เพราะเด็กปฐมวัย หรือช่วงวัย 0-6 ขวบ เป็นช่วงสำคัญที่พร้อมเปิดรับการเรียนรู้ต่างๆ รอบตัวได้อย่างดีที่สุด ดังนั้น พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กควรรู้วิธีการดูแลเอาใจใส่ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์อย่างเหมาะสมพรูเด็นเชียล ประเทศไทย และพรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชั่น ได้ร่วมกับองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย มุ่งสร้างความตระหนักรู้ให้สังคมไทยได้มีความรู้ ความเข้าใจ และเอาใจใส่เด็กในช่วงปฐมวัยมากขึ้น ผ่านโครงการพัฒนาเด็กปฐมวัย (Early Childhood Development: ECD) เป็นระยะเวลา 18 เดือน โดยจัดกิจกรรม “Play Together & Learn Together” ภายใต้แคมเปญ “เลี้ยงถูก ลูกดี” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการวางรากฐานสำหรับการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ของเด็กในช่วงวัยต่อไปในอนาคต
นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มพรูเด็นเชียลต้องการที่จะช่วยเหลือให้ผู้คนก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิต และเชื่อว่าการจะไปถึงจุดนั้นได้ ต้องเริ่มจากพื้นฐานที่เด็กๆ ได้รับการอบรมเลี้ยงดูที่ดีให้เป็นคนเข้มแข็งในสังคม ซึ่งเหตุที่โฟกัสกลุ่มเด็กปฐมวัยหรือเด็กอายุ 0-6 ขวบ เพราะเป็นจุดที่เปราะบางที่สุดของสังคม โดยเป็นช่วงชีวิตที่คนจะมีพัฒนาการสูงสุด หากได้รับการดูแลที่ดีในช่วงวัยนี้จะทำให้เด็กมีความเชื่อมั่นและมีอนาคตที่เข้มแข็ง พาตัวเองรวมถึงครอบครัวในอนาคตไปสู่เป้าหมายสูงสุดในชีวิตได้เป็นอย่างดี และเพื่อให้พัฒนาการต่างๆ ไปได้รวดเร็วมากกว่าที่จะเริ่มต้นจากศูนย์ไปคนเดียว ทางพรูเด็นเชียลประเทศไทย และพรูเด็นเชียล ฟาวน์เดชั่น จึงทำงานร่วมกับ ยูนิเซฟ ประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรมุ่งเน้นทางด้านการพัฒนาเด็กมายาวนาน มีทั้งความรู้และเครือข่ายต่างๆ ถือว่ามีความพร้อมอยู่แล้ว
“Play Together & Learn Together” กิจกรรมภายใต้แคมเปญ “เลี้ยงถูก ลูกดี” นอกจากพ่อแม่จะได้รับความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเด็กวัย 0-6 ขวบ โดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยมหิดลแล้ว เด็กๆ ยังได้สนุกสนานกับกิจกรรมปั้นดินน้ำมันที่จะช่วยสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ ซึ่งจุดนี้มีสำคัญ เพราะการพัฒนาการของเด็กไม่ใช่แค่การอ่าน หรือท่องจำหนังสือ แต่ต้องเพิ่มเรื่องจินตนาการ หรือความคิดสร้างสรรค์ที่มีความสำคัญมากในโลกยุคใหม่ เนื่องจาก Innovation หรือนวัตกรรม มีผลกระทบกับชีวิตและธุรกิจรวมถึงการเติบโตของการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก
ดร.อาร์ตี้ เซจิ หัวหน้าฝ่ายการศึกษาและการพัฒนาเด็กปฐมวัย องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า ยูนิเซฟ ร่วมกับพรูเด็นเชียล เพื่อทำให้ข้อมูลการพัฒนาเด็กปฐมวัยส่งไปถึงพ่อแม่ให้มากที่สุด ผ่านเครือข่ายของพรูเด็นเชียล และจัดกิจกรรมที่เป็นกระบอกเสียงส่งข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ซึ่ง 3 สิ่งที่อยากให้พ่อแม่ได้รับจากการร่วมกิจกรรมครั้งนี้คือ 1.การพัฒนาเด็กช่วงปฐมวัยจะเกี่ยวข้องกันในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ โภชนาการ การคุ้มครองและปลอดภัย และการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้ผู้ดูแลส่งเสริมเด็กได้ในทุกๆ ด้าน เราไม่สามารถพัฒนาเด็กคนหนึ่งเพียงด้านเดียวได้ 2.การเล่น ผู้ใหญ่ต้องเรียนรู้ที่จะสนับสนุน เพราะธรรมชาติเด็กเกิดมาพร้อมความอยากเล่นสนุก ซึ่งการเล่นจะช่วยสร้างโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ไปด้วย 3.ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่หรือผู้ดูแล (Interaction) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเด็กช่วงปฐมวัย
“เราอยากเน้นให้ทุกคนเข้าใจถึงบทบาทที่สำคัญของพ่อแม่ นั่นคือการตอบสนองลูกอย่างใส่ใจ ซึ่งหากทุกคนเข้าใจจะสามารถดูแลปลูกฝังลูกได้ตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์ และเมื่อคลอดออกมาก็จะตอบสนองได้อย่างเข้าใจและเหมาะสม พ่อแม่ ต้องเข้าใจว่าทุกอย่างที่ลูกทำคือ การเรียนรู้ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ นอกจากนี้ เด็กจะต้องมีความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย และรู้สึกว่ามีคนรัก เมื่อจิตใจของเด็กรู้สึกมั่นคงปลอดภัยก็จะสามารถเรียนรู้และออกไปเผชิญสิ่งต่างๆ ได้ ฉะนั้น บทบาทของพ่อแม่คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งจะช่วยเป็นพื้นฐานให้ลูกสามารถมีพัฒนาการที่ดีเติบโตได้ดีต่อไป เราคาดหวังว่าพ่อแม่ทุกคนจะสามารถมอบโอกาสนี้ให้ลูกได้”
ด้านผู้เชี่ยวชาญ ดร.นุชนาฏ รักษี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า การที่เด็กจะพัฒนาได้ดี พ่อแม่จะต้องมีความเข้าใจเรื่องกระบวนการพัฒนาสมอง ที่ต้องเติมเต็มทั้งในด้านสุขภาพ โภชนาการ ประสบการณ์เรียนรู้ สิ่งแวดล้อม โดยช่วงวัย 0-6 ขวบ เป็นช่วงที่มีความสำคัญ เพราะสมองจะมีการพัฒนาสูงที่สุด โดยการพัฒนาสมองของเด็กจะเริ่มตั้งแต่แรกเกิด ทั้งการเคลื่อนไหว การมองเห็น การเรียนรู้ กิจกรรมหรือการเล่น การพูดคุยกับลูก เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดการเรียนรู้และสมองของเด็กก็จะเริ่มพัฒนาแล้วซึ่งเด็กแรกเกิดเรียนรู้เรื่องคำศัพท์ได้ แม้จะพูดไม่ได้ เพราะสิ่งที่พ่อแม่คุยกับลูกจะถูกเก็บไว้ที่สมองของลูก และสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ต้องเติมให้แก่ลูกคือ การเล่น เพื่อช่วยเสริมปัญญา สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว
“พ่อแม่ควรเลี้ยงลูกแบบมีเป้าหมายพร้อมให้การสนับสนุน หาเวลาอยู่กับลูกอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง แต่ต้องทำให้เป็นเวลาคุณภาพ เช่น เล่านิทานก่อนนอน พูดคุยมองหน้าลูก และตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกเล่า ซึ่งสภาพสังคมไทยในปัจจุบันค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะพ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยกับลูก และเด็กติดอยู่กับการดูจอที่เป็นสื่อทางเดียวไม่มีการตอบโต้กัน ไม่มีปฏิสัมพันธ์ ทำให้เด็กเป็นฝ่ายรับและจำอย่างเดียว ข้อมูลอาจไม่มีการคัดกรองหากเป็นข้อมูลไม่ดีก็จะเป็นผลเสีย เพราะพัฒนาการของเด็กปฐมวัยจะมีการลอกเลียนแบบจากสิ่งที่เรียนรู้ใกล้ตัวได้ง่าย ดังนั้น อาจจำเรื่องไม่ดีมาจากสื่อโดยที่พ่อแม่ไม่ได้รับรู้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี