แหวกฟ้าหาฝัน : Paul Klee in Kunst Museum Bern

แหวกฟ้าหาฝัน : Paul Klee in Kunst Museum Bern

วันอาทิตย์ ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

Air Castle 1922 detail

ใน Kunst Museum Bern นั้น ศิลปินที่โดดเด่นที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดในหอศิลป์นี้ก็คือ Paul Klee เขาเป็นบุตรคนที่สองของ Hans Wilhelm Klee ครูสอนดนตรีชาวเยอรมันกับ Ida Marie Klee มารดาที่เป็นนักร้องชาวสวิสส่งผลให้เขามีแรงบันดาลใจในเรื่องดนตรีเช่นเดียวกับพ่อแม่ ปี 1880 ครอบครัวของเขาย้ายมาอยู่ Bern เขาจึงเข้าเรียนโรงเรียนประถมที่เมืองนี้และเข้าเรียนไวโอลินที่โรงเรียนดนตรีประจำเทศบาล เขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์เสียจนกระทั่งเขาได้รับเชิญให้ไปเล่นและเป็นสมาชิกพิเศษของ Bern Music Association ด้วยอายุเพียงแค่ 11 ขวบนอกจากนี้ เขายังมีความสามารถทางด้านศิลปะอื่นด้วยโดยทำเป็นเพียงแค่งานอดิเรก อาทิเขียนบทกวี และร่างภาพ

แม้เขาจะประสบความสำเร็จอย่างสูงทางด้านดนตรีตามความปรารถนาของพ่อแม่ แต่เขากลับไม่รู้สึกมีแรงบันดาลใจในเรื่องดนตรีเท่ากับงานทัศนศิลป์ เขารู้สึกว่าการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ทำให้เขาสามารถที่จะมีอิสระมีความคิดและสามารถหาหนทางใหม่ๆในการทำงาน นอกจากเขาจะมีความสามารถทั้งทางด้านดนตรี และงานจิตรกรรมแล้ว เขายังมีความสามารถทางด้านวรรณกรรมด้วย ในปี 1898 บิดามารดาก็ยอมอนุญาตให้เขาเข้าเรียนที่ Academy of Fine Arts ในเมืองมิวนิค แม้เขาจะได้ตามความปรารถนาโดยต้องขัดใจบิดามารดา เขากลับขาดความสามารถในการใช้สีซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นตามธรรมชาติของการเป็นจิตรกร เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในผับ และมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหากิน และนางแบบ ซ้ำร้ายเขายังมีบุตรนอกสมรสอีกคนในปี 1900 ที่เสียชีวิตลงหลังเกิดไม่กี่สัปดาห์


Air Castle 1922

หลังจบการศึกษา เขาเดินทางไปตามเมืองต่างๆ ในอิตาลีเพื่อศึกษาผลงานจิตรกรรมของศิลปินดังๆ ของคริสต์ศตวรรษก่อน เขารู้สึกสนุกสนาน แต่ก็อึดอัดในขณะเดียวกันกับเรื่องการใช้สี เขาเดินทางกลับไปอาศัยกับพ่อแม่อยู่หลายปี พร้อมกับเรียนศิลปะเป็นครั้งคราว ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาเทคนิคใหม่ๆในการเขียนภาพด้วยการใช้เข็มบนแก้วสีดำปี 1905 เขาสามารถจัดนิทรรศการเดี่ยวด้วยผลงานจากเทคนิคนี้หลังจากใช้เวลาทำงานร่วม 2 ปี จนมีผลงานร่วม 60 ชิ้นปี 1919 เขาหันมาสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้รับการตอบรับ ถึงกระนั้นก็ตาม เขาสามารถได้สัญญากับ Hans Goltz นักขายภาพที่ได้ทำงานส่งเสริมการขายผลงานของเขาจนทำให้งานของเขาเป็นที่ยอมรับและขายได้เป็นจำนวนมาก

ปี 1921 เขาเริ่มเข้าสอนที่ Bauhaus ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเขียนกระจกสี การทำหนังสือ และจิตรกรรมฝาผนัง แม้เขาจะมีเรื่องโต้แย้งเกี่ยวกับทฤษฎีหลายอย่างใน Bauhausแต่ในปีต่อมาเขาก็สามารถจัดนิทรรศการได้ที่ Bauhausอีกทั้งยังเป็นสมาชิกของกลุ่ม Die Blaue Vier หรือ The Blue Four ที่ประกอบไปด้วย Kandinsky, Lyonel Feininger และ Alexej von Jawlensky นับจากนั้นมาเขาสามารถจัดแสดงนิทรรศการทั้งเดี่ยวและร่วมกับผู้อื่นในเมืองอื่นๆ ทั้งในและนอกยุโรป อาทิ ปารีส อียิปต์ ปี 1931-1933 เขาได้มีโอกาสไปสอนที่ Dusseldorf Academy เขาสามารถสร้างสรรค์งานได้มากถึง 500 ชิ้น และเป็นที่ชื่นชมมากของทั้งกลุ่มอาจารย์และนักศึกษา เขาบอกทุกคนว่าเขาเป็นอาหรับ แต่แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นยิว เลยถูกตำรวจนาซีจับและไล่ออกจากมหาวิทยาลัย เขาจึงพาครอบครัวย้ายกลับมาอยู่สวิสในปี 1933

Flora on the Rock 1940

เขาเริ่มมีอาการของ Scleroderma โรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตัวเองที่ทำให้หนังแข็งจนเขาใช้มือไม่ได้ดังใจ และเริ่มกลืนลำบาก แม้อาการของเขาจะทรุดลงเรื่อยๆ จนทำให้บางปี เขาสร้างสรรค์ผลงานได้เพียง 25 ชิ้น แต่ในปี 1939 เขากลับสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่เน้นรูปแบบของเรขาคณิตที่ไม่เน้นสีได้ถึง 1,200 ชิ้น นักท่องเที่ยวจะเห็นว่าผลงานของ Klee มีหลากหลายรูปแบบมาก แต่ในช่วงทศวรรษที่ 1930 เขาสร้างงานที่มีลักษณะที่มีความผสมผสานกับ Impressionism style Dot ด้วยซึ่งเหมาะสมกับการรังสรรค์บนกระจกสีนั่นเอง

Greek and Barbarian 1920
Greek and Barbarian 1920
To Parnassus 1932
To Parnassus 1932
To Parnassus 1932
To Parnassus 1932
No Title 1917
No Title 1917

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top