ใน Kunst Museum Bern ยังมีผลงานของกลุ่มศิลปินใหญ่อีกกลุ่มที่ชื่อ Die Brucke ศิลปินแนว Expressionism ที่ก่อตั้งขึ้น ณ เมือง Dresden ในปี 1905 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งหลายคน อาทิ Fritz Bleyl, ErnstLudwig Kirchner และ Erich Heckel แนวความคิดหลักของศิลปินกลุ่มนี้คือ หลีกหนีจากแนวทางศิลปะแบบดั้งเดิมที่สอนกันตามโรงเรียนศิลปะ แต่ยังคงเชื่อมต่อระหว่างอดีตและปัจจุบันจึงใช้คำว่า Die Brucke ที่แปลว่า The Bridge ผลงานของศิลปินกลุ่มนี้เน้นไปที่งานร่างอย่างหยาบๆ เน้นนามธรรมมากกว่าความเหมือนจริงโดยแสดงออกถึงอารมณ์ด้วยสีสันที่เข้มข้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติเปรียบได้กับกลุ่ม Fauves ของฝรั่งเศส
Erich Heckel หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Die Brucke ที่มีผลงานใน Kunst Museum Bern นี้เกิดที่แคว้น Saxony เยอรมันในปี 1883 จากครอบครัวที่มีบิดาเป็นวิศวกรรถไฟ เขาเข้าเรียนที่ Realgymnasiumที่เมือง Chemnitz ในปี 1897 ก่อนจะเข้าเรียนสาขาสถาปัตยกรรมที่เมือง Dresden ระหว่างเรียนคณะสถาปัตยกรรมเขาได้รู้จักกับ Ernst Ludwig Kirchner, Karl Schmidt-Rottluffและ Fritz Bleyl เลยร่วมกันก่อตั้งกลุ่ม Die Brucke ขึ้น Heckel เรียนได้เพียง 3 เทอมเขาก็รู้สึกว่าอยากเป็นศิลปินมากกว่าสถาปนิกเลยลาออกและเข้าทำงานเป็นคนร่างแบบที่บริษัทสถาปนิก Wilhem Kreis
Heckel อาศัยชื่อของกลุ่ม Die Brucke มาออกแบบและจัดนิทรรศการของโรงงานโคมไฟ Max Seif แม้การจัดแสดงผลงานที่โรงงานโคมไฟล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า และโปสเตอร์ของเขาที่จัดทำก็ถูกตำรวจสั่งห้าติดประกาศ แต่การเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม Die Brucke ทำให้เขาสามารถใช้ชื่อกลุ่มทำมาหากินโดยรับเป็นผู้จัดการกลุ่มในการสร้างเครือข่ายและจัดนิทรรศการให้กับสมาชิกอื่น หรือศิลปินอื่นในเวลาต่อมา อาทิ Franz Marc ระหว่าง 1906-7 กลุ่ม Die Brucke ได้กลับมาจัดนิทรรศการอีกครั้งที่ Lobtau โดยเน้นที่งานกราฟิก และงานไม้ของ Wassily Kandinskyแต่การจัดนิทรรศการครั้งนี้ล้มเหลวอีกตามเคย พวกเขายังคงไม่ละความพยายาม และจัดแสดงนิทรรศการที่ Emil Richter Gallery ทุกปีอีก 3 ปี ติดต่อกัน
ระหว่างที่กลุ่ม Die Brucke ยังรวมตัวกันอย่างแน่นหนา พวกเขาพยายามที่จะทำการเชื่อมงานแนว Neo Romantic German กับ Modern Expressionism เข้าด้วยกันโดยใช้การพิมพ์บนสื่อที่มาต้นทุนต่ำเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย และง่ายต่อการสร้างสรรค์งาน อย่างไรก็ดี แม้พวกเขาจะชื่นชอบการร่วมงานกัน แต่ในที่สุดปี 1913 พวกเขาก็ตัดสินใจสลายกลุ่ม Heckel ตัดสินใจย้ายไปเบอร์ลินและสมัครเข้าอบรมเป็นทหารเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914 เขาถูกปลดประจำการและเข้าร่วมกับกาชาดเพื่อทำงานในโรงพยาบาลรถไฟที่ Flanders ในเดือนมีนาคม 1915 เขาพบ Max Beckmann ศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกคนที่นั่น พวกเขาได้มีโอกาสสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยการตกแต่งอาคาร และหน้าต่างในงานคริสต์มาส นอกจากนี้เขายังได้รู้จักกับ James Ensor ศิลปินแนว Expressionism ชาวเบลเยียม รวมทั้งนักสะสมงานศิลป์อีกหลายคนในช่วงเวลาที่อยู่กับกาชาดนี้
หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลง เขาได้มีโอกาสเขียนภาพในห้องชั้นหนึ่งที่ Angermuseum ซึ่งปัจจุบันชื่อว่า Heckelraum โดยผลงานชิ้นนี้ถือเป็นผลงานแนวGerman Expressionism ที่สำคัญที่สุดของโลกที่หลงเหลืออยู่ ในปี 1937 พรรคนาซีประกาศให้งานของ Heckel เป็นงานเสื่อมสภาพและห้ามจัดแสดงในที่สาธารณะโดยงานทั้ง 700 ชิ้นของเขาถูกโยนออกจากมิวเซียมในเยอรมันทั้งหมด ซ้ำร้ายปี 1944 ผลงานทั้งหมดของเขาที่สร้างสรรค์บนไม้ถูกทำลายลงด้วย หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เขาย้ายไปอยู่ที่ Gaienhefenใกล้ทะเลสาบ Constance โดยสอนที่ KarlsruheAcademy จนถึงปี 1955 ก่อนจะเสียชีวิตในปี 1970
นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสชมผลงานของ Erich Heckel ที่เหลืออยู่ไม่มากใน Kunst Museum Bern จะพบว่า งานของเขาดูแปลก ล้ำสมัย และกล้าหาญมาก อีกทั้งยังดูเย้ยหยัน และหยาบจนอาจเป็นเหตุผลให้นาซีไม่ยอมรับและทำลายงานของเขาไปหมดก็เป็นได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี