วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ทหารก็คือประชาชน แต่มีหน้าที่ช่วยเหลือในยามประชาชนเดือดร้อน

ทหารก็คือประชาชน แต่มีหน้าที่ช่วยเหลือในยามประชาชนเดือดร้อน

วันเสาร์ ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : ทหาร ประชาชน
  •  

ก็แล้วแต่จะมองว่าทหารเกณฑ์มีประโยชน์ต่อสังคมหรือไม่ แต่บอกได้เพียงว่าเมื่อยามประชาชนเดือดร้อนเพราะภัยพิบัติ ทหารต้องออกไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย ชวนคุณไปรับทราบมุมมองของตัวแทนทหารเกณฑ์จากกองทัพเรือ เพื่อให้เข้าใจว่าทหารเกณฑ์ทำประโยชน์ให้สังคม และเห็นว่าการเป็นทหารเกณฑ์ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด


l สวัสดีครับ ช่วยแนะนำตัวเองด้วยครับ

พลฯ ดนุนันท์ : สวัสดีครับ ผมพลทหาร ดนุนันท์ ชวนอยู่ ครับผม

พลฯ ศิวัช : สวัสดีครับ ผมพลทหาร ศิวัช สุ่มอิ่มครับผม

พลฯ ยงยศ : สวัสดีครับ ผมพลทหาร ยงยศ ศิริสมบัติยืนยง ครับผม

l วันแรกที่จับได้ใบแดง รู้สึกอย่างไรครับ

พลฯ ดนุนันท์ : ตกใจครับ แต่ไม่ได้กลัวนะครับ เพียงแต่นึกในใจว่า เราน่าจะสมัครไปเลย จะได้ไม่ต้องจับใบดำใบแดงให้เสียเวลา

พลฯ ศิวัช : เฉยๆ ครับ เพราะคิดไว้แล้วว่า จับได้ใบแดงก็เป็นทหารไปก็แล้วกันครับ

พลฯ ยงยศ : ครั้งแรกก็ตกใจครับ แต่ก็รับได้ครับ เพราะคิดว่าจะได้ประสบการณ์ใหม่ในชีวิตครับ

l น้องทั้งสามคนเรียนจบระดับปริญญาตรีแล้วใช่ไหมครับ

พลฯ ศิวัช : ผมคนเดียวครับที่ยังเรียนไม่จบ ผมขอลาพักการศึกษาไว้ครับ ผมยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้านบัญชีครับ 

พลฯ ดนุนันท์ : ผมจบปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาครับ

พลฯ ยงยศ : ผมจบปริญญาตรีจากคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครับ

แสดงว่าน้องๆ ที่จบปริญญาตรี ก็จะเป็นทหารเกณฑ์เพียง 1 ปี แต่หากน้องสมัครเป็นทหารก็จะเป็นเพียง 6 เดือนถูกต้องไหมครับ

พลฯ ดนุนันท์ : ใช่ครับ ผมถึงบอกกับตัวเองว่า ถ้ารู้แบบนี้ ผมสมัครไปแล้วครับ (หัวเราะ)

พลฯ ยงยศ : ใช่ครับ ตอนแรกก็คิดจะสมัคร แต่ก็มาคิดเข้าข้างตัวเองว่าเราอาจจะจับได้ใบดำก็ได้ แต่สุดท้าย แดงโร่มาเลยครับ (หัวเราะ) 

น้องทหารคนนี้หน้าคุ้นๆ เป็นดาราหรือนักร้องใช่ไหมครับ 

พลฯ ดนุนันท์ : (หัวเราะ) ครับผม ผมชื่อเล่น กาแฟประกวดร้องเพลงในรายการ The Golden Song ครับ  

l วันแรกที่เข้ามาอยู่ในค่ายทหารมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ความรู้สึกนั้นเหมือนหรือต่างไปจากก่อนที่จะเข้าไปอยู่ในค่ายจริงๆ 

พลฯ ศิวัช : วันแรกที่เข้าค่ายก็ตื่นเต้นพอควรครับ เพราะไม่รู้ว่าจะเจอของจริงอะไรบ้าง เนื่องจากก่อนเข้ามานั้น ก็มีคนหลายคนบอกว่าในค่ายมีเรื่องแย่ๆ มากมาย มีการลงโทษหนัก มีการซ้อมหนัก แต่เข้ามาแล้วก็ไม่ได้เป็นแบบที่เขาเล่าลือ เราก็ถูกฝึกตามปกติ ถ้าไม่ทำอะไรผิด ก็ไม่มีการลงโทษ แต่การลงโทษก็เป็นเพียงการสั่งให้วิ่ง วิดพื้น ลุกนั่ง เท่านั้น ไม่มีการซ้อมด้วยกำลังตามที่เล่าลือ

พลฯ ดนุนันท์ : วันแรกผมก็สนุกเลยครับ ครูฝึกจำได้ว่า อ้าว! นี่นักร้องนี่นา ช่วยร้องเพลงให้เพื่อนๆ ฟังด้วยนะ จำได้ว่าเมื่อเข้ามาในค่ายวันแรกๆ ก็มีการแนะนำกฎระเบียบข้อปฏิบัติต่างๆ และบอกเล่าการใช้ชีวิตในค่าย แต่คืนแรกๆ ก็คิดถึงบ้านครับ 

พลฯ ยงยศ : ก็ไม่รู้สึกอะไรครับ เพราะทำใจตั้งแต่วันที่จับได้ใบแดงแล้วครับ แล้วก็รู้จากคนที่เคยเป็นทหารเกณฑ์ว่าในค่ายไม่มีอะไรน่ากลัวเหมือนคำเล่าลือ
จากภายนอก แล้วถ้าไม่อยากถูกลงโทษก็อย่าทำผิดกฎระเบียบ อยู่ไปสักพักก็ปรับตัวได้ และมีเพื่อนเพิ่มอีกมากมาย 

l สรุปคือ เมื่อเข้ามาอยู่ในค่ายทหารจริงๆ ก็ไม่มีอะไรเลวร้ายหรือน่ากลัวเหมือนคำเล่าลือจากภายนอกใช่ไหมครับ แล้วคิดว่าได้ประโยชน์อะไรกับการได้เข้ามาเป็นทหารเกณฑ์บ้างครับ

พลฯ ดนุนันท์ : ไม่มีอะไรเลวร้ายครับ สนุกดีด้วยครับ เพื่อนเยอะแยะ ได้รู้จักคนมากขึ้น ได้เรียนรู้นิสัยของคนอื่นๆ ต้องปรับตัวให้อยู่ด้วยกันได้ ซึ่งเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับชีวิต หากผมอยู่บ้าน ก็ไม่มีประสบการณ์แบบนี้ เพราะอยู่บ้านก็จะคบกับเพื่อนหน้าเดิมๆ หรือเพื่อนจากมหาวิทยาลัย แต่อยู่ในค่ายมีเพื่อนหลากหลายมาก บางคนมีพฤติกรรมประหลาดๆ แต่ก็คบกันได้หลังจากเรียนรู้กันและกัน บางคนบอกผมว่า ไม่เคยล้างจานเลย เพราะอยู่บ้านมีคนทำให้ทั้งหมด ผมก็บอกว่า แต่อยู่ในค่ายต้องทำ
เพราะต้องช่วยกันทำทุกคน แต่ผมก็แปลกใจนะครับไม่เคยล้างจานเลย เป็นไปได้อย่างไร เพราะงานแบบนี้ผมช่วยที่บ้านทำมาตลอด แล้วเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ต้องเคยช่วยที่บ้านล้างจาน แต่มีบางคนบอกไม่เคยล้างจาน ก็นับว่าเป็นข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจครับ ผมมองว่านี่คือประโยชน์อย่างหนึ่งของการเป็นทหารเกณฑ์ เพราะมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น

พลฯ ศิวัช : ไม่มีอะไรเลวร้ายครับ ก็เป็นการเข้าไปใช้ชีวิตใหม่ในแบบที่เราไม่เคยพบเมื่อเราอยู่ที่บ้านหรือที่มหาวิทยาลัย อยู่ในมหาวิทยาลัยก็มีเพื่อนที่มีระดับการศึกษาพอๆ กัน คุยกันก็ไม่ต้องปรับอะไรมากนัก แต่อยู่ในค่าย มีคนหลากหลาย ทั้งระดับความรู้ ทั้งนิสัยใจคอ บางคนไม่จบ ป. 6 บางคนก็จบสูงกว่าปริญญาตรี ก็ได้คุยกัน ได้เรียนรู้กันและกัน 

พลฯ ยงยศ : ผมก็คงตอบเหมือนๆ กับเพื่อนแหละครับ แต่ที่ผมมีข้อสังเกตคือ ในค่ายทหารทำให้ผมมีระเบียบมากขึ้น รู้จักรักษาเวลามากขึ้น และได้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจกันในกลุ่มเพื่อนทหารเกณฑ์ และได้รับความรู้ด้านอื่นๆ จากครูฝึก เช่น การช่วยเหลือสังคม การเสียสละ เป็นต้น

l มีใครถูกซ้อม หรือถูกซ่อมหนักๆ บ้างไหมครับ แล้วถูกซ่อมเพราะอะไรครับ

พลฯ ยงยศ : ผมถูกทำโทษบ้างครับ แต่ไม่ใช่เรื่องหนัก แค่สั่งให้วิ่งรอบสนามสองรอบ หรือให้วิดพื้น50 ครั้ง เพราะว่าผมบกพร่องในหน้าที่เปิดไฟในช่วงเย็น คือเปิดไฟเกินเวลาที่กำหนด ผมก็เห็นว่าผมบกพร่องก็ต้องถูกลงโทษ เรื่องซ่อมหนักๆ ไม่มีครับ ผมไม่เคยเจอ เพื่อนๆ ก็ไม่เคยเจอเหมือนกันครับ

พลฯ ดนุนันท์ : ผมถูกลงโทษด้วยการให้วิดพื้น 30 ครั้ง สองยก เพราะบกพร่องเรื่องทำความสะอาดเรือนนอน ซึ่งผมก็ได้บทเรียนว่า หากไม่อยากถูกลงโทษก็อย่าบกพร่องในหน้าที่ แต่ผมมองเรื่องลงโทษว่าเป็นการออกกำลังกายมากกว่า เพราะไม่มีอะไรหนักหนา

พลฯ ศิวัช : ผมก็ถูกลงโทษด้วยการวิ่ง ลุกนั่ง วิดพื้นเหมือนๆ กับเพื่อนครับ เพราะเราบกพร่องในภารกิจที่นายทหารกำหนดให้เราทำ แต่ไม่มีการถูกลงโทษแบบรุนแรงครับ ตอนก่อนจะเข้ามาในค่าย เราคิดว่ามันจะลำบากมาก อดอยาก แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้น มันไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก แต่มันคือการฝึกวินัย ฝึกความอดทนมากกว่า และฝึกการอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มาก และแบ่งงานกันทำ ถ้าเราไม่ทำอะไรผิด ก็ไม่มีใครลงโทษเรา ไม่มีใครกลั่นแกล้งเราได้ หากเราไม่บกพร่องหรือผิดระเบียบ ส่วนการลงโทษก็เป็นขั้นๆ ไป ตามความผิดมากน้อยที่เราบกพร่องในหน้าที่

l ขอถามเน้นๆ ว่าได้ประโยชน์อะไรจากการเป็นทหารเกณฑ์ครับ

พลฯ ดนุนันท์ : ได้เรียนรู้เรื่องการใช้ชีวิตกับคนหมู่มากที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นประจำทุกวัน และได้เห็นคุณค่าของการรักษาเวลา และการทำงานเพื่อส่วนรวมครับ

พลฯ ศิวัช : ได้ประโยชน์เรื่องการเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน แบ่งงานกันทำ และระเบียบวินัย รวมถึงรักษาเวลา ให้เป็นคนตรงต่อเวลาครับ

พลฯ ยงยศ : ผมได้ประสบการณ์จากการอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ จากต่างถิ่น ต่างอายุ ต่างความคิด และต่างความเห็น แต่เราก็เรียนรู้กันและกัน แล้วอยู่ร่วมกัน ทำงานแบบช่วยเหลือกัน เน้นประโยชน์ของส่วนรวม เน้นการเสียสละเพื่อสังคมครับ

l มีข้อเสนอใดๆ ให้กองทัพนำไปพิจารณาไหมครับ

พลฯ ดนุนันท์ : ผมเคยคิดว่า สำหรับคนที่ถูกเกณฑ์ทหาร หากเขามีงานการอาชีพที่มั่นคงแล้ว แต่ต้องเป็นทหาร ก็น่าจะเปิดโอกาสให้เขาได้ทำงานเดิมของเขาด้วย เพื่อให้งานของเขาไม่สะดุดหรือเสียโอกาสด้านการงานแต่ก็เข้าใจครับ เพราะเมื่ออยู่ในค่าย ก็ต้องมีกฎระเบียบของค่าย จะออกไปทำงานนอกค่ายก็ไม่ได้ เพราะในค่ายมีเวลากิน นอน ทำงานที่ชัดเจนมาก แต่ก็ยังอยากเสนอให้พิจารณาถึงกำลังพลที่มีงานประจำครับ โดยเรื่องนี้ผู้ใหญ่ในกองทัพอาจจะต้องพิจารณาในรายละเอียด เพื่อความเหมาะสมของทุกฝ่าย ทั้งของกองทัพและของกำลังพลครับ

พลฯ ยงยศ : ไม่มีข้อเสนอใดๆ เพิ่มเติม เพราะผมเห็นว่ากองทัพก็พยายามทำให้กำลังพลมีความรู้ในด้านต่างๆ อยู่แล้ว เช่น เปิดโอกาสให้เรียนเพิ่มเติมได้ในวันเสาร์-อาทิตย์ สำหรับคนที่จบเพียงชั้นประถมปลาย ที่ต้องการเรียนให้จบมัธยมศึกษา แล้วก็เห็นว่ากองทัพได้ฝึกอบรมอาชีพให้กำลังพลตามความถนัดของกำลังพลครับ

พลฯ ศิวัช : ผมมีความคิดคล้ายๆ กับเพื่อนทั้งสองคนครับ และเห็นว่ากองทัพก็พยายามสนับสนุนให้กำลังพลมีความรู้ มีอาชีพติดตัว เมื่อครบกำหนดรับราชการครับ ผมบอกตรงๆ ว่าผมได้ประสบการณ์ที่ดีในชีวิตเมื่อเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ครับ เพราะสมัยก่อนผมก็ไม่ได้เคร่งครัดกับเรื่องเวลา กฎระเบียบ ปล่อยไปเรื่อยๆ ตามสบาย แต่เมื่อได้เรียนรู้ในค่ายทหาร ก็ทำให้สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ครับ

l ปกติก่อนจะมาเป็นทหาร น้องตื่นนอนกี่โมงครับ 

พลฯ ดนุนันท์ : ไม่เคยตื่นก่อน 8 โมงเลยครับ บางวัน 10 โมงด้วยครับ หากไม่มีเรียนบางวันก็ตื่นเกือบเที่ยงครับ (หัวเราะ) 

พลฯ ยงยศ : อยู่บ้านไม่ได้ตื่นเช้าเหมือนอยู่ในค่ายทหาร ในค่ายนั้นต้องตื่นตีห้าครึ่งครับ เวลานอนก็นอนเป็นเวลา เมื่อเป่าแตรนอน ก็ต้องนอน จะนั่งดูทีวี เล่นโทรศัพท์มือถือไม่ได้ เวลาตื่น เวลานอนต้องเป็นไปตามกำหนดครับ เวลากินก็เหมือนกันครับ ต้องตามกำหนดครับ

l ในค่ายทหารมีการลิดรอนสิทธิเสรีภาพส่วนตัวบ้างไหมครับ

พลฯ ศิวัช : มีระเบียบมีกฎเกณฑ์มากกว่าการอยู่บ้านครับ แต่ไม่คิดว่าลิดรอนสิทธิเสรีภาพครับ เช่น อยู่บ้านจะกินจะนอนกี่โมง ก็อยู่ที่เรา เพราะเมื่อเราไม่ใช่
เด็กน้อย เราก็ตัดสินใจเองว่าจะกินจะนอนจะตื่นกี่โมง แต่ในค่ายทำแบบที่บ้านไม่ได้ เพราะเราอยู่กันเป็นหมู่มาก ต้องทำตามระเบียบ ผมไม่คิดว่าระเบียบเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ เพราะหากไม่มีกฎระเบียบ ก็จะเกิดปัญหาเวลาอยู่กันมากๆ 

พลฯ ยงยศ : ไม่มีนะครับ ผมว่ากฎระเบียบไม่ใช่การลิดรอนสิทธิเสรีภาพ มันคือการบอกกติกาในการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มาก หากไม่มีกฎระเบียบก็คงเละเทะ อยู่ด้วยกันยากครับ

พลฯ ดนุนันท์ : ผมเคยเป็นคนสบายๆ ไม่ทำอะไรตามระเบียบ เพราะอยู่บ้านไม่มีใครบังคับ เมื่อมาอยู่ในค่ายทหาร ได้เรียนรู้เรื่องกฎระเบียบ แล้วเห็นถึงความสำคัญของกฎระเบียบ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องดีกับชีวิตครับ ทำให้เรามีระเบียบในชีวิตมากขึ้นครับ ผมไม่เห็นการกดขี่ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพในค่ายนะครับ เวลาว่างเราสามารถทำอะไรได้ตามความต้องการ แต่ต้องไม่ผิดกฎระเบียบของค่ายครับ เรามีเวลาอิสระส่วนตัวครับ มีเวลาออกกำลังกาย เล่นกีฬา พักผ่อน หาความรู้ได้ตามต้องการครับ

l ทำไมคนภายนอกค่ายทหารถึงมองว่าในค่ายมีแต่เรื่องเลวร้าย เรื่องแย่ๆ 

พลฯ ยงยศ : ผมว่าคนที่นำเสนอเรื่องราวร้ายๆ ของค่ายทหารเลือกนำเสนอเรื่องไม่ดีเท่านั้น เขาไม่เคยนำเสนอเรื่องดีในค่ายไม่ใช่ว่ามีแต่เรื่องไม่ดี อาจจะมีเรื่องไม่ดีอยู่บ้าง ซึ่งทุกวันนี้ก็น่าจะเหลือน้อยลงครับ แต่สำหรับที่ผมอยู่นั้น ไม่มีเรื่องเลวร้ายใดๆ ครับ 

พลฯ ศิวัช : จริงครับ ในค่ายทหารไม่ได้เลวร้ายเหมือนข่าวลบที่นำเสนอด้วยความอคติครับ มีเรื่องดีๆ มากมาย แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าบางครั้งบางแห่งก็มีเรื่องเลวร้าย แต่ก็ต้องให้ผู้บังคับบัญชาเข้าไปค้นหาต้นตอของความเลวร้ายและกำจัดเรื่องร้ายๆ ให้หมดสิ้นไป ซึ่งทุกวันนี้ไม่ค่อยมีข่าวเลวร้ายในค่ายทหารครับ

พลฯ ดนุนันท์ : ผมมองเหมือนๆ เพื่อนครับ ผมไม่เคยเจอเรื่องเลวร้ายในค่ายที่ผมอยู่ครับ เรื่องลงโทษก็เป็นไปตามกฎระเบียบ ไม่ใช่การจงใจกลั่นแกล้งครับ

l จะตอบอย่างไรกับคำพูดของคนบางกลุ่มในสังคมที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องมีทหาร เพราะไม่มีประโยชน์

พลฯ ดนุนันท์ : ไม่น่าจะจริงครับ ทหารมีประโยชน์ต่อประเทศชาติและต่อประชาชนครับ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่คิดเห็นเช่นนั้นจึงมองว่าทหารไม่มีประโยชน์ แต่ผมยืนยันว่าทหารมีประโยชน์ครับ อย่างพวกผมก็ไปช่วยเหลือชาวบ้าน ประชาชนเมื่อเขาประสบเหตุเดือดร้อนต่างๆ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ ดินถล่ม หรือเกิดภัยพิบัติอื่นๆ พวกผมก็ยินดีไปช่วยเหลือประชาชนครับ ผมมองว่าเรามีภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนครับ ถ้าไม่มีทหารเกณฑ์อย่างพวกผมใครจะออกไปช่วยประชาชนครับ

พลฯ ศิวัช : ประเทศไม่มีทหารจะอยู่อย่างมั่นคงอย่างไรครับ ทหารอย่างพวกผมไม่มีความสามารถรบกับใครก็จริง เพราะผมเป็นแค่ทหารเกณฑ์ ได้รับการอบรมด้านยุทโธปกรณ์ อาวุธต่างๆ เพียงเบื้องต้น เพราะยามนี้ประเทศเราไม่มีศึกสงคราม แต่พวกผมก็ได้รับการอบรมให้ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนครับ จะเห็นได้ว่าเวลามีภัยพิบัติต่างๆ ทหารจากทุกเหล่าทัพก็ออกไปช่วยเหลือประชาชนเสมอ พวกผมยินดีช่วยเหลือประชาชนครับ มันคือหน้าที่ของเรา

พลฯ ยงยศ : ก็แล้วแต่เขาจะมองครับ หากเขาไม่เดือดร้อน เขาก็ไม่เห็นประโยชน์ของทหาร แต่บอกได้สั้นๆ ครับ ประเทศต้องมีทหารครับ แม้ไม่ได้รบก็ต้องมีทหาร เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดศึกสงครามเมื่อไร เราต้องเตรียมกำลังพลไว้ครับ ยามไม่ได้รบ เราก็ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนครับ ยามรบเราก็ต้องไปรบ เพื่อรักษาบ้านเมืองของเราไว้ การมีทหารไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่ต้องเป็นทหารที่ดีมีประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองครับ ในค่ายทหารเรานั้น มีการฝึกให้กำลังพลสามารถออกไปช่วยเหลือชาวบ้านได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าช่วยเรื่องน้ำท่วม หรือเรื่องไฟไหม้ เราได้รับการฝึกอบรมให้ช่วยชาวบ้านตามรูปแบบที่ถูกต้องครับ แล้วที่สำคัญในค่ายทหารยังฝึกอบรมอาชีพให้กำลังพลด้วย ใครสนใจอะไร ถนัดด้านไหน ก็เข้ารับการอบรมในด้านนั้นๆ ซึ่งทำให้มีอาชีพติดตัวออกไปครับ

l ทหารเกณฑ์ยุคนี้ยังต้องถูกดึงไปทำงานที่บ้านของนายอีกไหมครับ

พลฯ ดนุนันท์ : ไม่มีนะครับ ในค่ายของเราไม่มีครับ และก็ไม่มีใครมาบอกให้เราไปทำงานบ้านให้กับบ้านนายทหาร เรามีหน้าที่ฝึกและทำงานในค่ายเท่านั้นครับ อย่างผมนั้น ร้องเพลงได้ ผมก็ร้องเพลงให้กับวงดุริยางค์ทหารเรือ ช่วยงานของกองทัพเท่านั้นครับ

พลฯ ศิวัช : ใช่ครับ เรามีหน้าที่ฝึกและทำงานในค่ายเท่านั้น และช่วยประชาชนยามเดือดร้อน เราไม่มีหน้าที่ไปทำงานรับใช้นายในบ้านส่วนตัวหรือบ้านหลวงครับ

พลฯ ยงยศ : จริงครับ ผมยืนยันได้เหมือนเพื่อนๆ ครับ ในค่ายของเราไม่มีเรื่องแบบนั้น แต่ที่อื่นๆ ผมไม่ทราบครับ ส่วนเรื่องในอดีตอาจจะมีเรื่องแบบนั้น แต่ในขณะนี้ที่พวกผมอยู่กันนั้น ไม่มีเรื่องการไปรับใช้นายที่บ้านครับ

l จะฝากข้อคิดทิ้งท้ายถึงคนที่ต้องเกณฑ์ทหาร และพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกหลานต้องเกณฑ์ทหารอย่างไรบ้าง

พลฯ ยงยศ : การเป็นทหารเกณฑ์คือการเข้ามาฝึกฝนระเบียบวินัย มาฝึกการใช้ชีวิตร่วมกันในค่ายในระยะเวลาหนึ่ง อาจจะ 1-2 ปี หรือแค่ 6 เดือน ก็ขึ้นกับวุฒิของแต่ละคน แต่ขอบอกว่า การเป็นทหารเกณฑ์ไม่ได้เลวร้ายเหมือนข่าวลือข่าวเท็จที่ปล่อยกันตาม social media เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวการเป็นทหารเกณฑ์แล้วจะสูญเสียอิสรภาพ เสรีภาพ ทหารก็คือประชาชนครับ เราถูกฝึกและปลูกฝังให้ออกไปช่วยประชาชนเมื่อประชาชนเดือดร้อน ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองและผู้ที่จะต้องถูกเกณฑ์ทหารสบายใจได้ครับ 

พลฯ ดนุนันท์ : การเป็นทหารเกณฑ์คือการเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตแบบหนึ่ง หากคุณได้เข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ คุณจะเข้าใจและเห็นภาพจริงๆ ของมัน มันไม่ได้เลวร้ายไปจนน่ากลัว มันคือการฝึกความอดทน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวการเป็นทหารเกณฑ์ เพราะมันคือหน้าที่ของคนไทยทุกคน แล้วต้องบอกว่าการเป็นทหารเกณฑ์มันไม่ได้อดอยากลำบากจนเลือดตากระเด็น มันคือการฝึกความอดทน ฝึกระเบียบวินัยครับ

พลฯ ศิวัช : ผมยืนยันว่าทหารเกณฑ์ไม่ได้ทำให้สังคมเสียหาย การเป็นทหารเกณฑ์คือการทำหน้าที่อย่างหนึ่งของคนไทย ทหารเกณฑ์อย่างพวกผมมีส่วนช่วยเหลือสังคมมากกว่าสร้างปัญหาให้สังคม เวลาสังคมประสบภัยพิบัติ พวกผมก็ยินดีออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ประเทศไม่มีทหาร ก็เหมือนบ้านไม่มีรั้ว ไม่มีประตู แล้วบ้านจะปลอดภัยได้อย่างไรเมื่อไม่มีรั้ว ไม่มีประตู งานช่วยเหลือประชาชนอาจจะเป็นงานหนักที่ไม่มีใครอยากทำ แต่สำหรับพวกผมแล้ว ยินดีทำเพราะมันคือหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคม เราทำงานให้ประชาชนด้วยใจด้วยความรับผิดชอบในหน้าที่ครับ อย่ากลัวการเป็นทหารเลยครับ ให้ถือว่ามันเป็นการทำหน้าที่อย่างมีเกียรติครับ เราทำหน้าที่บำเพ็ญประโยชน์ให้สังคมยามบ้านเมืองไม่มีศึกสงคราม เพราะฉะนั้น พ่อแม่พี่น้องผู้ปกครองที่มีลูกหลานต้องเกณฑ์ทหารโปรดสบายใจเถอะครับ ว่าลูกหลานของคุณได้ทำหน้าที่พลเมืองดีของไทย

คุณสามารถรับชมรายการไลฟ์ วาไรตี รายการที่ให้ทั้งสาระและความรู้ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 14.05-14.30 น.ทางโทรทัศน์ NBT ช่องหมายเลข 2และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ไลฟ์ วาไรตี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • มูลนิธิกฤตานุสรณ์ฯ สานต่อโครงการทุนการศึกษาบุตร-ธิดาของผู้เสียสละเพื่อชาติ มูลนิธิกฤตานุสรณ์ฯ สานต่อโครงการทุนการศึกษาบุตร-ธิดาของผู้เสียสละเพื่อชาติ
  •  

Breaking News

'ทักษิณ'หมดทางแล้ว! 'เสรีพิสุทธ์' ชี้ยัดคุกได้เลย

'สว.จิระศักดิ์-สว.วุฒิชาติ'ปิดบ้านเงียบ! กกต.-ดีเอสไอ แปะหมายเรียกหน้าบ้าน

หวดไทยพร้อมลุย! สู้ศึกชิงแชมป์โลกที่คาซัคฯ

'จุลพันธ์'พร้อมคุย'อนุทิน'ทำประชามติ กม.คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่เป็นการเสนอขึ้นมาลอยๆ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved