กรมอนามัย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การใช้หลักสูตรดูแลเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เพื่อพัฒนาศักยภาพวิทยากรประจำหลักสูตรดูแลเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ณโรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรารองอธิบดีกรมอนามัย ว่า การส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยด้านร่างกายสติปัญญา อารมณ์และสังคม มีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยเฉพาะช่วงวัยแรกเกิดถึงอายุ 5 ขวบ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนาสมอง ซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในช่วง 2 ปีแรกของชีวิต การเลี้ยงดูและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย จึงเป็นไปในรูปแบบเพื่อสร้างการพัฒนาพื้นฐานที่สมบูรณ์สำหรับเด็กแต่ละคน นอกจากนี้ การได้รับความผูกพันในช่วงวัยแรกเกิด-3 ขวบจะเสริมสร้างให้เด็กมีความสามารถในด้านการคิดและพฤติกรรมที่สร้างสรรค์ต่อสังคม ความผูกพันจึงไม่ได้เป็นเพียงสายใยที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กกับพ่อ แม่ เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับผู้เลี้ยงดูเด็ก ซึ่งทำหน้าที่แทนพ่อและแม่

นายแพทย์เอกชัย กล่าวต่อไปว่า ข้อมูลจากงานวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่า แนวโน้มที่เด็กปฐมวัยจะมีโอกาสอยู่ในครอบครัวที่มีพ่อและแม่ครบทั้งคู่น้อยลง โดยสัดส่วนในชนบทมีปัญหามากกว่าในเมือง จากการสำรวจสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทั่วประเทศ ในปี 2564 โดยกรมอนามัย พบว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่รับดูแลเด็กต่ำกว่า 2 ขวบ มีเพียง 10 แห่ง ซึ่งเป็นสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยหรือ Day care ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของสถาบันผลิตพยาบาล และยังขาดแคลนสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่รับดูแลเด็กต่ำกว่า 2 ขวบ ในสังกัดอื่นๆ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความไม่พร้อมด้านบุคลากร เช่น จำนวนบุคลากร ความรู้และทักษะในการดูแลเด็กเล็กด้านสถานที่ และด้านงบประมาณในการให้บริการ

“กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขเร่งเสริมสร้างศักยภาพสถานพัฒนาเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ  โดยมอบหมายให้สถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ จัดทำโครงการเสริมศักยภาพสถานพัฒนาเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เพื่อสนับสนุนแผนการดำเนินงานภายใต้นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ เพราะถ้าสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยมีคุณภาพจะส่งผลให้การดูแลเด็กให้มีคุณภาพเจริญเติบโตแข็งแรง มีพัฒนาการสมวัย และมีความสมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา เติบโตเป็นคนไทยที่พึงประสงค์ เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศชาติต่อไป” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด