ลดบวมน้ำเหลืองในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ด้วยเครื่องบำบัดแรงดันลบ

ลดบวมน้ำเหลืองในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ด้วยเครื่องบำบัดแรงดันลบ

วันพุธ ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

การรักษามะเร็งเต้านมส่วนใหญ่จะเริ่มต้นด้วยวิธีการผ่าตัด เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการควบคุมโรคมะเร็งเต้านม แต่ผู้ป่วยหลายคนมักประสบปัญหามีอาการบวมน้ำเหลืองหลังจากผ่าตัด ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ เช่น การเคลื่อนไหวร่างกาย และความกังวลเกี่ยวกับอาการ


นพ.ธนวัฒน์ เพชรรัชตะชาติ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลเวชธานี

นายแพทย์ธนวัฒน์ เพชรรัชตะชาติ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่าการผ่าตัดมะเร็งเต้านมมักจะต้องมีการเลาะต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ออก เพื่อประเมินการลุกลามของโรค และเพื่อกำจัดมะเร็งที่ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง เมื่อต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ถูกเลาะออกไปจะทำให้การขนส่งน้ำเหลืองหยุดชะงักน้ำเหลืองบริเวณนั้นจึงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการอุดตันและมีอาการบวมน้ำเหลืองตามมา โดยเฉพาะหากได้รับการผ่าตัดเลาะต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ร่วมกับการฉายรังสี จะมีโอกาสเกิดภาวะแขนบวมน้ำเหลืองมากกว่า 30%

อาการบวมน้ำเหลืองสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทุกคนที่ได้รับการรักษา โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงเรื่องแขนบวมน้ำเหลืองมากที่สุดในช่วง 3 ปีแรก (12-30 เดือน) ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาอาการบวมน้ำเหลืองให้หายขาด แต่เป้าหมายของการรักษาคือ ลดอาการบวม และรักษาระดับอาการให้กลับสู่ระยะที่ไม่แสดงอาการ

วิธีการลดบวมน้ำเหลืองที่เป็นมาตรฐาน คือ Complete Decongestive Therapy หรือ CDT ประกอบไปด้วย การดูแลผิว, การนวดระบายน้ำเหลือง, การใช้ผ้ายืดหรือปลอกแขนลดบวม, และการออกกำลังกาย ซึ่งการนวดระบายน้ำเหลือง เป็นการนวดเพื่อกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนน้ำเหลืองทำงานได้ดียิ่งขึ้น อาการบวมก็จะลดลง

ในปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยกระตุ้นระบบน้ำเหลือง เรียกว่า “เครื่องบำบัดแรงดันลบ” หรือ Negative Pressure Therapy หลักการคือเครื่องมือตัวนี้จะทำให้เนื้อเยื่อในบริเวณที่รักษามีการขยายออก ส่งผลให้ผนังหลอดน้ำเหลืองฝอยขยายตัว ของเสียจึงไหลเข้าสู่หลอดน้ำเหลืองฝอยได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้กลไกการทำงานของระบบน้ำเหลืองกลับมาปกติ โดยใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 45-60 นาที/ครั้ง แนะนำทำ 3 ครั้ง/สัปดาห์ รวม 10-15 ครั้งซึ่งสามารถทำภายหลังการผ่าตัดได้โดยจะมีแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเป็นผู้ประเมินผู้ป่วยเป็นรายๆ ไป

ข้อดีของการกระตุ้นระบบน้ำเหลืองด้วยเครื่องบำบัดแรงดันลบ คือมีประสิทธิภาพในการลดบวมน้ำเหลืองมากกว่าการนวด ลดความเมื่อยล้าของนักกายภาพบำบัด ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องมาจากการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย ขณะที่ข้อห้ามในการทำแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

ข้อห้ามโดยเด็ดขาด คือ ผู้ป่วยลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึกแบบเฉียบพลัน, บริเวณที่รักษามีการติดเชื้อ, ผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว, อาการบวมน้ำจากโรคหัวใจ, โรคไตวาย, ภาวะที่มีการเพิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หรือระบบน้ำเหลืองไหลกลับเข้าสู่หัวใจ

ข้อห้ามโดยอนุโลม (พิจารณาเป็นรายๆ ไป) ผู้ป่วยมะเร็ง, หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีการข้อห้ามในการนวดระบายน้ำเหลืองด้วยมือ

ทั้งนี้ การใช้เครื่องบำบัดแรงดันลบจำเป็นต้องทำร่วมกับการดูแลผิว, การใช้ผ้ายืดหรือปลอกแขนลดบวม และการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดปวด ลดบวม และเพิ่มคุณภาพชีวิตได้มากที่สุด

“แนะนำผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการผ่าตัดรักษาแล้ว ควรกลับมาพบแพทย์ภายในระยะเวลา 1 เดือน หลังผ่าตัด เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงภาวะบวมน้ำเหลือง แต่หากผู้ป่วยสังเกตว่ามีอาการบวมเกิดขึ้นและเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ให้รีบมาพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบ 1 เดือน” นายแพทย์ธนวัฒน์กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top