แทบไม่น่าเชื่อว่า พรลไดน์ สิริยุทธพงศ์ ผู้บริหารสาวสวยแห่ง แกรนด์ กกกอดเขาค้อ รีสอร์ท (Grand KokKod Khaokho Resort) จะเป็นคุณแม่ยังสาวที่ต้องดูแลลูกๆ ถึง 5 คน และยังต้องบริหารธุรกิจรีสอร์ทหรู ตกแต่งสไตล์ Loft แห่งแรกบนเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ถูกกล่าวขานถึงความโรแมนติกที่คุณสามารถดื่มด่ำทะเลหมอกจากห้องพัก หรือชมพระอาทิตย์ตกดินบน Roof top Bar & Restaurant บนความสูง 888 เมตรจากระดับน้ำทะเล และยังมี Skywalk พื้นใสแห่งแรกและแห่งเดียวในเขาค้อ มองเห็นทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา รวมถึงพูลวิลล่าส่วนตัวแนบชิดธรรมชาติทั้งไอหมอกและขุนเขา
พรลไดน์ สิริยุทธพงศ์ รองประธาน แกรนด์ กกกอด เขาค้อ รีสอร์ท (Grand KokKod Khaokho Resort) เล่าว่า เธอและสามี (ศิริยุทธ สิริยุทธพงศ์) ตกหลุมรักเขาค้อ ด้วยบรรยากาศของทะเลหมอกและขุนเขา ทำให้ตัดสินใจสร้างรีสอร์ทระดับ 5 ดาวแห่งแรกบนเขาค้อ บนพื้นที่ 7 ไร่ในคอนเซ็ปต์ โมเดิร์นลอฟท์ ที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ซึ่งเธอและสามีแทบจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในระหว่างก่อสร้างนานถึง 5 ปี และต้องผ่านการแก้ปัญหานานัปการกว่าที่แกรนด์ กกกอด เขาค้อ รีสอร์ท จะหรูหราได้ดั่งใจ
“ด้วยความอยากรู้ว่า ทำไมคนที่อาศัยอยู่บนเขาค้อถึงอายุยืน พอมาถึงจึงรู้ว่าด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดทั้งปีมีทะเลหมอกและขุนเขาที่สวยงามไม่แพ้สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าจะมาฤดูไหนอากาศก็เย็นสบาย ทำให้เราทั้งคู่ตัดสินใจมองหาที่ดินเพื่อสร้างรีสอร์ท และอยากให้เป็นรีสอร์ทระดับ 5 ดาวแห่งแรกของที่นี่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เริ่มจากการก่อสร้างด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นพื้นที่บนเขา ทั้งโครงสร้างและน้ำเราต้องใช้นักธรณีวิทยามาช่วยจัดการพื้นที่ เพราะเขามีความเชี่ยวชาญและสามารถแนะนำได้ว่าตรงไหนดินแข็งหรือดินอ่อน ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยเป็นสำคัญ
ต่อมาเรื่องการออกแบบรีสอร์ท ด้วยต้นทุนความรู้ทุกคนมีเท่ากัน แต่อยู่ที่การเรียนรู้ของแต่ละคน เราจึงอยากออกแบบด้วยตัวเอง อยากให้รีสอร์ทของเรานั้นขายตัวมันเอง ทั้งวิวและบรรยากาศที่ล้วนเกิดจากธรรมชาติ จึงทุ่มเททำแบรนด์ของเราเอง คือ กกกอด และใส่ความเป็นแกรนด์ ด้วยการบริการแบบ 5 ดาว แต่ไม่ถึงขนาดฟังก์ชั่นครบด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ เราไม่ได้ทำเชิงธุรกิจ แต่เราอยากให้แขกที่เข้าพักได้รับความสุขทุกวินาทีที่พักอยู่กับเรา”
ความโดดเด่นของ แกรนด์ กกกอดเขาค้อ รีสอร์ท นอกจากสไตล์การออกแบบและตกแต่งในแบบโมเดิร์นลอฟท์ ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติบนขุนเขาแล้ว ยังสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้จากห้องพักทั้งแบบ Executive Suite และแบบ Deluxe ทุกห้อง หรือหากชอบความเป็นส่วนตัว ที่พักโซนวิลล่าส่วนตัวแยกออกเป็นหลังๆ มีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ Valley Villa วิลล่าสไตล์โมเดิร์นโทนอบอุ่นสบายตาจุดเด่นของโซนนี้ คือมีอ่างอาบน้ำอยู่ตรงระเบียงกว้างที่หันไปทางวิวภูเขา 180 องศาโดยไม่มีสิ่งปลูกสร้างบดบังสายตา โซนต่อมา Onsen Villa วิลล่าสไตล์ Luxury หรูหราตกแต่งด้วยไม้ โทนน้ำตาล-ทองจุดเด่นของโซนนี้ คือมีลานระเบียงกว้าง มีโซฟาชิงช้า และมีอ่างน้ำ Jacuzzi มีส่วนผสมของน้ำแร่ออนเซ็น ระเบียงสามารถมองเห็นวิวภูเขาและพระอาทิตย์ตกดินได้ 180 องศา ส่วนโซนสุดท้ายที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุด คือ Pool Villa ซึ่งมีเพียงแค่ 3 หลัง 3 สไตล์แต่คงความหรูหราไว้เหมือนเดิมจุดเด่น คือ มีสระว่ายน้ำระบบน้ำอุ่น ระเบียงกว้าง มองเห็นวิวได้มากกว่า 180 องศา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันภายในห้องพัก
ที่นี่ยังมี Skywalk พื้นใสทอดยาวเป็นจุดเช็คอินที่สามารถชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ตกดินแห่งแรกบนเขาค้อได้อย่างเต็มตา รวมถึง Roof Top Bar & Restaurant บรรยากาศสุดชิลบนความสูง 888 เมตรจากระดับน้ำทะเล บริการอาหารชั้นดี รสมือ เชฟต่าย-ประสานมิตร ทองมีที่สามารถใช้ชีวิตในรีสอร์ทได้อย่างอิ่มเอมและอิ่มอร่อยกับอาหารทุกมื้อ โดยไม่ต้องออกไปไหน
“บนเขาค้อ อากาศเย็นตลอดทั้งปีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20 องศา โดยฤดูหนาวอาจต่ำลงถึง 5 องศา ร้อนสุดก็ไม่เคยถึง 30 องศา และยังมีหมอกฟุ้งในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว เราจึงทำทุกทางที่จะเติมเต็มความสุขให้กับแขกที่มาพัก ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย หรือการบริการด้วยใจ ไม่ใช่หน้าที่ พนักงานของเราส่วนใหญ่จะเป็นคนในชุมชนเขาค้อหรือละแวกใกล้เคียง อยากให้คนที่นี่รู้สึกว่า เราไม่ใช่นายทุนที่จะเข้ามากอบโกยผลประโยชน์หรือทำลายธรรมชาติที่งดงามของเขาค้อ เราเข้าไปมีส่วนร่วมกับทุกกิจกรรมของชุมชนเท่าที่จะทำได้ ทำให้เราทำธุรกิจด้วยความสุขและการแบ่งปัน”
เมื่อถามถึงบทบาทของคุณแม่ที่มีลูกสาวและลูกชาย รวม 5 คน และยังต้องทำธุรกิจควบคู่กันไป พรลไดน์ ยอมรับว่า เรื่องการแบ่งเวลาเป็นสิ่งสำคัญ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เธอและสามีจะให้น้ำหนักไปที่การเลี้ยงลูกมากกว่า
“การทำ แกรนด์ กกกอด เขาค้อรีสอร์ท ก็เป็นการสร้างความสุขและสร้างอนาคตไว้ให้ลูก ยิ่งเรามีรีสอร์ทในบรรยากาศที่เหมือนบ้านและมีธรรมชาติที่งดงามบนเขาค้อ ยิ่งทำให้ครอบครัวเรามีความสุขวันหยุดของเราก็จะมาอยู่ที่นี่ ลูกๆ ได้มาวิ่งเล่นบนเขาที่มีอากาศสดชื่นมีสายหมอก ได้เหยียบพื้นดิน พื้นหญ้า ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน ซึ่งเด็กๆ ในเมืองหลายคนแทบไม่เคยได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้
ช่วงเดือนกันยายน ปลายฝนต้นหนาวนี้ เรามีโปรโมชั่นพิเศษให้มานอนหยิบหมอก กอดขุนเขา ห้องพักเริ่มต้นที่ราคา 4,000 บาทต่อคืน จากราคาปกติ 8,000 บาท สามารถติดตามได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/GrandKokKodKhaoKho/ และ Website : https://grandkokkodkhaokho.com/ หรือสำรองห้องพักได้ที่ โทร.089-8888838 เป็นราคาที่เราอยากให้ทุกคนมามีความสุขในวันพักผ่อนไปกับเรา” พรลไดน์ กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี