นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว พร้อมด้วยผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุขรองอธิบดีกรมอนามัย นำคณะผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ ดร.จอส ฟอนเดลาร์ (Dr. Jos Vandelaer) ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย คยองซัน คิม (Ms. Kyungsun Kim) ผู้แทนยูนิเซฟประจำประเทศไทยสิริลักษณ์ เชียงว่อง หัวหน้าสำนักงานกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ประจำประเทศไทย ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางในการพัฒนา ความร่วมมือสนับสนุนวาระแห่งชาติเรื่องการเพิ่มประชากร ภายใต้นโยบายส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพ และเยี่ยมชมคลินิกส่งเสริมการมีบุตร, ANC คุณภาพ / โรงเรียนพ่อแม่, ห้องคลอดคุณภาพ, Well child clinic, Day care ของโรงพยาบาลนครพิงค์ และหน่วยบริการของภาคีเครือข่าย
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขได้ผลักดันประเด็นการส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพในการพัฒนาประชากรและทุนมนุษย์ให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เกิดการบูรณาการทุกภาคส่วนในการร่วมกันแก้ไขปัญหา ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศได้ในเดือนมีนาคมนี้
โดยมีสาระสำคัญที่พิจารณาคือ มาตรการส่งเสริมการมีบุตร ทั้งเรื่องความสมดุลการทำงานกับการดูแลครอบครัว การแบ่งเบาค่าใช้จ่ายและภาระในการเลี้ยงดูบุตร การช่วยเหลือคนที่มีบุตรยาก รวมไปถึงการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ในกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มหนุ่มโสด สาวโสด ที่อยากมีบุตรแต่ไม่อยากมีคู่ ให้มีโอกาสที่จะมีบุตรได้ เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาเด็กเกิดน้อยมาอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2565 มีจำนวนเด็กเกิดใหม่เพียง 485,085 รายน้อยที่สุดในรอบกว่า 70 ปี และจำนวนการเกิดยังน้อยกว่าการตาย ทำให้จำนวนประชากรลดลงตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังพบว่าอัตราการเจริญพันธุ์รวม (Total Fertility Rate) หรือจำนวนบุตรโดยเฉลี่ยของหญิงไทยลดลงเหลือเพียง 1.08 ซึ่งต่ำกว่าระดับทดแทนและมีแนวโน้มที่จะลดลงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ และหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป คาดการณ์ว่า ในอีก 60 ปี ข้างหน้า จำนวนประชากรไทยจะลดลงถึงครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 33 ล้านคน โดยวัยทำงานลดลงจาก 46 ล้านคน เหลือเพียง 14 ล้านคน ส่วนเด็กอายุ 0-14 ปี ลดลงเหลือเพียง 1 ล้านคน ขณะที่ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี จะเพิ่มขึ้นจาก 8 ล้านคน เป็น 18 ล้านคน ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างจำนวนประชากรมากขึ้น และเสี่ยงต่อการขาดแคลนแรงงาน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศในอนาคต
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข จึงได้มอบหมายให้กรมอนามัย เป็นแกนหลัก ในการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพ ภายใต้แนวคิด “Give Birth Great World การเกิดคือการให้ที่ยิ่งใหญ่” สนับสนุนให้โรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งจัดตั้งคลินิกส่งเสริมการมีบุตร บริการให้คำปรึกษา วางแผนการตั้งครรภ์ วินิจฉัยและรักษาภาวะมีบุตรยาก รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก (IUI) และพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลให้สามารถให้บริการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังผลักดันให้การรักษาภาวะมีบุตรยากเป็นสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานซึ่งใกล้จะเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว
“ที่ผ่านมา การดำเนินงานด้านการคุ้มครองสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นแม่และเด็ก ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) องค์การอนามัยโลก (WHO Thailand) องค์การยูนิเซฟ (UNICEF Thailand) ทั้งด้านความร่วมมือทางวิชาการ และการขับเคลื่อนงานระดับพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มเปราะบาง ซึ่งการผลักดันให้การส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพเป็นวาระแห่งชาติครั้งนี้ ก็ได้รับการชื่นชม จากทั้ง 3 องค์กรเช่นกันเชื่อว่าจะก่อให้เกิดแรงกระตุ้นและเกิดการขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี