วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ที่ผ่านมาผู้นำหญิงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนในประเทศไทย ก่อนที่ ESG (Environment, Social และ Governance) เป็นที่รู้จักและยังมีโครงการด้านความยั่งยืนหลายโครงการที่นำโดยผู้หญิงในประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนา “ผู้นำหญิงแห่งองค์กรเพื่อความยั่งยืน” โดยมี 3 ผู้นำหญิงซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในสังคม ได้นำแนวคิดและประสบการณ์ในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนร่วมเสวนาในครั้งนี้
คุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา กรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และประธานโครงการพัฒนาการศึกษา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเวลาสองทศวรรษ เมื่อ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ยังเป็นที่จับตามองอยู่นั้นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตรัสเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อนอยู่เสมอ แต่ก็ยังไม่มีใครสนใจ เกี่ยวกับเรื่องนี้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2515 เดิมชื่อว่า มูลนิธิส่งเสริมผลผลิตชาวเขาไทย ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีเป้าหมายในการทำการตลาด ส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมราษฎร ชาวไทยภูเขา และให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ต่อมา ในปี 2528 เปลี่ยนเป็นมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ก่อตั้งขึ้นตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนที่ไร้โอกาส ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีการศึกษา สามารถพึ่งพาตนเอง สนใจใฝ่รู้ที่จะสร้างโอกาสให้กับชีวิต รักษ์ป่า และเข้าใจว่าคนกับป่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ รวมทั้งทำงานด้านอนุรักษ์ศิลปะ ประเพณี และวัฒนธรรมล้านนา และชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆให้อยู่สืบไป ปัจจุบัน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นนายกกิตติมศักดิ์ มูลนิธิยังคงทำงานสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จย่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประโยชน์ให้คนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ในการเป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ภายใต้ปรัชญา “ปลูกป่า ปลูกคน” ช่วยให้ผู้คนดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน โครงการนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2531 ภายในภูมิภาคสามเหลี่ยมทองคำ และได้เปลี่ยนเขตปลูกฝิ่นให้เป็นพื้นที่ปลูกป่า โดยจัดการกับปัญหาความยากจนและโอกาสที่จำกัด การค้ายาเสพติดที่มีความเสี่ยงถูกแทนที่ด้วยการปลูกกาแฟแบบยั่งยืน ผู้หญิงถูกสอนให้ตัดเย็บจะได้ไม่ต้องค้าประเวณี“ถ้าท้องไม่อิ่มก็อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องการศึกษาเลย”คุณหญิงพวงร้อย กล่าวถึงปรัชญาโครงการพัฒนาดอยตุง หลังจากที่ชาวเขาเรียนรู้ที่จะหาเลี้ยงชีพ การศึกษาก็กลายเป็นปัจจัยสำคัญโดยมีความพยายามมุ่งเน้นไปที่ภาษา การอ่านออกเขียนได้ และการปลูกฝังค่านิยมหลักในชุมชน มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงและโครงการเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวโครงการใหม่ที่ยั่งยืนมาพร้อมกับความท้าทายหลายประการ และความยากในการโน้มน้าวผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก เช่น รัฐบาล ให้รับผิดชอบต่อโครงการอย่างจริงจังและลงทุนในด้านความยั่งยืน”
.jpg)
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ นิสิตเก่า Sasin EMBA 1985 และประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทยกล่าวว่า “นักการเมืองชายให้ความสำคัญกับนโยบายที่จับต้องได้ เช่น การสร้างถนน ในขณะที่ผู้หญิงมักจะมองถึงผลที่ตามมาในระยะยาวของโครงการและใส่ใจสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมมากกว่า ผู้หญิงมีความสามารถโดยธรรมชาติในการมองเห็นอนาคตด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ ในปี 2541 ได้ริเริ่มโครงการไทยพึ่งไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงว่างงานให้มีงานทำและสร้างอาชีพในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำในประเทศ ในฐานะนักการเมือง โครงการมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงสุขภาพและโภชนาการในชุมชนท้องถิ่น ความคิดริเริ่มประการหนึ่ง คือการส่งเสริมสุขภาพด้วยการจัดเต้นแอโรบิกขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายสถิติและได้รับการบันทึกลงในกินเนสส์บุ๊คของ World Records ความพยายามนี้มุ่งหวังให้ผู้คนมากกว่า 20 ล้านคนเข้าถึงได้ในทุกจังหวัด นอกจากนั้นยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของโภชนาการที่ปลอดภัย โดยสนับสนุนแนวทาง “อาหารเพื่อสุขภาพ” และยังได้ดำเนินนโยบายลดโรคไม่ติดต่อ (NCDs) รวมถึงมะเร็งอีกด้วย อีกแง่มุมหนึ่งของการมุ่งเน้นด้านสุขภาพ คือการพัฒนาชุดทดสอบฟอร์มาลินในปลา ซึ่งเป็นวิธีในการประเมินคุณภาพและความปลอดภัยของการบริโภคปลา และยังทำงานร่วมกับเกษตรกรโดยตรงเพื่อจัดการทำฟาร์มตามโครงการอย่างเป็นอิสระ”
ธัญญพร กฤตติยาวุฒิ ผู้อำนวยการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย กล่าวถึง “บทบาทของธุรกิจในการขับเคลื่อนความยั่งยืน เกี่ยวกับแคมเปญForward Faster โดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัย 5 ประการที่ผู้คนให้ความสำคัญ ได้แก่ ความเท่าเทียมทางเพศ มาตรการแก้ไขสภาพภูมิอากาศค่าครองชีพ การเงินและการลงทุน การปรับปรุงคุณภาพน้ำ รวมถึงความสำคัญของการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และการมีส่วนร่วมขององค์กรพร้อมผลกระทบที่วัดผลได้ นอกจากนี้ได้เน้นย้ำว่าความยั่งยืนในฐานะองค์กรธุรกิจไม่ควรพิจารณาเฉพาะความน่าดึงดูดใจของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันการสิ้นเปลืองและลดต้นทุนให้เหลือน้อยที่สุด”
เมื่อกล่าวถึงโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืน คุณหญิงพวงร้อยให้คำแนะนำว่า “แนวทางเดียวสำหรับทุกคนไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้ทุกคนได้” คุณหญิงสุดารัตน์ยังสนับสนุนให้เน้นเชิงกลยุทธ์ในการพัฒนาทักษะ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักจัดลำดับความสำคัญในการจัดเตรียมทักษะที่จำเป็นสำหรับ
การพึ่งพาตนเองให้กับบุคคล เธอเน้นว่า “เราไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้โดยการแจกเงินเท่านั้น ถ้าไม่มีเครื่องมือหรือทักษะ เมื่อเงินหมด ทุกอย่างก็จะหมดไป” ธัญญาภรณ์กล่าวเสริมว่า “การพึ่งพานักลงทุนเพียงอย่างเดียว อาจทำให้รัฐบาลไม่ยั่งยืน”
ข้อมูลเชิงลึกเน้นถึงความสำคัญของแนวทางที่ปรับเปลี่ยนและมุ่งเน้นทักษะในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนจากการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปจนถึงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและความรับผิดชอบขององค์กร ประสบการณ์และความคิดริเริ่มแนวทางแบบองค์รวมที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายและยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี