เวลาเมื่อรับยาจากโรงพยาบาล หรือแม้แต่ซื้อยาจากร้านขายยาก็ตาม คุณเคยสังเกตหรือไม่ว่าบนฉลากยาในส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับยานั้น นอกจากมีข้อมูลชื่อยา ความแรงของตัวยา ข้อบ่งใช้หรือสรรพคุณ และวิธีใช้ เช่น Amoxycillin 500 มิลลิกรัม ยาปฏิชีวนะ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ทุก 8 ชั่วโมง นอกจากนั้น ยังมีข้อความเพิ่มเติมบนฉลากว่า “รับประทานยานี้ติดต่อกันทุกวันจนหมด” ซึ่งผู้ใช้ยาต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะในกรณีโรคติดเชื้อ แม้ว่าอาการของโรคจะดีขึ้นแล้ว แต่ส่วนใหญ่เชื้อก่อโรคยังไม่หมดไปจากร่างกาย ผู้ป่วยจึงต้องรับประทานยาต่อเนื่อง เพื่อกำจัดเชื้อให้หมด และป้องกันปัญหาการเกิดเชื้อดื้อยา ซึ่งจะทำให้ใช้ยานั้นไม่ได้ผลเมื่อเกิดการติดเชื้ออีกในอนาคต
ข้อความเพิ่มเติมที่ยกตัวอย่างข้างต้นเรียกว่า “ฉลากช่วย” ซึ่งมีไว้เพื่อประสิทธิผล และความปลอดภัยในการใช้ยาสูงสุด ดังนั้นผู้ใช้ยาจะต้องอ่านฉลากช่วยให้เข้าใจถ่องแท้ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
นอกจากยาปฏิชีวนะที่ใช้ฆ่าเชื้อจุลชีพ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อก่อโรคอื่นๆ จะมีคำแนะนำเพิ่มเติมว่าให้รับประทานต่อเนื่องกันทุกวันจนหมดแล้วยาปฏิชีวนะบางชนิดยังมีปัญหาเรื่องการดูดซึม คือ ยาบางชนิดดูดซึมดีตอนท้องว่าง เพราะอาหารจะมีผลรบกวนการดูดซึมของยา ดังนั้นยากลุ่มนี้ต้องรับประทานก่อนอาหาร ซึ่งจะระบุเพิ่มเติมในฉลากช่วยว่า ควรรับประทานก่อนอาหารประมาณครึ่งถึง 1 ชั่วโมง ประเด็นสำคัญคือ หากลืมแล้วเผลอรับประทานอาหารมื้อหลักไปก่อนรับประทานยา จะต้องรอเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงจนท้องว่างอีกครั้ง จึงจะรับประทานยาที่ลืมได้
ถ้าเป็นยาที่รับประทานเพียงวันละ 1-2 ครั้ง ก็คงไม่ยากมากนัก แต่หากเป็นยาที่ต้องรับประทานถึง 4 ครั้ง อาจมีความยุ่งยากมากขึ้น เช่น ตอนเช้าเผลอรับประทานอาหารเช้าไปแล้วตอน 07.00 น. แล้วก็นึกได้ว่า ต้องรับประทานยาก่อนอาหารเช้า ซึ่งต้องรอท้องว่างอีก 2 ชั่วโมงก็จะเป็น 09.00 น. แต่ก็ใกล้กับมื้อเที่ยงซึ่งจะต้องรับประทานยาก่อนอาหารกลางวัน คือ 11.00 น. ก่อนอาหารกลางวัน 12.00 น.ซึ่งจะสังเกตว่า ยามื้อเช้ากับมื้อกลางวันนั้นใกล้กันมากในกรณีแบบนี้ ต้องตั้งเวลารับประทานยาให้ดีจะได้ไม่ลืม
อีกปัญหาที่ผู้ป่วยสงสัยบ่อยๆ ก็คือมื้อก่อนนอนต้องทำอย่างไร คำตอบคือ ถ้าก่อนนอนท้องว่างอยู่แล้วก็รับประทานยาได้เลย นั่นหมายความว่า หากเวลาเข้านอนห่างจากมื้อเย็นเกิน 2 ชั่วโมงอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไร แต่หากเป็นคนที่รับประทานอาหารเย็นค่อนข้างดึกแล้วนอนหัวค่ำ หรือเป็นคนที่รับประทานอาหารตอนดึกๆ ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ จึงสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ป่วยต้องเข้าใจเหตุผลว่าทำไมต้องให้รับประทานก่อนอาหาร และต้องระลึกว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบใดบ้างของเราที่อาจก่อให้เกิดปัญหาการใช้ยา ถ้าสามารถปรับพฤติกรรมได้ ก็ต้องปรับระหว่างการใช้ยา 5-7 วัน แต่ถ้าปรับไม่ได้ เช่น เป็นคนทำงานกลางคืน ตื่นกลางวันรับประทานอาหารไม่เป็นมื้อ หิวเมื่อใดก็รับประทานเมื่อนั้นก็คงต้องแจ้งเภสัชกรและแพทย์เพื่อพิจารณาเปลี่ยนยาเป็นชนิดอื่นที่เหมาะกับวิถีการใช้ชีวิตมากกว่า
ในส่วนของยาปฏิชีวนะ นอกจากตัวที่ต้องรับประทานตอนท้องว่างแล้ว ยังมียาบางตัวที่แนะนำให้รับประทานหลังอาหาร เพราะยาบางชนิด อาหารกลับช่วยให้ยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ยิ่งตัวยาบางตัวอาหารประเภทไขมัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ช่วยส่งเสริมให้ยาดูดซึมได้ดีขึ้น
บางครั้งท่านอาจเคยเจอฉลากที่ระบุว่า ห้ามรับประทานยาพร้อมนม ยาลดกรด หรือธาตุเหล็ก เพราะธาตุเหล็ก และแร่ธาตุอื่นที่มีประจุ 2+ หรือ 3+ เช่น แคลเซียม อะลูมิเนียม แมกนีเซียม สังกะสี อาจทำปฏิกิริยากับยา ทำให้ยาไม่สามารถดูดซึมและออกฤทธิ์ได้ จนไม่ได้ประสิทธิผลในการรักษา
และยังมียาหลายชนิดที่ละลายได้ไม่ค่อยดี ฉะนั้นเมื่อรับประทานยากลุ่มนี้ต้องดื่มน้ำมากๆ เพื่อทำให้ร่างกายขับยาออกได้ดี และป้องกันไม่ให้ยาตกตะกอนในทางเดินปัสสาวะ
ยาบางตัวเกิดปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ เช่น เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ทำให้ผู้ป่วยที่ใช้ยาเกิดอาการไม่พึงประสงค์รู้สึกไม่สบาย หน้าแดง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เนื่องจากยาไปยับยั้งกระบวนขจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ฉะนั้นห้ามดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างที่รับประทานยา
เพราะฉะนั้น เพื่อให้การใช้ยาเกิดประโยชน์ และความปลอดภัยสูงสุด เมื่อจำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ หรือยาใดๆ ก็ตาม ผู้ใช้ยาจะต้องอ่านฉลากให้ละเอียด เนื่องจากยาแต่ละชนิดมีข้อควรปฏิบัติ และข้อควรระวังที่ต่างกันออกไป
รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม
และ รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี