“ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตได้” เชื่อว่าคนเราทุกคน ทั้งคนที่มีสุขภาพดีและคนที่เจ็บป่วย ต้องล้วนแล้วแต่อยากเป็นคนที่ดูดีในสายตาของผู้อื่นอยู่เสมอ ผู้ป่วยหลายคนจึงเลือกทำศัลยกรรมความงาม หลังจากรักษาโรคมะเร็งจนหายดีแล้ว เพื่อคืนความสุขและให้ชีวิตใหม่กับตัวเอง
นายแพทย์ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ในฐานะศัลยแพทย์ผู้สะสมประสบการณ์และมีผลงานด้านการศัลยกรรมความงามจนเป็นที่ประจักษ์ และได้รับความไว้วางใจจากคนไข้ทุกเพศ ทุกวัยกล่าวว่า การศัลยกรรมความงาม จะมีผลต่อการเกิดโรคมะเร็ง จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 การทำศัลยกรรมความงามไม่เพิ่มและไม่ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง กลุ่มที่ 2 ศัลยกรรมความงามที่ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง และกลุ่มที่ 3 ศัลยกรรมความงามที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งมากขึ้น
กลุ่มคนไข้ที่ไม่เพิ่มและไม่ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง เช่น คนไข้เสริมซิลิโคนหน้าอก หากทำทุกขั้นตอนอย่างถูกต้องตามหลักทางการแพทย์ ด้วยการเลือกใช้ซิลิโคนที่ดี มีคุณภาพ ได้มาตรฐานการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย. ) และ องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Food and Drug Administration) หรือ U.S. FDA รวมถึงมีผลงานวิจัยรองรับ ก็เท่ากับว่า เป็นการทำศัลยกรรมความงามที่ปลอดภัยแต่ถึงอย่างไร ผู้ที่ทำศัลยกรรมหน้าอก ก็ต้องหมั่นตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับต้นๆ ในเพศหญิง
กลุ่มถัดมา เป็นคนไข้ที่ต้องการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง คือ กลุ่มที่ตัดเนื้อเต้านมออก เช่น กรณีคนไข้มีหน้าอกขนาดใหญ่แล้วทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันลำบาก จึงต้องการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกจากใหญ่ให้เล็กลง ถือว่าเป็นการช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านมให้น้อยลงได้ หรือกรณีเป็นผู้หญิงต้องการผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้ชาย ก็ตัดเนื้อเต้านมออกทั้งหมด ซึ่งนอกจากจะเป็นการศัลยกรรมความงามแล้ว ยังช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งเต้านมได้ถึง 100% ด้วย
อีกกลุ่มที่สำคัญมาก เป็นคนไข้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งมากขึ้น เพราะบางรายไปทำศัลยกรรมด้วยวัสดุหรือสารที่ไม่มีคุณภาพ ยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับร่างกายคนไข้ เนื่องจากไม่มีทางทราบว่าวัสดุหรือสารที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย จะก่อให้เกิดเป็นมะเร็งหรือไม่ หรือบางรายวัสดุหรือสารนั้นไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่สะสมไปในร่างกายเรื่อยๆ อาจเป็นอันตรายภายหลังได้ เช่น คนไข้ฉีดซิลิโคนเหลวเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใบหน้า เต้านม หรืออวัยวะเพศในระยะยาวอาจเสี่ยงต่อการเกิดก้อนแข็ง และมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้
กับคำถามที่ว่า ศัลยกรรมอย่างไร ให้ปลอดภัยจากมะเร็ง นายแพทย์ธนัญชัย กล่าวว่า การทำศัลยกรรมทุกส่วนให้มีความปลอดภัย คนไข้จำเป็นต้องเลือก 3 ปัจจัยให้ถูกต้อง ดังนี้ ปัจจัยที่ 1 เลือกวัสดุที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองทางการแพทย์ ปัจจัยที่ 2 เลือกแพทย์ผ่าตัดที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงจบเฉพาะทางด้านศัลยกรรมความงาม และปัจจัยที่ 3 เลือกความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก โดยคนไข้ควรมีแนวคิดที่ถูกต้องในการทำศัลยกรรม ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นเรื่องหลัก
“หมอจะแนะนำคนไข้ว่า ยิ่งทำน้อย ยิ่งทำพอดีกับร่างกาย และยิ่งเลือกเก่ง จะยิ่งปลอดภัยจากการทำศัลยกรรม หมอขอยกตัวอย่าง คนไข้บางท่าน เมื่อทำศัลยกรรมเสร็จ ดูสวยในช่วงแรก ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก หรือการเสริมซิลิโคนที่จมูกให้ดูพุ่งมากเกินไป สิ่งเหล่านี้ในระยะยาว มักเกิดปัญหา ไม่ใช่แค่ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง แต่ยังมีปัญหาอื่นๆ เช่น หน้าอกที่คนไข้เสริมมีขนาดใหญ่มากเกินไป ทำให้คนไข้ต้องแบกรับน้ำหนักของหน้าอก จนมีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยตามมา หรือจะเป็นการเสริมซิลิโคนที่จมูกให้พุ่งโด่งสูงมากเกินไป โอกาสเสี่ยงติดเชื้อหรือทะลุ มีได้ง่าย ดังนั้น ไม่ว่าคนไข้จะทำศัลยกรรมในส่วนไหน ควรคำนึงถึงความพอดีและความปลอดภัยต่อร่างกายเป็นที่ตั้ง
ขณะที่ การศัลยกรรมกับผู้ป่วยโรคมะเร็ง นายแพทย์ธนัญชัย อธิบายว่า ในปัจจุบันวิวัฒนาการทางการแพทย์เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก การรักษาโรคมะเร็งส่วนใหญ่ก็จะสามารถรักษาหายได้ตามขั้นตอนทางการแพทย์ และเมื่อมะเร็งรักษาหายหรืออาการดีขึ้นแล้ว คนไข้สามารถทำการผ่าตัดศัลยกรรมความงาม เพื่อทำให้ร่างกายและจิตใจดีขึ้น ซึ่งนอกจากคนไข้จะมีกำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้าย ยังมีพลังใจที่ดีในการดำเนินชีวิตมากขึ้นด้วย
“อย่างกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม เมื่อตัดเต้านมทิ้ง และหลังจากกระบวนการรักษาโรคมะเร็งเสร็จสิ้นลง ก็สามารถผ่าตัดศัลยกรรมสร้างเต้านมเทียม พร้อมทำลานหัวนมและหัวนมขึ้นมาใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ การผ่าตัดศัลยกรรมต้องได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และขึ้นอยู่กับระยะของการเป็นมะเร็งเต้านมด้วย โดยถ้าเป็นมะเร็งเต้านมในระยะแรก หากแพทย์มั่นใจว่าจะสามารถตัดเนื้อเต้านมที่มีเชื้อมะเร็งออกได้ทั้งหมด และคนไข้ไม่จำเป็นต้องรับการฉายแสงหรือคีโม หรือกรณีคนไข้ที่ยังไม่เป็นโรคมะเร็ง แต่มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง ทำให้คนไข้มีโอกาสเสี่ยง จึงตัดสินใจตัดเต้านมออก ในกรณีนี้สามารถผ่าตัดเนื้อเต้านมออกแล้วใส่ถุงซิลิโคนเข้าไปได้ทันที ส่วนกรณีคนไข้ที่เป็นมะเร็งเต้านมในระยะอื่น เมื่อผ่าตัดเนื้อเต้านมเรียบร้อยแล้ว คนไข้ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการฉายแสงหรือเคมีบำบัด เพื่อรักษามะเร็งเต้านมให้หายดีก่อน ค่อยผ่าตัดเสริมซิลิโคนเข้าไปในภายหลัง
มีคนไข้ท่านหนึ่งน่าสนใจ ป่วยเป็นมะเร็งที่บริเวณใบหน้า เข้ารับการผ่าตัดและฉายแสงที่ใบหน้า เพื่อรักษาโรคมะเร็ง โดยเมื่อรักษาโรคมะเร็งจนจบ ปรากฏว่าใบหน้าของคนไข้มีลักษณะตอบลงอย่างเห็นได้ชัดส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้ำหนักตัวของคนไข้ลดลงไปหลายกิโลกรัมในช่วงของการรักษาตัวทำให้ใบหน้ายิ่งดูโรยรามากกว่าวัย ซึ่งเป็นความเสื่อมโทรมของสุขภาพร่างกายจากการรักษาโรคมะเร็ง คนไข้จึงบินตรงมาไกลจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อมาขอคำปรึกษาจากหมอ ในการพัฒนาใบหน้าให้กลับมาดูดียิ่งขึ้น หมอจึงแนะนำให้ศัลยกรรมดึงหน้า นำไขมันบริเวณหน้าท้องและที่ต้นขามาสกัดเป็นเซลล์แล้วฉีดเข้าบริเวณใบหน้า ซึ่งหมอได้ทำการปรับสภาพผิวหน้าเเละเติมเต็มผิว ด้วยการผสานเทคนิคเติมเต็มร่องต่างๆ ด้วยไขมันของคนไข้เอง (Fat Grafting) ร่วมกับการปรับสภาพผิวหน้าด้วยสารสกัดพลาสม่า (PRP) กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ให้ใบหน้าดูอ่อนวัยลง แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย เพิ่มความอวบอิ่ม เติมเต็มความอ่อนเยาว์ พร้อมพัฒนาคุณภาพผิวหน้า ในการผ่าตัดครั้งเดียว โดยผลลัพธ์ที่ได้ คนไข้รู้สึกพึงพอใจมาก หมอสัมผัสได้ถึงความสุขและคุณภาพชีวิตของคนไข้ที่ดียิ่งขึ้น
คนไข้บางท่านนอกจากทำศัลยกรรมเพื่อตัวเอง ยังทำเพื่อคนรอบข้างต้องการให้คนอื่นเห็นว่าใบหน้าเขาดูดียิ่งขึ้นซึ่งพอสุขภาพร่างกายเราดี ก็มีผลต่อจิตใจทำให้มีกำลังใจมากขึ้น ดังนั้น ความสุขของหมอ คือ ความสุขของคนไข้ ถ้าหมอทำศัลยกรรมให้กับคนไข้แล้วทำให้เขามีความสุข มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น สามารถให้ชีวิตใหม่และเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาได้ หมอถือว่าเป็นความสำเร็จในชีวิตศัลยแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่หมอรู้สึกภูมิใจมากที่สุดสามารถปรึกษาเรื่องศัลยกรรมความงามโทร.02-8670606 ต่อ 1200-1204”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี