเด็น 100 ปี วันสิ้นพระชนม์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กับ ม.ร.ว. (หญิง) จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากร พลเรือเอกไพโรจน์ แก่นสาร อดีตผู้บัญชาการสถาบันการทหารเรือชั้นสูง และ รศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 


l กราบเรียนถามคุณหญิงถึงพระโอวาทต่างๆ ที่เสด็จในกรมฯ ท่านพระราชทานให้กับคนในราชสกุลอาภากร ที่ได้รับการปลูกฝังกันต่อๆ มาครับ

ม.ร.ว.จิยากร : สิ่งที่คนในครอบครัวหรือในราชสกุลของเราถูกปลูกฝังมาโดยตลอดคือ ต้องทำความดี ต้องตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทย ต้องไม่ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย คำสอนเหล่านี้คือสิ่งที่ปลูกฝังในสมาชิกราชสกุลอาภากรมาโดยตลอด ในฐานะที่ดิฉันเป็นหลานของเสด็จในกรมฯ ก็ระลึกถึงคำสอนนี้เสมอมา แล้วก็เชื่อว่าพระโอวาทของเสด็จในกรมฯ ยังได้รับการตอกย้ำในสังคมไทยมาโดยตลอดด้วย ดังนั้นเราจึงพบว่าสังคมไทยยังมีคนทำดีเพื่อชาติบ้านเมืองอีกมากมาย และทรงเข้าใจสัจธรรมของชีวิตมนุษย์เป็นอย่างดีว่า มีขึ้นมีลง ไม่มีอะไรจีรัง แต่ก็ทรงเน้นเสมอว่า เมื่อเกิดเป็นคนก็ต้องทำดี เพราะชื่อเสียงและความดีจะปรากฏตลอดไป แม้ตัวจะตายไปแล้วก็ตาม

l ในโอกาส 100 ปี วันสิ้นพระชนม์ของเสด็จในกรมฯ ทราบมาว่ามูลนิธิฯ ได้ทำกิจกรรมต่างๆ มากมายเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่เสด็จในกรมฯ ขอความกรุณาเล่าให้ฟังโดยคร่าวๆ ครับ

ม.ร.ว.จิยากร : สิ่งที่มูลนิธิฯ ทำไปแล้วคือการกลับไปค้นคว้าศึกษาถึงพระกรณียกิจต่างๆ ที่เสด็จในกรมฯท่านทรงทำไว้ โดยย้อนไปตั้งแต่สมัยเสด็จไปทรงศึกษาต่อด้านทหารเรือที่อังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2436 แต่เมื่อครั้งนั้นยังทรงพระเยาว์มาก ต้องไปเตรียมการเพื่อจะให้ได้ทรงเข้าศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายเรือของอังกฤษอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งทรงสอบเข้าศึกษาต่อได้ จากการที่มูลนิธิฯ ได้ไปค้นหาพระประวัติสมัยทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ ก็ทำให้ได้ข้อมูลเชิงประจักษ์หลายชิ้น ซึ่งมีหลักฐานเป็นเอกสารเก็บรักษาไว้ในประเทศอังกฤษ เช่น พระราชประวัติสมัยทรงศึกษาในโรงเรียนนายเรืออังกฤษ หลักฐานต่างๆ ที่เราค้นหาได้ทำให้ทราบว่าทรงพระวิริยอุตสาหะในการศึกษามาก ทรงทำคะแนนได้ดีจนได้รับการยอมรับจากพระอาจารย์และเหล่าพระสหายร่วมรุ่น นอกจากนั้นยังพบว่าทรงประพฤติตามพระบรมราโชวาทของรัชกาลที่ 5 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องการไม่ทำตัวว่าเป็นลูกเจ้าลูกนาย แต่ให้ทรงทำตัวแบบคนธรรมดาทั่วไป เน้นความประหยัดมัธยัสถ์ เน้นความอดทน ตั้งประทัยแน่วแน่ในการทำกิจต่างๆ เพื่อให้สามารถนำความรู้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน จากการไปค้นคว้าพระราชประวัติของเสด็จในกรมฯ จากอังกฤษในครั้งนั้น ก็ทำให้มูลนิธิฯ สามารถผลิตสารคดีการเสด็จไปทรงศึกษาในอังกฤษของเสด็จในกรมฯ ได้เป็นที่เรียบร้อย ทำให้มีหลักฐานด้านวิชาการชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่ง และจากหลักฐานอื่นๆ ที่มีมากมายก็บ่งชี้ชัดเจนว่าเมื่อเสด็จกลับมาทรงรับราชการก็ทรงมีส่วนสำคัญในการพัฒนากิจการทหารเรือไทยให้มีความเจริญทัดเทียมอารยประเทศ และยังทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ดนตรีไทย นาฏศิลป์ไทย ทรงเล่นโขน ทรงขับเสภา เป็นต้น และยังทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านยาสมุนไพรไทย เมื่อทรงว่างเว้นจากงานกองทัพเรือ ก็ทรงศึกษาค้นคว้าตำรายาสมุนไพรของไทย และทรงพระนิพนธ์ตำรายาตำรับหมอพรไว้ 15 เล่ม ทรงวาดภาพด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เพื่อประกอบหนังสือ และทรงเขียนตำรับยาด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์ด้วย ชื่อตำรายาหมอพร เล่ม 1 พระคัมภีร์อติสาระวรรค โบราณะกรรม แลปัจจุบันนะกรรมในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตำรายาเล่มนี้ถูกนำกลับมาพิมพ์ใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้ มูลนิธิฯ กำลังทำตำรายาเล่มที่สอง ชื่อ ตำรายาสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยค้นคว้าอ้างอิงจากตำรายาในราชสำนักสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ตำรายาของพระองค์ท่านทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยรู้จักพระองค์ท่านในพระนามหมอพร และทรงเป็นที่พึ่งที่พิงของคนไทยเสมอมา แม้เมื่อสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ก็ยังมีผู้คนทั่วประเทศระลึกถึงพระองค์ท่าน ยังไปกราบพระองค์ท่านเพื่อให้มีที่ยึดเหนี่ยวทางใจตลอดเวลาก็ต้องเรียนตรงๆ ว่าในฐานะสมาชิกราชสกุลอาภากรก็รู้สึกภาคภูมิใจในพระองค์ท่าน และดีใจมากที่ได้เกิดอยู่ในราชสกุลอาภากร แล้วที่สำคัญคือเราทุกคนก็ต้องช่วยกันรักษาสืบสานพระกรณียกิจของพระองค์ไว้ต่อไป โดยเฉพาะเรื่องความรักชาติบ้านเกิดเมืองนอน เรื่องการทำดีต่อบ้านเมือง และต้องช่วยพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป เราเป็นคนที่ถูกสอนว่าเรามีรากมีเหง้า มีความเป็นมา เรามีภูมิปัญญา มีศิลปวัฒนธรรม ขนบประเพณีอันดีงาม เราต้องช่วยกันรักษาและทำนุบำรุงเรื่องดีงามที่บรรพชนของเราสร้างสรรค์ไว้ สิ่งหนึ่งที่ดิฉันและมูลนิธิฯ กำลังทำก็คือการส่งเสริมให้คนไทยได้เรียนรู้ยาสมุนไพรภูมิปัญญาไทยมากขึ้น โดยล่าสุดได้ทำสวนสมุนไพรไทย ไว้ที่บริเวณรอบตำหนักเสด็จในกรมฯที่พูลตาหลวง สัตหีบ เรากำลังจัดสร้างอาคารเพื่อฝึกอบรมให้ความรู้ด้านสมุนไพรไทย เพื่อให้ทั้งความรู้และเพื่อฝึออาชีพให้กับผู้สนใจสมุนไพรไทยไปพร้อมๆ กันนอกจากนี้ในทุกปี มูลนิธิฯได้จัดกิจกรรมเดินวิ่งการกุศลเพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนิยมออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี และยังจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาของเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลในหลายจังหวัด และโดยส่วนตัวดิฉันเอง ก็รู้สึกปลาบปลื้มและยินดีที่ทราบว่าคนไทยยังระลึกถึงพระองค์ท่านมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้ว่าในหลายจังหวัดทั่วประเทศมีพระอนุสาวรีย์ของเสด็จในกรมอยู่ตั้งแต่ใต้จรดเหนือ ตะวันออกจรดตะวันตก นี่คงจะเป็นเพราะคนไทยยังถวายความเคารพต่อพระองค์ท่านเสมอมา

l กราบเรียนถาม พล.ร.อ.ไพโรจน์ ในฐานะทหารเรือ และผู้ที่ศึกษาพระประวัติ และพระกรณียกิจของเสด็จในกรม ได้เห็นความสำคัญในประเด็นใดบ้างครับ

พล.ร.อ.ไพไรจน์ : เหตุผลหลักที่ผมสนใจศึกษาพระประวัติของพระองค์ท่าน คือทรงมีความสามารถพิเศษเหนือคนทั่วไปหลายประการ ทรงทำคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินไทยไว้มากมาย ทั้งๆ ที่ทรงมีพระชนม์ชีพเพียง 44 พรรษาเท่านั้น พระกรณียกิจสำคัญประการแรกคือทรงพัฒนากิจการกองทัพเรือสยามในยุคกว่า 100 ปีก่อนให้เจริญทัดเทียมอารยประเทศ สมัยก่อนที่พระองค์จะทรงพัฒนากองทัพเรือนั้น ประเทศของเราต้องจ้างฝรั่งต่างชาติมาเป็นผู้ดูแลกิจการกองทัพเรือ แต่เมื่อทรงสำเร็จการศึกษามาจากอังกฤษ ทรงใช้เวลาสั้นๆ แต่ทรงพัฒนากองทัพเรือได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้คนไทยสามารถดูแลจัดการกองทัพเรือได้ด้วยตัวเอง ทำหน้าที่ผู้การเรือ และหน้าที่ต่างๆ ในเรือของกองทัพได้เป็นอย่างดี พระองค์ท่านทรงฝึกหัดทหารเรือด้วยพระองค์เองทรงดูแลจัดการวางระบบระเบียบให้นักเรียนนายเรือในยุคเริ่มต้นด้วยพระองค์เอง สมัยที่โรงเรียนนายเรือตั้งอยู่ในเขตพระราชวังเดิม ทรงเอาพระทัยใส่นักเรียนนายเรืออย่างจริงจัง จนสามารถทำงานกองทัพเรือได้โดยไม่ต้องพึ่งต่างชาติอีกต่อไป คือทรงพัฒนาทั้งตัวบุคคลและองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพจนกองทัพเรือไทยมีสมรรถนะในการปกป้องพระราชอาณาจักรทางทะเลได้เป็นอย่างดี ความเจริญที่ทรงสร้างให้กองทัพเรือนั้น ผมขอเน้นเรื่องที่ทรงจัดระบบการศึกษา และทรงดูแลความเป็นอยู่ของนักเรียนนายเรือด้วยพระองค์เอง ทรงให้ความใกล้ชิดเป็นกันเองมาก ทรงสอนเอง และทรงพระนิพนธ์ตำราให้ทันสมัย เช่น ตำราอุทกศาสตร์ ตำราดาราศาสตร์ ตำราวิชาการด้านทหารเรือ ด้านการรบในทะเล ทรงเน้นทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติสิ่งหนึ่งที่ทหารเรือซาบซึ้งคือทรงเป็นกันเองมากกับทหารเรือทรงให้เรียกพระองค์ว่าเตี่ย เพื่อให้เกิดความใกล้ชิดกันในเวลาทำงานร่วมกัน ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ผมกล่าวมานี้จึงทำให้กองทัพเรือของเราเข้มแข็ง เป็นกำลังหลักอย่างหนึ่งในการป้องกันอธิปไตยของประเทศ และที่จะต้องกล่าวอีกประการคือ ทรงมีพระวิสัยทัศน์กว้างไกลเพื่อกองทัพเรือ ทรงกราบบังคมทูลขอพระราชทานที่ดินบริเวณสัตหีบเพื่อเป็นฐานทัพเรือ ทั้งๆ ที่ในสมัยก่อนนั้นบริเวณสัตหีบยังไม่มีความเจริญแต่อย่างใด แต่ทรงสำรวจแล้วเห็นว่ามีชัยภูมิที่เหมาะกับการตั้งฐานทัพเรือ จนทุกวันนี้ก็ได้ปรากฏชัดว่าสัตหีบคือฐานทัพเรือที่สำคัญของเรา มีหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพเรือประจำการอยู่ที่สัตหีบ เช่น กองเรือยุทธการ กองบัญชาการนาวิกโยธินกรมต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นต้น ทั้งหมดนี่มาจากสายพระเนตรที่ยาวไกลของพระองค์ทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้คือความภาคภูมิใจของทหารเรือไทยทุคน นอกจากนั้น พระองค์ท่านยังทรงมีความเป็นนักสู้ที่เข้มแข็ง ทรงอดทนทั้งกายและใจ ทรงไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้น ทรงมุ่งมั่นตั้งพระทัยทำงานจริงจนสำเร็จ และยังทรงมีความสามารถในการดนตรี ทั้งดนตรีไทยและดนตรีสากล ทรงเชี่ยวชาญในสรรพศิลป์และสรรพศาสตร์นานา แล้วเมื่อทรงว่างเว้นจากงานทหารเรือก็ทรงค้นคว้าศึกษาด้านสมุนไพรไทย และแพทย์แผนไทยนี่คือความมหัศจรรย์ของเสด็จในกรมที่ทรงปฏิบัติให้คนไทยได้ประจักษ์แล้ว 

l กราบเรียนถาม ดร.ปรีดี ในฐานะผู้ทำวิจัยพระกรณียกิจของเสด็จในกรมฯ ทรงก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่สำคัญกับประเทศชาติของเราบ้างครับ

รศ.ดร.ปรีดี : ต้องเน้นว่าทรงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของกองกำลังรบทางเรือของไทย เพราะทรงเป็นผู้วางรากฐานที่แท้จริง เนื่องจากสยามหรือไทยในยุคนั้นไม่มีกำลังรบทางทะเลมาก่อน อันที่จริงต้องย้อนไปพูดเรื่องจุดเปลี่ยนสำคัญของสยามในอดีตในยุครัตนโกสินทร์ก่อน ซึ่งมีหลายช่วง ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นคือช่วงรัชกาลที่ 4 ถึงรัชกาลที่ 5 ทรงวางรากฐานให้สยามในครั้งนั้นพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น ทรงพัฒนาการศึกษาของสยามเมื่อทรงวางรากฐานการศึกษาแล้ว สมัยรัชกาลที่ 5 ทรงส่งพระราชโอรสไปทรงศึกษาต่อในประเทศตะวันตก เพื่อให้ทรงนำความรู้และวิวัฒนาการด้านการศึกษาและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในยุคนั้นกลับมาพัฒนาประเทศ ทรงเน้นให้ไปนำความรู้ทันสมัยจากตะวันตกเข้ามาพัฒนาบ้านเมือง แต่ก็ทรงเน้นว่าต้องรักษาความเป็นไทยไว้ให้มั่นคง เราพบว่าสยามในยุคนั้นได้รับอิทธิพลด้านความรู้จากตะวันตกมากมาย แต่เราก็สังเกตได้ว่าพระราชโอรสทุกพระองค์ไม่ได้เอาแบบตะวันตก แต่ยังทรงรักษาความเป็นไทยไว้ได้อย่างดี สำหรับพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์นั้นทรงมีพระบุคลิกลักษณะพิเศษประการหนึ่งคือทรงได้รับการอบรมอย่างดีจากเจ้าจอมมารดาโหมด ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าจอมที่มีทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิและมีปัญญาวุฒิที่พรั่งพร้อม  ด้วยเหตุที่สืบสายมาจากผู้ที่มีบทบาทสำคัญในราชสำนักสยามในยุคนั้น เพราะฉะนั้นความรู้ต่างๆ ที่เจ้าจอมมารดาโหมดถวายให้พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์จึงนับเป็นเรื่องสำคัญ เป็นการปูพื้นฐานสำคัญให้ ในขณะเดียวกันพระองค์เจ้าอาภากรฯ ทรงผูกพันกับรัชกาลที่ 6 มาก เพราะทรงไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษพร้อมกัน และที่สำคัญอีกประการคือ พระองค์เจ้าอาภากรฯ ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เข้าพระราชพิธีโสกันต์บนเขาไกรลาส ต่อจากรัชกาลที่ 6ในสมัยที่ยังทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ น่าสังเกตว่าในบรรดาพระราชโอรสรุ่นเล็กในรัชกาลที่ 5 นั้นไม่มีเจ้านายพระองค์ใดที่ได้ทรงเข้าพระราชพิธีโสกันต์เช่นเดียวกับพระองค์เจ้าอาภากรฯ โดยเฉพาะพระราชโอรสชั้นพระองค์เจ้า ดังนั้นการที่พระองค์เจ้าอาภากรฯ ได้ทรงรับพระมหากรุณาธิคุณเช่นนี้ จึงนับว่าเป็นความพิเศษสุด และด้วยความที่ทรงผูกพันใกล้ชิดกับรัชกาลที่ 6 มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ เมื่อเสด็จกลับมาจากอังกฤษ ก็ได้ถวายงานด้านกิจการกองทัพเรือกับรัชกาลที่ 6 และที่ต้องกล่าวอีกประการคือเมื่อครั้งพระองค์เจ้าอาภากรฯ ทรงพระเยาว์ ได้ทรงตามเสด็จสมเด็จพระราชบิดาไปในพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากรัชกาลที่ 5 ทรงประพาสต้นตามหัวเมืองต่างๆ และยังเสด็จพระราชดำเนินไปในที่ต่างๆ โดยไม่ทรงให้จัดเป็นกระบวนเสด็จ จึงทำให้ทรงเห็นความเป็นอยู่ของชาวบ้านมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น เมื่อดูจากพระราชประวัติของกรมหลวงชุมพรฯ แล้วเราจะเห็นว่าทรงใส่พระทัยกับความเป็นอยู่ของประชาชนมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ เมื่อทรงว่างเว้นจากงานของกองทัพเรือ ก็จึงทรงช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดารด้วยงานแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย โดยทรงเรียกพระองค์เองว่าหมอพรเราจะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงยึดมั่นในเรื่องความสุขความทุกข์ของประชาชนเสมอ และทรงยึดหลักพระคติพจน์ทำสิ่งใดต้องทำจริง ดังนั้นเราจึงไม่ประหลาดใจที่คนไทยจำนวนมากยังคงระลึกนึกถึงพระองค์เสมอ เมื่อมีความทุกข์ความร้อนใดๆ ก็จะไปกราบพระองค์ท่านที่พระอนุสาวรีย์ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ ส่วนคำขานพระนามว่า เสด็จเตี่ย มิได้อยู่ในแค่แวดวงของทหารเรือเท่านั้น แต่คนทั่วไปก็ขานพระนามพระองค์ว่าเสด็จเตี่ยเช่นกัน อันนี้แสดงถึงความรักเคารพและความใกล้ชิดที่มีอยู่ในความคิดของชาวบ้าน อันที่จริงทรงมีลายพระหัตถ์พระราชทานทหารเรือว่าให้เรียกพระองค์ท่านว่าเตี่ย แต่พระกรุณาธิคุณนี้ก็แผ่ไปยังคนทั่วไปทั้งแผ่นดิน โดยมีความรู้สึกว่าเหมือนได้รับความเมตตาจากพระองค์ท่านโดยคำว่าเตี่ยบ่งบอกถึงความใกล้ชิดในด้านความรู้สึก และเป็นการแสดงความเทิดทูนต่อพระองค์ท่านด้วยที่สำคัญอีกประการคือ ในบรรดาพระราชโอรส และพระโอสรในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีหลายสิบพระองค์นั้น น่าสนใจตรงที่พระนามของกรมหลวงชุมพรฯ คือพระนามหนึ่งที่ผู้คนทั่วไปกล่าวถึงพระองค์มากที่สุด นี่คือการแสดงให้เห็นว่าทรงมีความสำคัญในแง่มุมของความเคารพ เชื่อถือ ศรัทธาต่อพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก ความเคารพบูชาที่ประชาชนมีต่อพระองค์ท่านเกิดมาจากการบำเพ็ญพระกรณียกิจต่างๆ ด้วยพระองค์เอง ในทุกๆ ด้าน ไม่เฉพาะแค่ด้านทหารเรือเท่านั้น ขอพูดถึงกิจการกองทัพเรือในสมัยที่พระองค์ทรงวางรากฐานเมื่อแรกเริ่มนั้น นับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเป็นของใหม่ในบ้านเมืองของเรา การที่ทรงวางรากฐานแล้วกิจการกองท้พเรือหยั่งรากลงลึกได้จนถึงปัจจุบันนี้ ถือว่าเป็นพระปรีชาสามารถที่น่าศึกษาให้ลึกซึ้ง เพราะการหยั่งรากสิ่งใหม่ในบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องยากลำบาก ไม่สามารถรู้ได้ในวันนั้นว่าจะเจริญรุ่งเรืองหรือจะล้มเหลว แต่สุดท้ายแล้วก็ปรากฏว่าเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างดี นั้นคือเครื่องบ่งบอกว่าทรงประคับประคอง ทรงทำให้กิจการทหารเรือเจริญได้ด้วยการทรงวางรากฐานที่มั่นคง เราเห็นได้ว่าทรงทุ่มเทกับกิจการทหารเรือมาก ทรงสอนเอง ทรงทำตำราเรียนเอง ทรงฝึกเอง และทรงเป็นกันเองกันทหารเรือในยุคนั้น ทรงดูแลทั้งหลักสูตร สถานที่เรียน และสถานที่ทำงาน นี่คือมูลเหตุสำคัญที่ทำให้ทหารเรือไทยถวายพระเกียรติว่าทรงเป็นองค์บิดาแห่งทหาเรือไทย 

คุณจะได้ชมรายการไลฟ์ วาไรตี รายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ออกอากาศ ทุกวันเสาร์ เวลา 14.05-14.30 น. ทางโทรทัศน์ NBT กดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ไลฟ์ วาไรตี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สวทช.เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มร้องทุกข์ \'Traffy Fondue\' ต่อยอดสู่การสร้างเมืองอัจฉริยะ สวทช.เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มร้องทุกข์ 'Traffy Fondue' ต่อยอดสู่การสร้างเมืองอัจฉริยะ
  • กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทาน ‘รางวัลศรีสวางควัฒน’ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗ กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทาน ‘รางวัลศรีสวางควัฒน’ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗
  • ททท. เปิดฉาก ‘Grand Moment’ ท่องเที่ยวไทย มอบประสบการณ์สุดประทับใจ พร้อมดีลพิเศษตลอดปี 2568 ททท. เปิดฉาก ‘Grand Moment’ ท่องเที่ยวไทย มอบประสบการณ์สุดประทับใจ พร้อมดีลพิเศษตลอดปี 2568
  • Gen 3 \'ลุงอเนกขนมหวานเมืองเพ็ชร์\' ส่ง \'ขนมหม้อแกง\' ขายที่เซเว่นฯ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก Gen 3 'ลุงอเนกขนมหวานเมืองเพ็ชร์' ส่ง 'ขนมหม้อแกง' ขายที่เซเว่นฯ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก
  • Massimo Dutti เผยโฉมแฟลกชิพสโตร์คอนเซปต์ใหม่ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน Massimo Dutti เผยโฉมแฟลกชิพสโตร์คอนเซปต์ใหม่ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
  • คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ จับมือ วช. ผลิตภาพยนตร์เล่าเรื่องคนชายแดนใต้ มุ่งสู่สันติภาพด้วยมุมมองก้าวพ้นตัวตน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ จับมือ วช. ผลิตภาพยนตร์เล่าเรื่องคนชายแดนใต้ มุ่งสู่สันติภาพด้วยมุมมองก้าวพ้นตัวตน
  •  

Breaking News

เยียวยาจิตใจจากไฟสงคราม! ‘David’s Circle’พื้นที่ฟื้นฟูของชาวอิสราเอลในไทย

ปักหมุด 13 พ.ค.นี้ ‘เพื่อไทย’เปิดตัวโครงการใหม่‘Pheu Thai YPP’

ผบ.ตร.สั่งฟันเด็ดขาด! เหตุทำร้าย'ตำรวจ'ภายในหน่วยเลือกตั้ง จ.สงขลา

เช็คผลที่นี่!!! 'เลือกตั้งเทศบาล'ส่วนใหญ่แชมป์เก่าคว้าชัย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved