ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอเพื่อรองรับการใช้สมุนไพรอย่างเดียว เป็นวิธีการรักษามะเร็งอย่างเป็นทางการ การรักษามะเร็งในปัจจุบันมักใช้วิธีการแพทย์ทางการ ที่ได้ผ่านขั้นตอนการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการวิจัยและรับรองว่ามีประสิทธิภาพ เช่น การผ่าตัด รังสีรักษา และการให้ยาที่ผลต่อเซลล์มะเร็ง

การใช้สมุนไพรหรือวัตถุดิบธรรมชาติ หรือสารเคมีต่างๆ ที่ยังไม่ได้ผ่านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการควบคุมอย่างเป็นขั้นตอนอาจจะมีความเสี่ยงและไม่มีการรับรองว่า จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีความไม่แน่นอนในเรื่องของปริมาณ และประสิทธิภาพของสาระสำคัญที่มีอยู่ในสมุนไพร และไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอที่จะพิสูจน์ เพราะว่าขั้นตอนการศึกษาและพัฒนายารักษามะเร็งเพื่อให้ทราบถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย คือ

1 . ค้นคว้าและวิจัย : การวิจัยเบื้องต้นเพื่อค้นหาสารที่อาจมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง การนำเสนอไอเดียใหม่ๆ การทดสอบในหลอดทดลอง และการศึกษาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่แล้ว

2. การทดสอบในสัตว์ทดลอง : การทดสอบสารหรือวิธีการในสัตว์ทดลองเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย และประสิทธิภาพเบื้องต้น

3.Clinical trials (ทดลองในมนุษย์) แบ่งออกเป็น

- ระยะที่ 1 : ทดสอบความปลอดภัยและการทนทานต่อยาในกลุ่มคนที่มีขนาดเล็ก

- ระยะที่ 2 : ทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในกลุ่มคนที่มีจำนวนมากขึ้น

- ระยะที่ 3 : ทดสอบในกลุ่มคนที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นเพื่อยืนยันประสิทธิภาพ และความปลอดภัย

4. การขอรับรองจากหน่วยงานการอนุมัติ (Regulatory approval) : ยาที่ผ่านทุกระยะการทดลองจะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานการอนุมัติยาของแต่ละประเทศ เช่น องค์การอาหารและยาของประเทศไทย

5. Post marketing surveillance : ตรวจสอบความปลอดภัย และประสิทธิภาพของยาที่ใช้จริงในประชากรทั่วไป

ดังนั้นจากขั้นตอน ทั้ง 5 จึงทำให้เห็นว่าการพัฒนายาในการรักษามะเร็งมีขั้นตอนที่ยาวนาน และต้องผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์และคลินิกอย่างเข้มงวดเพื่อให้ได้ยาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด

หากผู้อ่านกำลังต้องการการรักษามะเร็งแนะนำให้พบกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการรักษาที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แต่ถ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาด้วยสมุนไพร จะนำมาเล่าอีกครั้ง ครับ

นายแพทย์ภาสกร วันชัยจิระบุญ

ผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา

ศูนย์ความเป็นเลิศด้านมะเร็ง โรงพยาบาลพระปกเกล้า

และ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย