ครบรอบ 10 ปีร้านยักษ์กะโจน สาขาสัมมากร “ธรรมธุรกิจ” ซึ่งเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจพอเพียงได้จัดงาน “1 ทศวรรษ ธรรมธุรกิจ” ภายในงานได้มีการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน และรับฟังรายงานการดำเนินการตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตลอดจนเป้าหมายในอนาคตของธรรมธุรกิจ

พิเชษฐ โตนิติวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป กล่าวว่า ร้านยักษ์กะโจน ในขณะนี้มีทั้งสิ้น 2 สาขา ที่บรรทัดทองใกล้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับที่หมู่บ้านสัมมากร รามคำแหง 112 โดยสิ่งที่ทำนี้คือ การเปลี่ยนความคิดเกษตรกร ไม่ใช่สั่งให้เกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์แล้วรับผลผลิตมาขาย ที่ผ่านมาสื่อมวลชนจะชอบถามตนว่า สิ่งที่ธรรมธุรกิจทำอยู่คือ การแก้ปัญหารายได้หนี้สิน หรือความยากจนของเกษตรกรใช่หรือไม่ตนบอกว่าไม่ใช่ แต่เป็นการแก้ปัญหาชีวิต คือเปลี่ยนวิธีคิดเป็นปลูกพืชให้พอกินก่อน ส่วนบริษัทของตนนั้นค่อยไปเก็บของที่เหลือมาให้คนในเมืองได้กิน

พิเชษฐ โตนิติวงศ์

จากเป้าหมายระดมทุน 3 ล้านหุ้น เป็นเงิน 300 ล้านบาท (ไม่นับค่าธรรมเนียมรวม 3 ล้านบาท) ใช้เวลา 3 ปี จนขณะนี้ระดมได้แล้ว 180 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายอีกร้อยกว่าล้านบาท ต้องการนำมาขยายร้านยักษ์กะโจน ลองนึกถึง 4 จังหวัด ทั้งกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ มีทั้งหมด 69 เขตอำเภอ อยากให้มีอย่างน้อยเขตอำเภอละ 1 สาขา ซึ่ง พิเชษฐ ได้ขยายความเพิ่มเติมในช่วงท้ายของการสนทนาว่า “พอเพียงไม่จำเป็นต้องเป็นเกษตรกรเท่านั้น” อย่างตนให้ไปปลูกพืชอะไรก็คงไม่เก่ง สู้เขาไม่ได้ ไม่ถนัด ก็ควรปล่อยให้เกษตรกรที่เขาถนัดทำไปดีกว่า แต่ตนเป็นพ่อค้ามองตลาดออก เข้าใจว่าระบบทุนนิยม-ระบบเศรษฐกิจคิดอะไร ธุรกิจอื่นคิดอะไร การแข่งขันต้องเป็นอย่างไร แถมตนจบบัญชีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรู้จักเทคโนโลยี ก็สามารถใช้ความรู้ที่มีเข้ามาช่วยได้ ดังนั้น ตนในฐานะเจ้าของโรงสีจึงเลือกมาทำวิสาหกิจเพื่อสังคม

“คิดว่าปี 2567 เราน่าจะมีกำไรแล้ว เพราะว่ามันปูรากฐานมาค่อนข้างจะแข็งแรงแล้ว คนเริ่มรู้จักร้านยักษ์กะโจนมากขึ้น แล้วเราก็ปรับปรุงตัวเองมาเรื่อยๆ จากตอนแรกทำอาหารก็ไม่ได้เรื่อง ไม่อร่อย จนตอนนี้เราสุดท้ายไปหาทีม Creative Chef มาคิดว่าคนไทยให้การยอมรับมากกว่ามิชลิน เพราะผักพื้นบ้านของลูกศิษย์ยักษ์กะโจน คนกรุงเทพฯไม่เคยกิน รู้จักผักตูนไหม? รู้จักผักปลังไหม? อย่างนี้พี่ไปหากินได้ที่ยักษ์กะโจน ส้มตำปกติกินใช้มะละกอใช่ไหม? ลองไปกินส้มตำที่ใช้ฟักแม้ว มันมีหลากหลายมาก ซึ่งผมเชื่อว่าคนได้กินจะติดใจทีเดียว” พิเชษฐ กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน เชฟปูน ร้าน ยักษ์กะโจน กล่าวว่า เมนูอาหารของร้านจะเป็นเมนูออร์แกนิคเพื่อสุขภาพ จะเน้นเมนูอาหาร ปลอดสารและปลอดภัย สำหรับคนทานเป็นอย่างมาก สำหรับเมนูแนะนำคือ ส้มตำยักษ์กะโจน จะเป็นส้มตำฟักแม้ว แทนมะละกอ เมนูต่อไปคือ สลัดยักษ์กะโจน สำหรับเมนูนี้จะยึด ซีซ่าสลัดแต่จะเปลี่ยนจาก เบค่อน เป็นปลากรอบเค็มแทน

ทั้งนี้ บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างมีสีสัน โดยเฉพาะเมนูอาหารในงานมีความหลากหลายถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงาม น่ารับประทานอย่างยิ่งโดยเฉพาะรสชาตินั้นเป็นที่ถูกปากของแขกที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก ภายใต้คอนเซ็ปต์#อร่อยอย่างรู้ที่มาตามวัตถุดิบที่มีจากศิษย์ยักษ์กะโจน ซึ่งในร้านยักษ์กะโจนนั้น เป็นอาหารธรรมชาติแท้ๆ

เชฟปูน

โดยเฉพาะในเมนูพิเศษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ที่รังสรรค์จากวัตถุดิบธรรมชาติแท้จากคนปลูกธรรมธุรกิจศิษย์ยักษ์กะโจน และอาหารทะเลจากประมงพื้นบ้าน อาทิ สลัดปลาเคียวร์ กระเจี๊ยบแดง เป็นปลาเนื้อขาวจากประมงพื้นบ้าน นำมาเคียวร์ (Cure) โดยพอกเกลือและน้ำตาลให้เนื้อปลาแห้งและกินดิบได้ เติมสีสันให้เนื้อปลาด้วยกระเจี๊ยบแดงในการเคียวร์ กินกับผักกาดหิ่น ได้กลิ่นและรสคล้ายกินปลาดิบกับวาซาบิ เพิ่มรสชาติด้วยกระเจี๊ยบแดงลวก ผสมผสานกันอย่างลงตัว

นอกจากนี้ ยังมีเมนูพิเศษ ส้มตำกระเจี๊ยบแดง ส้มตำยักษ์กะโจนจากลูกฟักแม้วหั่นเส้น เพิ่มสีสัน รสชาติเปรี้ยวอ่อนๆ และเนื้อสัมผัสแปลกใหม่ด้วยกระเจี๊ยบแดงบำรุงหัวใจ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด หรือ เมนูสเต๊กซีฟู้ด และรีซอตโต้บีทรูทรีซอตโต้จากข้าวกล้องสันป่าตองเนื้อนุ่มเหนียว หอมชีสเข้มข้นเติมสีชมพูสดจากบีทรูท เสิร์ฟกับสเต๊กซีฟู้ดแบบจัดเต็ม เป็นต้น

พิเศษ !! ระหว่างนี้จนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถสำรองโต๊ะล่วงหน้า ยักษ์กะโจน สาขาสัมมากรรามคำแหง 112 ในหมู่บ้านสัมมากรตรงข้ามซอย 29 ได้หมายเลขโทรศัพท์ 062-6049119 เปิดบริการตั้งแต่ 09.00-21.00 น. หยุดทุกวันจันทร์

สำหรับ “ธรรมธุรกิจ” ถือเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจพอเพียง โดยการสร้างความมั่นคงทางอาหาร สร้างเครือข่ายคนปลูกที่ไม่ใช้สารเคมี อนุรักษ์ดินและน้ำ อีกทั้ง ยังได้ผลิตและจำหน่ายข้าว ผัก ปลา สนับสนุนการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ดำเนินงานมาเป็นระยะเวลา 10 ปี ในประเด็นปัญหาของภาคเกษตรไทยและทางออก บอกเล่าถึงประสบการณ์การไปเรียนกับ “อาจารย์ยักษ์” วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะอยากนำความรู้ไปช่วยเหลือชาวนา แต่อาจารย์ยักษ์ไม่ได้สอนปลูกข้าว หากแต่ชวนให้ “เปลี่ยนวิธีคิด” ว่าเกษตรกรต้องปลูกผลผลิตให้พอกินเองก่อนเหลือแล้วจึงขาย